ประเด็นของเรื่องของการที่ผู้มีอำนาจมาใช้ประเด็น 112 มากลั่นแกล้ง หรือมาทำร้ายบุคคล ก็คงจะต้องมีการมาพิจารณาแล้วก็มาดู แต่ประเด็นเรื่องการทำให้มาตรา 112 ปกป้องสถาบันได้อย่างดีและไม่เป็นเครื่องมือให้กับใครที่มีอำนาจในการไปทำร้ายคนอื่น เป็นสิ่งที่เป็นหลักการ เราก็ยืนยันว่าปกป้องสถาบันและไม่ต้องการให้ใช้มาตรา 112 ไปทำร้าย ส่วนการที่จะลงรายละเอียดว่าแต่ละคนอาจจะมีจุดยืนแตกต่างกัน พรรคไทยสร้างไทยก็อาจจะมีอีกจุดยืน พรรคเสรีรวมไทยก็มีอีกจุดยืน ซึ่งต้องคุยกันในมาตรานี้เช่นเดียวกันทุกนโยบายเพราะปัญหาประเทศมีมากมายที่ต้องคุยกัน
หมายเหตุ:เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมโอกุระ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้นำตัวแทนพรรคผู้ร่วมจัดตั้งรัฐบาลได้แก่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม, นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่ และนายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง ร่วมกันแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน โดยทุกฝ่ายมีความเห็นต้องกันให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย
โดยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำเสนอรายละเอียดการชี้แจงของตัวแทนพรรคต่างๆนอกเหนือจากนายพิธามีรายละเอียดดังต่อไปนี้
@นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ในนามของเพื่อไทย เรามี 141 เสียงในพรรคที่เราร่วมกันจัดตั้งกับพรรคแกนคือพรรคก้าวไกล เราขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคก้าวไกล คือคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย และร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล เพื่อเป็นรัฐบาลแห่งความหวัง ความฝัน ของประชาชนให้ได้ ตรงนี้ขอยืนยันเลย จะเป็นครั้งที่ร้อย,500,600 ก็ยอม เพราะว่ามีกระแสปั่นตรงนี้เยอะมาก เรื่องที่สองในแนวทางที่เราได้ประกาศที่จะเข้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปแล้วว่าเรานำมาประกอบการพิจารณาทั้งหมด เรื่องแรกนั้นเราบอกไปแล้วว่าเราเองไม่ได้เป็นผู้เสนอเงื่อนไข เรายกให้เป็นหน้าที่ของพรรคแกนนำเป็นผู้เสนอ ซึ่งในทางข้อเท็จจริง ในการดำเนินการก็ผ่านกระบวนการของการทำข้อตกลงร่วมหรือ MOU ที่มาให้ทุกพรรคช่วยกันดู ขั้นตอนนี้แต่ละพรรคก็ไปดูว่าอะไรที่เราเห็นว่ารับได้ อะไรที่สมควรจะปรับแก้ อะไรที่เห็นว่ามันไปไม่ได้ด้วยกัน เราก็จะพิจารณาอย่างนั้น
แต่ในร่างนั้นมันเป็นร่าง เป็นสิ่งที่ไม่ได้ผูกมัดอะไรมากมายนัก ก็เปิดโอกาสให้แต่ละพรรคเสนอเข้ามา พรรคเพื่อไทยก็ได้เสนอเข้ามาตรงนี้ ดังนั้นคำถามที่มันอยู่ในเนื้อหาของ MOU มันก็จะถูกพิจารณาเช่นเรื่องของมาตรา 112 ดังนั้นถ้าเราลงนาม MOU ร่วมกันนั่นก็หมายความว่ามันมีข้อตกลงที่สรุปจบแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามที่เราเสนอให้กับพรรคแกนนำคือพรรคก้าวไกล เพราะฉะนั้นประเด็นนี้หัวหน้าพรรคก้าวไกลตอบชัดได้ว่าถึงขั้นตอนนี้มันไม่ใช่เป็นประเด็นที่ทำให้เราไม่ร่วมรัฐบาลร่วมกัน ในกรณีมาตรา 112 เพราะมีข้อตกลงร่วมที่ทุกคนเห็นทางออกร่วมกันได้
ส่วนประเด็นอื่นๆที่ถามก็ด้วยความเคารพในนามของพรรคเพื่อไทย ก็ขอยืนยันว่าเรายังจะทำภารกิจนี้ ให้สัมฤทธิ์ให้จงได้ ความหมายก็คือว่าเราจะผลักดันร่วมกันให้มีคะแนนในที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ได้ 376 เสียงให้ได้ เราเป็นพรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ทุกฝ่ายก็มีหน้าที่ที่จะต้องช่วยกัน ไม่ได้ปล่อยให้เป็นหน้าที่พรรคแกนนำอย่างเดียว ตรงนั้นอาจจะมีความเข้าใจผิดว่าการที่เราบอกว่าพรรคแกนนำเป็นผู้ดำเนินการ นั่นไม่ถึงว่าการเริ่มกัน แต่ว่าเมื่อทำงานด้วยกันแล้วทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ดังนั้นขอยืนยันว่าเราจะมีเสียงมากกว่า 376 เพื่อเข้าสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลอันเป็นรัฐบาลของประชาชน
โดยหลายเรื่องที่เราเจรจาพูดคุยกันมันจะอยู่ใน MOU นั้น ดังนั้นวันที่ 22 พ.ค. จะเป็นวันที่เราจะบอกว่าพวกเราจะร่วมมือกันอย่างไรบนพื้นฐานที่เราจัดตั้งรัฐบาล อะไรที่เป็นเงื่อนไข เป็นข้อจำกัด ที่จะต้องตกลงพูดคุยกันได้ ก็จะต้องให้ขบใน MOU แต่ถ้าไม่จบมันก็ต้องมีทางออกเช่นประเด็นที่เป็นประเด็นที่อ่อนไหว มีความเห็นต่างเยอะแยะ ยังไม่มีข้อตกลงร่วม เราก็จะแถลงว่าเราจะมีกลไกที่จะทำเรื่องนั้นได้อย่างไร
เช่นมาตรา 112 ที่มีความเห็นต่างกันเยอะ อะไรที่ตกลงร่วมกันก็อยู่ใน MOU ได้เลย แต่สิ่งที่เห็นต่างเยอะมาก เราก็จะยกประเด็นนั้นมาว่าเราจะหาทางออกตรงนั้นได้อย่างไร เพื่อจะร่วมมือกันทำงานในฐานะรัฐบาลของประชาชน ดังนั้นวันที่ 22 พ.ค.จึงมีความสำคัญมาก ในหลายประเด็นที่เป็นข้อห่วงใย เพื่อไทยก็จะมีคำตอบในวันนั้นเช่นกัน
@คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย
พรรคไทยสร้างไทยยืนยันว่าหลักการของเรา เราได้พูดเป็นสัญญาประชาคมตั้งแต่ระหว่างรณรงค์หาเสียงว่าเราสนับสนุนการที่ทุกฝ่ายต้องเดินตามครรลองประชาธิปไตย และก็ยึดหลักการประชาธิปไตย ดังน้นสิ่งทีเกิดขึ้นมาวันนี้ก็คือว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้เสียงสนับสนุน ได้ฉันทามติจากประชาชนเป็นอันดับหนึ่ง พรรคไทยสร้างไทยได้ประกาศต่อประชาชนตั้งแต่วันแรกแล้วว่าแม้จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล เราทำตามสัญญาประชาคม คือยกมือสนับสนุนให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าหากประเทศไม่มีหลักในด้านใดด้านหนึ่ง มันจะเกิดความวุ่นวาย ส่วนที่สองที่ผ่านว่าข้อตกลงในเรื่องของนโยบายต่างๆ ก็ยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่งในการที่จะมานั่งพูดคุยกัน หลังจากวันนี้ก็จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมกันในการที่จะมานับหนึ่งในการทำนโยบาย ขอยืนยันว่าสำหรับพวกเรา การทำนโยบายที่ได้ให้สัญญาประชมคมกับประชาชน สำคัญกว่าการมาแบ่งตำแหน่ง แบ่งกระทรวง
ดิฉันคนหนึ่ง ถ้าต้องมาร่วมรัฐบาลและต้องมาแบ่งกระทรวง แล้วก็ไปทำมาหากินกัน ดิฉันไม่จำเป็นต้องมาเป็นรัฐบาล แต่เราอยากจะผลัก ดันสิ่งที่เราเห็นว่าประชาชนยากลำบาก มาแก้ไขให้สำเร็จ อยากเห็นประเทศเดินหน้า อยากให้ประเทศไทยยืนหนึ่งบนแผนที่การแข่งขันโลก ไม่ใช่อยู่อย่างที่ผ่านมา
และสำหรับประเด็นเรื่องมาตรา 112 พรรคไทยสร้างไทยก็ชัดเจน วันนี้ทุกคนมีจุดยืนในด้าน 112 แล้วก็ได้พูดชัดเจนไปในทุกเวทีว่าอย่างแรกเลย ก็คงต้องพูดว่าหน้าที่ของพรรคการเมืองทุกพรรค ตามรัฐธรรมนูญ คือต้องรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ไว้ ดังนั้นการที่ทำอะไรแล้วจะไปเกิดการกระทบแล้วทำให้สถาบันเกิดความเสื่อมเสีย หน้าที่ของทุกพรรคการเมืองต้องปกป้อง
ส่วนประเด็นของเรื่องของการที่ผู้มีอำนาจมาใช้ประเด็น 112 มากลั่นแกล้ง หรือมาทำร้ายบุคคล ก็คงจะต้องมีการมาพิจารณาแล้วก็มาดู แต่ประเด็นเรื่องการทำให้มาตรา 112 ปกป้องสถาบันได้อย่างดีและไม่เป็นเครื่องมือให้กับใครที่มีอำนาจในการไปทำร้ายคนอื่น เป็นสิ่งที่เป็นหลักการ เราก็ยืนยันว่าปกป้องสถาบันและไม่ต้องการให้ใช้มาตรา 112 ไปทำร้าย ส่วนการที่จะลงรายละเอียดว่าแต่ละคนอาจจะมีจุดยืนแตกต่างกัน พรรคไทยสร้างไทยก็อาจจะมีอีกจุดยืน พรรคเสรีรวมไทยก็มีอีกจุดยืน ซึ่งต้องคุยกันในมาตรานี้เช่นเดียวกันทุกนโยบายเพราะปัญหาประเทศมีมากมายที่ต้องคุยกัน
@พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย
สำหรับผม เวลาลงไปหาเสียง ผมก็ให้พี่น้องประชาชนเลือกพรรคเสรีรวมไทย ทั้งคนทั้งพรรค เพื่อที่ผมจะได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศชาติ ซึ่งขณะนี้ผลการเลือกตั้งก็ออกมาแล้ว พี่น้องประชาชนสนับสนุนให้พรรคก้าวไกลให้บริหารประเทศโดยมีคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นผมจะไปเปลี่ยนคำพูด จะไปคิดอย่างอื่นก็เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ต้องยืนยันตามเจตนารมณ์ของผมด้วย เจตนารมณ์ของพี่น้องประชาชนด้วย ที่จะให้พรรคที่มีเสียงข้างมากได้จัดตั้งรัฐบาลและหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี
วันนี้ผมจึงมาแสดงตัวตนต่อท่านว่าพรรคเสรีรวมไทยสนับสนุนพรรคก้าวไกลและก็ให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนคำถามที่สื่อถามมา วันนี้ผมคิดว่าเรามีประเด็นเพียงว่ามาประกาศร่วมกัน 7 8 พรรคเพื่อจะสนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ส่วนประเด็นอื่นยังไม่ถึงเวลาที่จะตอบคำถามของท่าน และก็ถึงแม้จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันเราก็ต้องมีแนวทางร่วมกัน ถ้าหากมีแนวทางใดร่วมกันได้ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่ถ้ามีปัญหา บางสิ่งบางอย่างในบางประเด็นที่อาจจะต้องถามขึ้นมา เราก็อาจจะต้องมาคิดทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
@นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ
พรรคประชาชาติเราเคารพในระบอบประชาธิปไตยของประชาชนคนไทยทุกคน การเลือกตั้งทีผ่านมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. นั้น ประชาชนได้มอบให้ความไว้วางใจให้กับพรรคก้าวไกลมีเสียงข้างมากที่สุดของพรรคการเมืองทุกพรรคในการเลือกตั้งที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นได้แสดงให้เห็นถึงว่าพี่น้องประชาชนต้องการผู้นำรัฐบาลที่มาจากพรรคก้าวไกล เพื่อความเคารพต่อคะแนนเสียงของประชาชนในการตัดสินใจเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมา
พรรคประชาชาติจึงขอสนับสนุนคุณพิธาในการจัดตั้งรัฐบาลในคราวนี้ พรรคประชาชาติยินดีในการจะให้ความร่วมมือทุกประการในการจัดตั้งรัฐบาลของประชาชน โดยประชาชนและเพื่อประชาชนครั้งนี้ให้สำเร็จและอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรวมทั้งสื่อมวลชนโปรดได้ให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของประชาชนในประเทศนี้ ถ้าเราไม่เคารพเสียงการตัดสินใจโดยประชาชน เราก็จะติดกับปัญหาเดิมๆที่ไม่สามารถจะก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างามได้
ผมอยากจะให้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สื่อมวลชน ข้าราชการ และวุฒิสมาชิก เราโปรดได้คำนึงถึงพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดว่าเขาตัดสินใจอย่างไร และเขาต้องการอะไร เพื่อเราจะได้เดินไปข้างหน้าไปด้วยกัน ปัญหาวิกฤติของประเทศมันมีมากมายพอสมควรแล้ว ทั้งในระดับประเทศของเรา ทั้งในระดับภูมิภาค และระดับโลก เราไม่อาจจะอยู่กับปัญหาเดิมๆได้ เราจะชอบใคร รักใครไม่ว่า แต่เราต้องรักประชาชน ผมเชื่อว่าถ้าเราไม่รักประชาชน ปัญหาเดิมๆก็จะมาอีก
ผมยืนยันว่าสิ่งที่หัวหน้าพิธาพูดเป็นสิ่งที่ได้ตัดสินใจร่วมกัน และแน่นอนว่าวันนี้อาจจะยังไม่มีรายละเอียด ในการที่จะทำงานร่วมกันที่ยังเป็นปัญหาค้างคาใจของพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน แต่วันที่ 22 พ.ค. ท่านจะเห็นแสงของความก้าวไปข้างหน้า มันจะมาถึงในวันที่ไม่ไกลจากนี้ไป เราตั้งใจจริงๆ วันที่ 22 ก็จะเป็นเบื้องต้น ก็ขอฝากความหวังนี้ให้กับทุกคนด้วยความจริงใจ
@นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม
พรรคเป็นธรรมเป็นพรรคใหม่ นำเสนออุดมการณ์ในการหาเสียงอยู่เสมอก็คือว่าพรรคใหม่ คนใหม่ การเมืองใหม่ เราเน้นการทำการเมืองโดยสร้างสรรค์เป็นการเมืองใหม่ ผมต้องขอโอกาสนี้ในการของคุณทุกเสียง ทุกกำลังใจ ที่มอบให้พรรคเป็นธรรม ที่หนึ่งเสียงที่ได้รับการฉันทานุมัติมา เป็นหนึ่งเสียงที่มีค่าของท่าน วันนี้พรรคเป็นธรรมจะแสดงให้เห็นว่าการเมืองใหม่ นัยยะของพรรคเป็นธรรมผ่านตัวแทนของพรรคในสภาจะทำอย่างไร พรรคเป็นธรรมสนับสนุนมติมหาชน มติประชาชน ที่ให้ฉันทานุมัติมอบให้พรรคก้าวไกล ซึ่งนำโดยหัวหน้าพรรค คุณพิธา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
เพราะฉะนั้นพรรคเป็นธรรม โดยหนึ่งเสียงของพรรคเป็นธรรมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากคำพูดนี้ และเรื่องที่สำคัญถัดมาก็ถือว่าการดำเนินการของพรรคเป็นธรรมยืนยันว่าไม่มีข้อต่อรองทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ได้เป็น เรายึดมั่นใจอุดมการณ์ที่ประชาชนมอบให้ ในส่วนที่ได้มีการถามกันเข้ามา มีหลายเรื่องที่คิดว่าต้องคุยกันในคณะทำงานเช่นเรื่อง 112 ซึ่งพรรคเป็นธรรมได้มีจุดยืนและก็เคยประกาศต่อสาธารณชนไปแล้วทั้งผ่านทางเฟซบุ๊ก หรือจากเฟซบุ๊กเลขาธิการพรรค นายกัณวีร์ สืบแสง ที่ได้พูดเป็นระยะๆอยู่แล้ว ซึ่งทุกอย่างก็คงจะได้ไปตกผลึกใน MOU อันเป็นข้อถกแถลงร่วมกัน
ส่วนคำถามที่ว่าคุณสมบัติของคุณพิธา ผมเชื่อว่าพรรคก้าวไกลและคุณพิธาสามารถผ่านวิกฤติได้ ถ้ามีความเป็นธรรมให้กับเขา ผมย้ำว่าขอความกรุณากับทาง กกต. (คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ด้วยว่าท่านพิจารณาตรงไปตรงมาตามหลักฐานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย พิจารณาตามหลักเกณฑ์และมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับกัน ไม่ใช่ท่านให้ความไม่ยุติธรรมกับเขา
ส่วนเรื่องสุดท้ายคือเรื่องเสียง ส.ว. ผมเชื่อว่า ส.ว.ทุกคนเป็นผู้มีคณวุฒิและมีวุฒิภาวะ รู้ว่าจะต้องใช้เสียงไปในทิศทางใด ขอให้ทั้ง ส.ว.และ ส.ส.ตระหนักว่าวันนี้สังคมปัจจุบันนี้ คำถามที่ต้องการที่สุดก็คือเขาต้องการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลเดิมมาเป้นรัฐบาลใหม่ เป็นรัฐบาลแห่งความหวัง รัฐบาลของประชาชน เราต้องช่วยกันประคับประคองให้ก้าวไปสู่ความก้าวหน้าต่อไปเรื่อยๆ ส่วนความขัดแย้งทางการเมือง ขอยืนยันกับท่านว่าถ้ามีก็ไปว่ากันในสภา
ผมเชื่อว่าคุณพิธา พรรคก้าวไกล ตัวผมและก็ ส.ส.พร้อมที่จะสู้เคียงไหล่เคียงบ่ากับพรรคก้าวไกล
@นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ หัวหน้าพรรคพลังสังคมใหม่
ระบบประชาธิปไตย ผมได้เข้ามาหนึ่งเสียง ก็ไม่สามารถนำนโยบายของพรรคสังคมใหม่ไปใช้กับพี่น้องประชาชนได้ ผมมามองเห็นความศรัทธาและประชามติที่พี่น้องประชาชนเลือกพรรคก้าวไกล14 ล้านเสียง เพราะว่าพี่น้องประชาชนได้แสดงถึงว่าอยากจะให้คุณพิธามาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมในนามพรรคเล็กพรรคใหม่ ผมก็อยากจะให้การเมืองมันเดินไปได้ด้วยระบอบประชาธิปไตย
พรรคที่ได้เสียงข้างมากก็สามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคที่มีเสียงข้างมากก็มีอยู่สองพรรคได้แก่พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะว่าสังคมเราทุกวันนี้ มันมีความเหลื่อมล้ำเป็นอย่างมาก เรามาร่วมกันสร้างสังคมใหม่ดีไหม โดยให้คุณพิธาเป็นผู้นำขับเคลื่อน เรามาสร้างสังคมใหม่ให้มันลดความเหลื่อมล้ำลงมา ผมคิดว่าเรามาลดความขัดแย้งกันไหม ทุกคนที่มีอคติอยู่ไม่ว่าจะพรรคนู้นพรรคนี้ หน่วยงานราชการ หน่วยอะไรก็แล้วแต่ เรามาสร้างประเทศไทยด้วยกัน สร้างสังคมใหม่ด้วยกัน โดยให้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
@นายวสวรรธน์ พวงพรศรี หัวหน้าพรรคเพื่อไทรวมพลัง
พรรคเพื่อไทยรวมพลังมีอุดมการณ์ทางการเมือง อุดมการณ์ของพรรคประชาธิปไตยตั้งแต่ก่อตั้งพรรค รณรงค์เลือกตั้งหาเสียง ก็สอดคล้องกันกับทุกพรรคที่นั่งอยู่ ณ ที่นี้ โดยเฉพาะพรรคพี่ใหญ่ ผมเองก็เป็นพรรคการเมืองนาโนปาร์ตี้ อยู่จังหวัดอุบลราชธานีได้มาสองเขตคือเขต 3 กับ เขต 10 วันนี้ผมเองก็มีความตั้งใจมาแสดงจุดยืนว่า ส.ส. สองเขตก็สนับสนุนคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เพื่อตั้งรัฐบาล สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ ดึงดูดนักลงทุน ตอนนี้ขอแสดงจุดยืนขอให้ตั้งรัฐบาลได้