"...ผลที่ตามมาคือ เขาสามารถจำกัดขนาดของรัฐและจำนวนเจ้าหน้าที่ ทำให้ประหยัดงบประมาณ และลดกฎหมาย ลดเงื่อนไข - ขั้นตอนอนุญาตอนุมัติ ลดความจำเป็นในการพบปะของเจ้าหน้าที่กับเอกชน ปัจจัยที่ทำให้เกิดคอร์รัปชันจึงลงอย่างมหาศาล..."
มีอย่างน้อย 5 เรื่องที่เขาทำได้ดีมาก..
1. เป็นสังคมที่เคารพ “หลักนิติธรรม” (Rule of Law) หรือกติกาของกฎหมาย คือมีกฎหมายเท่าที่จำเป็นแต่บังคับใช้อย่างเท่าเทียม เป็นธรรม อะไรต้องเข้มงวดทุกคนก็รับสภาพเหมือนกัน จะเข้าคิวต่อแถว อะไรห้ามอะไรทำได้มันชัดเจนไม่ต้องเถียงหรือตีความให้มากเรื่อง
เป็นอย่างนี้ประชาชนก็สบายใจ ทุกคนจึงยำเกรงกฎหมาย
2. ประสิทธิภาพในการ “เปิดเผยข้อมูลสาธารณะในความครอบครองของรัฐ” ทั้งนโยบายสาธารณะ แผนและโครงการพัฒนาประเทศ การใช้งบประมาณ ใช้อำนาจในการบริหาร การจัดซื้อ การลงทุน ฯลฯ ถูกเปิดจนโปร่งใสให้ประชาชนรู้สิ่งที่อยากรู้ ใครจะตรวจสอบเสนอแนะก็ง่าย
3. ประสิทธิภาพจากการ “จำกัดอำนาจรัฐ” ไม่พยายามเข้าไปวุ่นวายควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประชาชน เท่ากับเป็นการส่งเสริมกลไกตลาด เพิ่มความคล่องตัวในการแข่งขันกับตลาดโลก
ผลที่ตามมาคือ เขาสามารถจำกัดขนาดของรัฐและจำนวนเจ้าหน้าที่ ทำให้ประหยัดงบประมาณ และลดกฎหมาย ลดเงื่อนไข - ขั้นตอนอนุญาตอนุมัติ ลดความจำเป็นในการพบปะของเจ้าหน้าที่กับเอกชน ปัจจัยที่ทำให้เกิดคอร์รัปชันจึงลงอย่างมหาศาล
4. “เจ้าหน้าที่รัฐ” มีรายได้และสวัสดิการเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ
5. “ผู้นำ” ที่มุ่งมั่นชัดเจนในการสร้างระบบราชการและการเมืองมือสะอาด ต้านโกงจริงจัง วางตัวเป็นแบบอย่างให้ประชาชนเชื่อถือ
น่าเสียดายว่าทั้งหมดนี้บ้านเราทำไม่ได้สักเรื่องเดียว
เอาแค่การแต่งตั้งรัฐมนตรี “มันคือแป้ง” แต่งตั้งรัฐมนตรีถุงขนม การให้อภิสิทธิ์แก่นักโทษชายชั้น 14 การตีความพลเอกประยุทธ์ หัวหน้าคณะ คสช. ‘ไม่ใช่’ เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ .. แค่ 4 เรื่องนี้ก็พังแล้วครับ
ท่านผู้อ่านคิดว่าเพราะอะไรครับ
ที่มา : Facebook มานะ นิมิตรมงคล
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก : https://thaibizsingapore.com , https://singapore.thaiembassy.org