‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเตนายกฯเพื่อไทย อัดยาวเกือบ 8 นาที โต้ ‘ชูวิทย์’ แฉปมซื้อที่ดินย่านสารสิน-ทองหล่อ กรีดกลับออกมาแฉเพราะไม่ซื้อที่ ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเลตไม่ได้ฟอกเงิน แต่ช่วยประชาชน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วะนที่ 18 สิงหาคม 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ผ่านเฟซบุ๊ก โดยในโพสต์เป็นคลิปวิดีโอพร้อมข้อความระบุว่า
“ผม เศรษฐา ทวีสิน วันนี้ผมตัดสินใจเอง ผมเข้ามาตรงนี้เพราะอยากทำให้ประเทศชาติ และเศรษฐกิจดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจจะทำ จนถึงวันนี้ ผมมั่นใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติเหมือนเดิม
ผมย้ำอีกครั้ง ศัตรูของผม คือความยากจน และความไม่เสมอภาคของประชาชน เป้าหมายของผม คือ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคนครับ”
ในคลิปวิดีโอรายละเอียด 7.51 นาที มีเนื้อหาดังนี้
ตลอดระยะเวลา 30 ปีในการทำธุรกิจของผม เป็นที่รับทราบและยอมรับของสังคมมาโดยตลอด วันนี้ผมออกมาพูดในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหารบริษัทแสนสิริและในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย บริษัทแสนสิริผ่านพ้นวิกฤตมาหลากหลายรูปแบบ ทีมงานทุกคนบริหารงานอย่างโปร่งใสในรูปแบบของคณะกรรมการตามข้อบังคับของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เราทำงานตามหลักธรรมาภิบาล
แสนสิริเติบโตในวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคง ไม่เคยถูกตั้งข้อกล่าวหาหรือแม้แต่ตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใสในการทำงานและการประกอบการของบริษัทแต่อย่างใด ผมออกมาวันนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริงและตอบคำถามของสังคมในกรณีการจัดซื้อที่ดินของแสนสิริและเรื่องนอมินี
@สอนชูวิทย์ แยกผู้ซื้อ-ขาpให้ออกก่อน
ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหาร ผมยืนยันว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบการ บริษัทเราดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว ผมขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่คุณชูวิทย์นำมากล่าวหา ซึ่งเป็นไปด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จบิดเบือนและก่อให้เกิดความเสียหายในทุก Episode ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ นำมาสร้างกระแสนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแปลงสารสินหรือที่ดินซอยทองหล่อ
คุณต้องยอมรับ แสนสิริในฐานะผู้ซื้อ ทำธุรกรรมกับผู้ขายรายต่างๆ โดยชำระค่าที่ดินตามราคาตลาดที่สมเหตุสมผล สัญญาซื้อขายเป็นสัญญาต่างตอบแทน ผู้ซื้อและผู้ขายมีหน้าที่ที่ต้องชำระหนี้ซึ่งกันและกัน รวมทั้งหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทแสนสิริคือผู้ซื้อ ซึ่งไม่สามารถที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการบริหารภายในของฝ่ายผู้ขายได้ในทุกขั้นตอน ฝั่งผู้ซื้อไม่มีนอมินี ไม่มีการปล่อยกู้ให้ผู้ขาย ความจริงเป็นการจดจำนองเพื่อเป็นการประกันการปฏิบัติตามสัญญาและห้ามผิดสัญญาของบริษัทผู้ขาย และรับประกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนเงิน 1,000 ล้านบาท มีหลักฐานชัดเจน ผมยืนยันไม่มีการทำสัญญากู้ อีกทั้งไม่มีการสมคบคิดใดๆและไม่เคยมีเงินทอนใดๆกลับมาที่ผมหรือพนักงานแสนสิริคนไหนทั้งสิ้น
โครงการ KHUN by YOO มีมูลค่าที่ดิน 1.1 ล้านบาท/ตารางวา เป็นราคาที่ดินที่ดีมากและไม่มีเงินทอนให้ใครขอย้ำอีกครั้ง คุณชูวิทย์ต้องแยกผู้ขายกับผู้ซื้อให้ได้ อย่าบิดเบือน และแสนสิริไม่มีนอมินีแน่นอนหลังจากนี้คุณจะพูดเรื่องที่ดินอีกกี่แปลงก็ได้ แต่คุณต้องแยกผู้ขายกับผู้ซื้อให้ชัดเจน คุณชูวิทย์ต้องใช้ความจริงที่ไม่บิดเบือน คุณโกรธเคืองที่บริษัทไม่ซื้อที่ดินคุณที่ซอยสุขุมวิท 24 เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว (2565) เราตกลงกันจากราคา 2,000 ล้านบาทเหลือ 1,800 ล้านบาทแต่ที่ดินของคุณชูวิทย์มีเงื่อนไขติดพันกับบริษัทไลมอนด์แลนด์ แสนสิริไม่สามารถซื้อที่ดินที่มีนิติกรรมซ้อนได้ แสนศิริเป็นบริษัทมหาชน ผมทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 100% และไม่มีอะไรที่ผิดกฎหมายรวมถึงไม่ผิดจริยธรรมใดๆที่ผ่านมา
@ปูดไม่ซื้อที่จึงโดนแฉ
10 เดือนตั้งแต่กันยายนปีที่แล้วจนถึงเดือนกรกฎาคม 2566 ในวันที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่มีข่าวออกว่าจะเสนอชื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมโดนข่มขู่ คุณฝากข้อความผ่านคนใกล้ชิดของคุณมาสั่งให้ผมมัดจำเงินเพื่อซื้อที่ดินของคุณแล้วทำ MOU แบบไม่มีเงื่อนไขในการซื้อที่ดินของคุณ ผมไม่ได้ทำอะไรผิด คุณไม่มีสิทธิ์มาข่มขู่ผม คุณติดต่อผู้ใหญ่มากมายให้มาบอกผมว่า คุณจะแฉผมแล้วจะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมไม่เหมาะสมในการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าจะให้ไม่แฉ ให้ผมตกลงซื้อที่ดินในราคา 2,000 ล้านบาททันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่งั้นคุณชูวิทย์จะเดินหน้าดิสเครดิตและด้อยค่าที่สุดต่อไป
นอกจากนี้คุณชูวิทย์ยังบิดเบือนไปถึงเรื่องดิจิตอลวอลเลต ทำให้ประชาชนเข้าใจว่านโยบายนี้เป็นนโยบายฟอกเงินผ่านทางคอยน์ ขอให้คุณชูวิทย์อย่าได้เอาเรื่องนโยบายดิจิตอล wallet ของพรรคเพื่อไทยมาโจมตีอย่างไม่มีหลักการโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีมีผลประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างมากสามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากถึง 50 ล้านคน และเป็นนโยบายสำคัญที่สุดอันดับหนึ่งที่ทำให้ประเทศ สามารถพลิกกลับมาได้อีกครั้งและงบประมาณทั้งหมดจะถูกอัดฉีดตรงไปยังประชาชนที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไปทุกคน
การที่ผมออกมาพูดความจริงครั้งนี้ ผมรู้ว่าคุณชูวิทย์ต้องไม่พอใจและอาจไปฟ้องศาล ผมก็พร้อมเอาพยานหลักฐานไปสู้คดีกับคุณชูวิทย์ต่อไป
ผม, เศรษฐา ทวีสิน ชีวิตผมตรวจสอบได้หมดทุกอย่างลูกผมมีหน้าที่การงานที่ดี เพื่อนทุกๆคนเตือนผมว่าอย่าลงการเมืองบันเปลืองตัว ผมขอบคุณในความหวังดีของทุกท่าน แต่ผมเศรษฐา ทวีสิน วันนี้ผมตัดสินใจเอง ผมอาสาเข้ามาตรงนี้ คืออยากให้ประเทศชาติและเศรษฐกิจดีขึ้นเพิ่มรายได้ให้กับประเทศให้ประชาชนมีประชิดของความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากวันแรกที่ตัดสินใจลงมือทำจนถึงวันนี้ผมมั่นใจและให้ประเทศชาติดำเนินการ
ผมย้ำอีกครั้ง ศัตรูของผมคือความยากจนความไม่สมภาพของประชาชน เป้าหมายของผมคือความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน