"...บ่อยครั้งที่ยังมีการอนุมัติการลงทุนหรือให้สัมปทานกับเอกชนบางกลุ่มอย่างไม่โปร่งใส โดยไม่สนใจคำทักท้วงของใคร แม้จะรู้ว่าขัดแย้งกับความรู้สึกชั่วดีของประชาชน..."
คนมักไม่เชื่อว่าประเทศนี้ยังมีนักการเมืองที่ ‘ไม่โกง’ เพราะสิ่งที่เห็นกันมาตลอดคือ ถ้าไม่โกงเองก็ปล่อยให้พวกโกง ใช้อำนาจบิดเบือนกฎหมาย แทรกแซงองค์กรอิสระ ชักใยซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ ผลักดันโครงการและใช้งบประมาณมากๆ โดยไม่ใส่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่ คุ้มค่าหรือมีผลเสียตามมาอย่างไร
มีข้อมูลจำนวนมากที่ชี้ว่า คดีคอร์รัปชันใหญ่ๆ ล้วนมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง อย่างเช่น คดีสนามฟุตซอล คดีบ้านเอื้ออาทร คดีสร้างโรงพักทั่วประเทศ คดีจำนำข้าว คดีโฮปเวลล์ คดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน คดีบุกรุกป่า คดีรถและเรือดับเพลิงของ กทม. คดีนักการเมืองพัวพันทุนยาเสพติดและธุรกิจกิจสีเทา รีดไถนักลงทุนที่ยื่นขอใบอนุญาตอนุมัติ ตบทรัพย์และล็อคสเปกในการจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีในสภาฯ
ความล้มเหลวและสิ้นเปลืองเกิดขึ้นกับสารพัดโครงการประชานิยมหรืออ้างการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงหมดเงินจำนวนมากเพื่อซื้อของราคาแพงที่บอกว่าจำเป็น แต่สุดท้ายกลับใช้ไม่ได้ ไม่ได้ใช้หรือใช้ไม่คุ้ม
บ่อยครั้งที่ยังมีการอนุมัติการลงทุนหรือให้สัมปทานกับเอกชนบางกลุ่มอย่างไม่โปร่งใส โดยไม่สนใจคำทักท้วงของใคร แม้จะรู้ว่าขัดแย้งกับความรู้สึกชั่วดีของประชาชน
บางท่านอธิบายว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะเราได้ผู้นำอ่อนหัดไม่ทำการบ้านศึกษาให้รอบคอบเสียก่อน รีบสั่งการเพื่อสร้างผลงานเอาหน้า งบประมาณที่สูญไปก็ไม่ใช่เงินของเขา แม้ภายหลังเกิดปัญหาก็เฉไฉเอาตัวรอดว่าไม่ใช่ความบกพร่องของตน
หลายท่านมองร้ายกว่านั้นว่า เป็นเพราะคนพวกนี้ไม่ได้คิดเพื่อประเทศชาติจริงจัง แต่ตั้งหน้าสร้างผลงานฉาบฉวย เพื่อเอาหน้า หาประโยชน์ หาส่วนแบ่งเงินทอนเข้ากระเป๋ามากกว่า
เชื่อว่าประเทศไทยยังมีนักการเมืองที่ซื่อสัตย์ จริงใจกับประชาชนอยู่บ้าง ดังนั้นในการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งนี้ เราคนไทยต้องร่วมมือกันเลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันชัดเจน ปฏิบัติได้ และเลือกคนไม่โกงเข้าสภาให้ได้มากที่สุด ส่วนพวกขี้โกงต้องไล่ให้ไกล อย่าปล่อยเข้ามามีอำนาจเลยจะดีกว่า คำว่ามีผลงานถึงโกงบ้างก็ไม่เป็นไร ต้องหมดไปเสียทีครับ