"...ทำให้สามารถคาดคะเนได้ว่าจะมีการนำช่อดอกกัญชาที่ปลูกในครัวเรือน (ซึ่งสามารถปลูกได้โดยไม่จำกัดจำนวน) ไปสูบโดยเด็กและเยาวชน และแม้แต่ผู้ใหญ่ มากเพียงใด ดังที่เริ่มมีเยาวชนไทยเริ่มทดลองสูบกัญชาที่ปลูกในบ้านเพื่อน ด้วยอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเองจากการดู YouTube หลังจากที่มีการประกาศประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้..."
ข้อเท็จจริงที่ควรทราบ เรื่อง จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากปลดกัญชาจากการเป็นยาเสพติด ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป
กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ฉบับลงนามวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ) จะมีผลบังคับใช้หลังพ้น 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา คือ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ประกาศฉบับนี้กำหนดให้เฉพาะ “สารสกัด” ที่มี THC มากกว่าร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก เท่านั้น ที่เป็นยาเสพติด ส่งผลให้ “พืชกัญชา (เช่น ช่อดอก ซึ่งไม่ใช่สารสกัด แต่มี THC สูงถึงร้อยละ 10-20)” จะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป (ดูภาคผนวก 1 สำหรับคำอธิบายละเอียด) ซึ่งเท่ากับเป็นนโยบายกัญชาเสรี ไปไกลเกินกว่านโยบายกัญชาทางการแพทย์มาก ทุกคนสามารถสูบช่อดอกกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด ซึ่งรวมถึงเด็กและเยาวชนด้วย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอ (หมายเหตุ: พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 2565 ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่มีการห้ามเสพกัญชา เนื่องจากในสมัยนั้นกัญชายังเป็นยาเสพติด)
ขณะนี้ ร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ซึ่งเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดในระดับหนึ่ง ได้ถูกบรรจุในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาวาระ 1 ในวันที่ 8 มิถุนายน 2565 ซึ่งจะต้องผ่านกระบวนการต่างๆในสภาผู้แทนราษฎรตามระเบียบมาตรฐาน และจะต้องเสนอต่อวุฒิสภาเพื่อพิจารณาต่อไป กระบวนการทั้งหมดนี้จึงต้องใช้เวลา และไม่มีทางเสร็จสิ้นทันก่อนวันที่ 9 มิถุนายน นี้ จึงจะส่งผลให้เกิดสุญญากาศทางนโยบาย คือ กัญชาจะเป็นพืชที่ไม่เป็นยาเสพติดตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 นี้เป็นต้นไป และจะไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาในทางที่ผิดที่เพียงพอ ประชาชนทุกครัวเรือนจะสามารถปลูกและใช้กัญชาได้เหมือนการปลูกพริก ปลูกผัก ทั่วไป หากไม่นำกัญชาไปสกัด แม้กระทรวงสาธารณสุขจะออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดให้กลิ่นและควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใดในทำนองเดียวกันเป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.... ก็จะสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนรำคาญที่ผู้สูบกัญชามีต่อผู้อื่นในระดับหนึ่ง
ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ แต่ไม่ได้เป็นการแก้ต้นเหตุ คือ ไม่สามารถควบคุมการปลูกและการนำช่อดอกกัญชาไปสูบโดยเยาวชนหรือประชาชนแต่ประการใด ทำให้สามารถคาดคะเนได้ว่าจะมีการนำช่อดอกกัญชาที่ปลูกในครัวเรือน (ซึ่งสามารถปลูกได้โดยไม่จำกัดจำนวน) ไปสูบโดยเด็กและเยาวชน และแม้แต่ผู้ใหญ่ มากเพียงใด ดังที่เริ่มมีเยาวชนไทยเริ่มทดลองสูบกัญชาที่ปลูกในบ้านเพื่อน ด้วยอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเองจากการดู YouTube หลังจากที่มีการประกาศประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ (ดูภาคผนวก 2 สำหรับภาพการสูบกัญชาโดยเยาวชนไทย) อีกทั้งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่ามีการสูบกัญชามากขึ้นในกลุ่มเยาวชนในประเทศแคนาดา และบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากที่มีนโยบายกัญชาเพื่อนันทนาการ
แม้ประเทศที่ให้ใช้กัญชาอย่างเสรีที่สุด คือ ให้ใช้กัญชาเพื่อนันทนาการได้ ยังมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้น เช่น ประเทศอุรุกวัย รัฐผูกขาดการค้าส่งในประเทศ ผลิตภัณฑ์กัญชาที่ซื้อขายในตลาดจะต้องบรรจุในถุงที่ไม่มีลวดลายใดๆ ถุงบรรจุนี้ระบุได้เพียงร้อยละของ THC และข้อความคำเตือนเกี่ยวกับการใช้กัญชา มีมาตรการห้ามโฆษณา ห้ามให้ทุนอุปถัมภ์ และห้ามส่งเสริมการขาย โดยสิ้นเชิง และ มีมาตรการกำหนดไม่ให้เสพกัญชาแล้วขับขี่ยานพาหนะ และมีมาตรการภาษีกัญชา ส่วนประเทศแคนาดา รัฐผูกขาดการค้าส่ง มีการควบคุมการครอบครองกัญชาในที่สาธารณะ (เช่น ห้ามครอบครองเกินหนึ่งต้นกัญชาที่มีช่อดอกในที่สาธารณะ) ห้ามแสดงผลิตภัณฑ์กัญชา หรือ บรรจุภัณฑ์ หรือ สลาก ให้เยาวชนเห็น ส่งผลให้มีแต่การจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาในร้านที่จำหน่ายกัญชาโดยเฉพาะ ซึ่งห้ามเยาวชนเข้า (คือไม่มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาให้เห็นได้ทั่วไป) ห้ามการโฆษณาโดยรูปแบบ/วิธีการ/เนื้อหาที่เยาวชนสนใจ มีการอนุญาตให้ปลูกกัญชาในครัวเรือนได้ แต่ต้องไม่เกินครัวเรือนละสี่ต้น และห้ามปลูกให้เห็นได้จากที่สาธารณะนอกบ้าน และบริเวณที่ปลูกในบ้านต้องไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าถึงได้ (เช่น เด็กๆในบ้านต้องไม่สามารถเข้าถึงได้) และมีมาตรการภาษีกัญชา เป็นต้น จึงสรุปได้ว่า แม้ประเทศที่ปล่อยให้มีการใช้กัญชาอย่างเสรีที่สุด คือ สามารถใช้เพื่อนันทนาการได้ ยังมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้น เพราะเล็งเห็นโทษที่จะตามมาหากปล่อยให้มีการใช้กัญชาในทางที่ผิดมากๆ จึงไม่มีประเทศใดในโลกที่กำหนดให้มีนโยบายกัญชาเสรีโดยไม่มีการควบคุมใดๆ
เงื่อนไขสำคัญที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่มีรองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม เป็นประธาน มีมติเห็นชอบในวันที่ 25 มกราคม 2565 ต่อประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ แต่ให้มีผลบังคับใช้ใน 120 วัน คือ เพื่อให้มีการกำหนดมาตรการควบคุมการใช้ในทางที่ผิด (เช่น สูบดอกกัญชาเพื่อการนันทนาการ) อย่างเพียงพอ ก่อนที่ประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้จริงๆ และยังได้อภิปรายในที่ประชุมว่าสามารถที่จะขยายเวลาออกไปได้อีกหากยังไม่มีมาตรการควบคุมการใช้ในทางที่ผิด จึงมีความชอบธรรมอย่างยิ่งที่คณะกรรมการ ป.ป.ส. จะพิจารณาชะลอการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ไปก่อน และจะยิ่งเป็นความสง่างามของกระทรวงสาธารณสุข หากกระทรวงสาธารณสุขจะพิจารณาเสนอให้ชะลอการบังคับใช้ประกาศฉบับนี้ด้วยตนเอง เพื่อปกป้องสุขภาพของเยาวชนและประชาชน เนื่องจากยังไม่มีมาตรการควบคุมการใช้ในทางที่ผิดอย่างเพียงพอ
เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชนต้านภัยยาเสพติด 29 พฤษภาคม 2656
การวิเคราะห์โครงสร้างการกำหนดสิ่งที่เป็นยาเสพติดในประเภท 5 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ฉบับประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565
ประกาศกระทรวง เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ฉบับประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ระบุว่า
“ข้อ 1 ให้ยาเสพติดให้โทษที่ระบุชื่อดังต่อไปนี้ เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด
(1) พืชฝิ่น
(2) เห็ดขี้ควายหรือพืชเห็ดขี้ควาย
(3) สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง ยกเว้นสารสกัดดังต่อไปนี้
(ก) สารสกัดที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (THC) ไม่เกินร้อยละ 0.2โดยน้ำหนัก เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่ปลูกภายในประเทศ
(ข) สารสกัดจากเมล็ดของพืชกัญชาหรือกัญชง ที่ได้จากการปลูกภายในประเทศ”
ดูภาพที่ 1 ประกอบคำอธิบาย ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุดนี้กำหนดให้ พืชฝิ่น (วงเล็บ 1) เห็ดขี้ความหรือพืชเห็ดขี้ความ (วงเล็บ 2) และ สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชง (วงเล็บ 3) เป็นยาเสพติด แต่ยกเว้นให้กับ สารสกัดที่มี THC ไม่เกินร้อยละ 0.2 และ สารสกัดจากเมล็ด เฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่ปลูกภายในประเทศ (วงเล็บ 3.ก และ 3.ข) ซึ่งหากดูจากภาพ บริเวณสีเทาเข้มจะเป็นยาเสพติด บริเวณสีเทาอ่อนจะได้รับการยกเว้น ไม่เป็นยาเสพติด แต่บริเวณสีขาว คือ พืชกัญชา (เช่น ดอกกัญชา) ไม่ได้ถูกระบุว่าเป็นยาเสพติดในประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับล่าสุดนี้ เพราะพืชกัญชาไม่ใช่สารสกัด จึงมีคำถามสำคัญ คือ พืชกัญชา เช่น ช่อดอก ซึ่งไม่ใช่สารสกัด ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 ตามประมวลกฎหมายยาเสพติดอยู่หรือไม่? หากไม่เป็นยาเสพติดแล้ว ไม่ว่าผู้ใดซึ่งรวมถึงเด็กและเยาวชนก็สามารถสูบช่อดอก (ซึ่งมี THC > 10% หรือถึง > 20% โดยน้ำหนักได้) ได้ใช่หรือไม่? หากสูบแล้วจะมีบทลงโทษใดหรือไม่?