‘พีระพันธุ์’ร่ายยาวผ่านเฟซบุ๊ก เชื่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตประเทศ ทั้งวาระ 8 ปี ‘ประยุทธ์’ – สูตรคำนวณบัญชีรายชื่อ แนะแก้ ป.อาญา มาตรา 149 เอาผิดจอมบงการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ส.ค.2565 นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค - Pirapan Salirathavibhaga ระบุตอนหนึ่งถึงปัญหาวาระการดำรงตำแหน่งนากรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม รวมถึงปัญหาสภาล่ม ระหว่างการแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเกี่ยวกับสูตรคำนวณบัญชีรายชื่อโดยใช้ 500 หรือ 100 เป็นตัวหาร
นายพีระพันธุ์ ระบุว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว เรื่องวาระ 8 ปีของนายกรัฐมนตรี มีหลักเกณฑ์ในรัฐธรรมนูญ (รธน.) 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ระบุแต่เพียงว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ปัญหาคือผู้ร่าง รธน.ไม่ได้กำหนดวันเริ่มต้นนับหนึ่งของ 8 ปีไว้ว่าจะเริ่มนับเมื่อใด จึงเป็นเหยื่ออันโอชะสำหรับนักเล่นเกมที่จะตีความมาตรา 158 วรรคสี่ให้เป็นไปอย่างที่ตนคิดเพื่อประโยชน์ของตนเอง ไม่มีประโยชน์อะไรกับบ้านเมืองและประชาชน
รธน.2560 มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 โดยหลักการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 แต่มีมาตรา 264 ในบทเฉพาะกาลบัญญัติไว้ว่าให้ ครม.ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้ รธน.ปี 2560 เป็น ครม.ตามบทบัญญัติแห่ง รธน.ปี 2560 จนกว่า ครม.ที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกจะเข้ารับหน้าที่ ดังนั้นทำให้ ครม.ชุด คสช.เป็น ครม.ต่อไป และ พล.อ.ประยุทธ์ มีความเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
นายพีระพันธุ์ ระบุด้วยว่า ตามความหมาย มาตรา 264 ครม.ชุด คสช.เปลี่ยนสภาพมาเป็น ครม.ตามรธน.ปี 2560 ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2560 แต่จะเริ่มนับ 8 ปีจากวันที่ 24 ส.ค.2557 หรือจากวันที่ 6 เม.ย.2560 เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ
“รธน.ปี 2560 ไม่ได้เขียนไว้ว่าการนับระยะเวลา 8 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกตาม รธน.ปี 2560 นั้นให้เริ่มนับจากได้รับเลือกจากรัฐสภาภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตาม รธน.2560 หรือให้นับจากเมื่อใด ทุกคำตอบจึงอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ” นายพีระพันธุ์ ระบุ
นายพีระพันธุ์ ยังระบุถึงปัญหาสภาล่ม ระหว่างพิจารณาแก้ไขกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่า ในวันที่ 15 ส.ค.นี้จะมีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้เสร็จตามระยะเวลา 180 วันที่ รธน.ปี 2560 กำหนดไว้ แต่หัวหน้าทีมไม่สน สั่งลูกทีมนักเล่นเกมทั้งหลายแล้วว่าให้ไปลงชื่อแล้วไม่ต้องลงสนาม รอให้กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาตามกติกา
นายพีระพันธุ์ ระบุด้วยว่า กติกา 180 วันนี้ เขาวางไว้เพื่อให้เร่งทำกฎหมายที่เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองให้เสร็จ แต่นักเล่นเกมกลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือวางหมากเกม เรื่องวุ่นจึงเกิดขึ้นเพราะนักเล่นเกมเกิดเปลี่ยนข้างมายิงประตูตัวเอง แต่สาเหตุเกิดเพราะอะไรต้องไปถามหัวหน้าทีมผู้คอยสั่งการ แบบนี้แปลเป็นไทยน่าจะเรียกว่าใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เรื่องแบบนี้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 มีเจตนารมณ์ป้องกันมิให้ ส.ส.ซึ่งก็คือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองจากการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของ ส.ส.มีการแก้ไขเพิ่มเติมครั้งหลังสุดปี 2502 จึงน่าจะถึงเวลาแก้ไขกฎหมายให้บรรดานักเล่นเกม โดยเฉพาะจอมบงการที่ใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้องมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาด้วยแม้ไม่มีเรื่องของการเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดก็ตาม
นายพีระพันธุ์ ระบุต่ออีกว่า รธน.ปี 2560 กำหนดว่าถ้าที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาพิจารณาไม่แล้วเสร็จใน 180 วันให้ถือว่ารัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างที่เสนอมาตามมาตรา 131 ที่กำหนดที่มาไว้ 2 ประการ คือ เป็นร่างของ ครม. หรือร่างของ ส.ส. ในขณะที่กรณีที่เป็นปัญหานี้มีทั้งร่าง ครม. และร่างของ ส.ส.รวมกันหลายฉบับ บางคนบอกว่าให้ดูข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ปี 2563 ข้อ 101 กำหนดให้ถือเอาร่างที่ใช้เป็นหลักในการพิจารณาในวาระที่สองเป็นร่างที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ซึ่งในกรณีนี้คือร่าง ครม. แต่ประเด็นคือข้อบังคับการประชุมรัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา ต้องเป็นเรื่องที่กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการประชุมและวิธีการทำงานของแต่ละสภา และของกรรมาธิการของแต่ละสภา ไม่ใช่กำหนดหลักเกณฑ์การตีความ รธน.
นายพีระพันธุ์ ระบุทิ้งท้ายด้วยว่า หลังการประชุมรัฐสภาที่จะล่มในวันที่ 15 ส.ค.นี้การจะนำร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับไหนมาใช้บังคับต่อไป คงต้องรอศาลรัฐธรรมนูญอีกเรื่องหนึ่งแน่ ศาลรัฐธรรมนูญจึงเป็นผู้ชี้ชะตาอนาคตประเทศตัวจริง