แถลงการณ์ 'ประยุทธ์' ชวนคนไทยร่วมมือสู้ความยากจน กางกลยุทธ์ 3 แกนสร้างอนาคต ทำโครงสร้างพื้นฐาน-ผลักดันยานยนต์ไฟฟ้า-ปลดล็อกคนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้ โวอีกไม่เกิน 2 ปีเห็นการผลิดอกออกผล ขอบคุณคนไทยที่ใจเย็น ยอมรับแสดงออกไม่เก่ง แต่ตั้งใจทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกแถลงการณ์ เรื่อง กลยุทธ์ 3 แกน สร้างอนาคต โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทย กำลังกลับเข้าสู่ภาวะการใช้ชีวิตที่ใกล้เคียงปกติแล้ว ข้างหน้าของเรายังมีอีกหนึ่งภัยร้าย ที่ใหญ่ยิ่งกว่า รอเราอยู่ นั่นคือ เราจะอยู่รอดอย่างไร จากการโหมกระหน่ำของพายุการขึ้นราคาทุกอย่าง ซึ่งสงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นส่วนสำคัญยิ่งที่กระตุ้นให้ข้าวของแพง ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน อาหาร ค่าขนส่ง จนถึงขั้น ทำให้บางประเทศในภูมิภาค เข้าใกล้การล่มสลายทางเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้จะเล่าเรื่องสำคัญเกี่ยวกับกลยุทธ์ภาพใหญ่ที่จะมาแก้ปัญหาปากท้อง และความยากจน ให้หมดไป
หลายรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศช่วงระยสั้นๆ ได้ดำเนินนโยบายแก้ปัญหาความยากจนเฉพาะหน้า หรือมีโครงการลดแลกแจกแถมต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่า บางโครงการเป็นสิ่งที่ควรทำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน แต่โครงการแบบนั้น ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และแน่นอนว่าไม่ทำให้ใครรวยขึ้นมาได้
“ผมตั้งใจเดินหน้าด้วยความมุ่งมั่น ที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ เพื่อช่วยทุกคน ให้สามารถสร้างรายได้ให้มากขึ้นอย่างยั่งยืน ขอให้ทุกท่านเดินหน้าไปกับผม ในช่วงเวลาที่ภารกิจระยะยาวที่ผมได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กลยุทธ์ภาพใหญ่ที่มี 3 แกนนำจะมายกระดับความรุ่งเรืองของประเทศเป็น 3 แกนหลักที่กำลังจะเสร็จ และกำลังจะพร้อมช่วยทุกคนได้ในอนาคตอันใกล้
โครงสร้างพื้นฐานสะพานเชื่อมความมั่งคั่ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แกนที่ 1 คือโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศที่ใหญ่ที่สุด และบูรณาการมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ประเทศไทย โครงการสร้างทางรถไฟ ถนน สนามบิน หรือท่าเรือ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความรุ่งเรืองมั่งคั่งของทุกคน โครงการที่ต้องใช้เวลาก่อสร้างยาวนานหลายปี และตอนนี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เป็นสิบๆ ปีที่ผ่านมา รัฐมักจะวางแผนโครงการที่สวยหรูมากมาย แต่สุดท้ายถูกเก็บขึ้นหิ้งจนฝุ่นเกาะ และไม่เคยถูกทำให้เกิดขึ้นจริง กลายเป็นว่า ประชาชนหลายสิบล้านคน ยังคงต้องใช้ชีวิตกันต่อไป โดยไม่ได้รับประโยชน์ ความมุ่งมั่นหลักของตน คือ ทำอย่างไรให้โครงการนับร้อยๆ เหล่านั้น เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเป็นไปอย่างบูรณาการ เพราะจะเป็นเหมือนสะพานเชื่อม เป็นเครื่องมือให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและประเทศ โครงการสำคัญต่างๆ ของเรา ในทุกมุมของประเทศ มีความคืบหน้าไปมากพอสมควร และเริ่มใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ผลักดันภาคอุตสาหกรรม ตั้งเป้าศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่ออีกว่า แกนที่ 2 คือ แกนที่เกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมทั้งหมด ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงต่างๆ เป็นภาคอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงเชื่อมต่อไปถึงธุรกิจขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดเล็กอีกมากมาย ตลอดจนดึงเงินมหาศาลให้ไหลเข้าประเทศไทย ผ่านการส่งออกต่างๆ เป็นตัวขับเคลื่อนความมั่งคั่งรุ่งเรืองของไทยที่สำคัญในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ อุตสาหกรรมนี้ กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่ เพราะการเปลี่ยนแปลงไปสู่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก เป็นเวลาที่ผู้ผลิตยานยนต์อาจจะต้องเลือกที่จะสร้างโรงงานผลิตรูปแบบใหม่ในประเทศต่างๆ ดังนั้น เราต้องเดินหน้าให้เร็ว และเร็วกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
“ผมได้ขับเคลื่อน และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกในการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่สำคัญของโลก เราต้องล็อกผู้ผลิตยานยนต์ทั่วโลกให้อยู่ในไทย และเราต้องช่วยให้เรื่องต่างๆ ง่ายขึ้นสำหรับเค้า ในการที่เค้าจะลงทุนเพิ่ม และขยายธุรกิจของเค้าในประเทศไทย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า หากทำสำเร็จ เส้นทางนี้จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่เกื้อหนุนหล่อเลี้ยงอุตสาหกรรมต่างๆ และประเทศไทยให้มั่งคั่งต่อไปได้อีกเป็น 20-30 ปีข้างหน้า วันนี้เราเดินมาได้ไกลแล้ว ผู้ผลิตยานยนต์ระดับโลกหลายรายแสดงเจตนารมณ์ว่าจะเดินหน้าตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่จะต้องทำในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เพื่อให้ได้ข้อสรุปกับผู้ผลิตยานยนต์ต่างๆ เหล่านั้น
อีกส่วนหนึ่งของภารกิจนี้ คือ ต้องทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า มีราคาที่ถูกลง สำหรับคนไทยทุกคน ซึ่งจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ประมาณเดือน ส.ค.
หาช่องปลดล็อกคนตัวเล็กเข้าถึงแหล่งเงินกู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า แกนที่ 3 คือ ภาคการธนาคาร เพื่อสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับประเทศ เพื่อที่จะช่วยทุกคนให้สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้อย่างยั่งยืน ไทยมีประชาชนมากกว่า 30 ล้านคนที่ไม่สามารถกู้เงินได้ และบางคนอาจจะไม่เคยมีบัญชีธนาคารเลยด้วยซ้ำ เราต้องกลับมาถามตัวเองว่า ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ในเมื่อธนาคารและเงินกู้จากธนาคารคือหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดที่ประชาชนสามารถใช้ในการสร้างอนาคตและความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ รวมทั้งช่วยให้เค้าสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่มีปัญหาไปได้โดยที่ธุรกิจไม่ล้ม หรือไม่ต้องหมดเนื้อหมดตัว
“ถ้าเราสามารถหาหนทางที่จะทำให้ประชาชน 30 ล้านคนเหล่านั้น เข้าถึงระบบธนาคาร สามารถขอเงินกู้ และใช้บริการต่างๆ จากธนาคารได้ เราก็จะสามารถกระตุ้นความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับประเทศเราได้ด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่ธนาคารจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าที่เป็นคนตัวเล็กๆ และทำมาค้าขายเลี้ยงตัวเอง ให้มากยิ่งขึ้น คนกลุ่มนี้จะเป็นพลังที่สำคัญมากต่อความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของประเทศ เราควรต้องส่งเสริม เพื่อระดมพลังสร้างสรรค์มาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศ ความร่ำรวยของคนทำมาค้าขายเล็กๆ เจ้าของร้านค้า หรือคนรุ่นใหม่ อยู่ที่สมองและสองมือของเค้า อยู่ในหัวใจที่มุ่งมั่นที่จะทำงานหนัก เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ธนาคารต่างๆ ประเมินความสามารถในการคืนเงินกู้ ของผู้กู้ ที่เป็นคนตัวเล็ก ๆ ได้
ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำการศึกษาแล้ว เกี่ยวกับการผลักดันให้ภาคการเงินของประเทศไทยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และทำให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่แย่ลงทุกวัน จากสงครามรัสเซีย-ยูเครน บอกเราว่า เราต้องเดินหน้าให้เร็วยิ่งขึ้น ตนต้องการเห็นธนาคารต่างๆ ในประเทศไทย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งเครื่อง กระบวนการต่างๆ เหล่านี้ เพื่อทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนทุกคน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ตนเชื่อลึกๆ ว่า คนไทยทุกคน ในทุกมุมของสังคม มีสิ่งเดียวที่เค้าต้องการขอจากรัฐบาล คือ ขอให้ช่วยสร้างแพลตฟอร์มที่ประชาชนจะสามารถช่วยเหลือตัวเค้าเองได้ และขอให้รัฐทำสิ่งต่างๆ ที่จะช่วยประชาชนทุกคนให้ได้รับโอกาสที่เป็นธรรม ที่พวกเค้าจะสามารถสร้างชีวิตของตัวเองให้มั่งคั่งได้
ขอบคุณที่ใจเย็น ขออีก 2 ปีจะผลิดอกออกผล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า 3 แกนสำคัญที่พูดถึงจะเปิดโอกาสที่มากขึ้นในการสร้างความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้กับประชาชนนับล้านๆ แกนที่หนึ่งคือขับเคลื่อนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แกนที่สอง คือผลักดันภาคอุตสาหกรรม และทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะไม่หลุดออกจากเมืองไทยเรา ไปอยู่ในประเทศอื่น แต่ต้องทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแห่งหนึ่งของโลกให้ได้ และแกนที่สาม คือพลิกโฉมภาคการธนาคาร ให้กลายเป็นผู้ช่วยเหลือประชาชนที่มากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาใช้ในการทำงานของธนาคาร
นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า นี่คือเรื่องที่ยิ่งใหญ่อย่างมากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสอดคล้องกับยุคสมัยใหม่และอนาคต ภารกิจของตนคือ ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ ตอนนี้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เกือบที่จะเสร็จแล้ว เราเดินมาได้ไกลตามกลยุทธ์ และตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่เราจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้แล้ว
“ผมขอบคุณทุกท่าน ที่ใจเย็นกับผม ให้ผมได้เอาแผนโครงการที่ยิ่งใหญ่ ผลักดันมาสู่การปฏิบัติจริง ผมไม่ใช่คนที่แสดงออกหรือนำเสนออะไรได้เก่งนัก แต่ผมรู้ว่า ผมจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เรื่องใหญ่ๆ เกิดขึ้นจริงได้ บางครั้งผมอาจจะพูดอะไรที่ฟังดูตลก แต่ขอให้ทุกท่านรู้ว่า ผมบริสุทธิ์ใจ และหัวใจของผมอยู่กับประชาชนทุกคน และอยู่กับประเทศไทยครับ” พล.อ.ประยุทธ์
นายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้วได้เชิญชวนทุกท่านให้ร่วมมือกัน ต่อสู้กับภัยร้ายสำคัญของประเทศนั่นคือโควิด-19 ซึ่งทุกคนได้ตอบรับและร่วมมือกันอย่างดี จนเราประสบความสำเร็จได้ ไม่เพียงแค่ต่อสู้กับโควิดได้สำเร็จ แต่ประเทศไทยได้โชว์ให้ทั้งโลกเห็นว่า เราเป็นประเทศที่จัดการกับโควิดได้ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลก วันนี้ขอเชิญชวนทุกคนร่วมมือกันด้วยสปิริตแบบเดิมนั้นอีกครั้ง ร่วมแรงร่วมใจกันทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ช่วยกันต่อสู้กับโรคระบาดความยากจน สร้างเศรษฐกิจของประเทศให้แข็งแรง ประชาชนทุกคนทุ่มเทความรู้ ความมุ่งมั่น การทำงานหนัก พลังสร้างสรรค์ จิตวิญญาณของการเป็นผู้ประกอบการ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ จิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่ของความเป็นคนไทย ส่วนตนจะขับเคลื่อนรัฐบาล ให้ทำโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดให้สำเร็จ ช่วยทำภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้แข็งแรง และช่วยภาคการธนาคารให้ทำงานอย่างสอดคล้องและตอบโจทย์ยุคสมัยใหม่ เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองได้ เชื่อว่าเราทำได้ และเราจะได้เห็นการผลิดอกออกผล ในเวลาไม่เกิน 2 ปีข้างหน้า ลงมือเชื่อมไทยเดินหน้า