"...นโยบายขอคืน ถ้าจะทำให้ได้ ต้องเลิกระบบบำนาญแบบร่วมทุกข์ร่วมทุยของประกันสังคมในปัจจุบัน ไปเป็น บำนาญที่ขึ้นกับเงินออมส่วนบุคคลก่อน ถ้าเป็นแบบนี้ กองทุนจะไม่เสี่ยงล้มละลาย สมาชิกคนอื่นก็จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ต้องยอมรับว่าจะมีคนได้เงินบำนาญต่ำลงจำนวนมาก เพราะไม่มีสูตรบำนาญแบบเดิมช่วย..."
ผมที่เรียนจบปริญญาโทการคลังประกันสังคมมาโดยตรง มีความเห็นต่างว่าการแก้ พรบ ประกันสังคม ในระบบ 3 ขอ คือ 1.ขอเลือก 2.ขอคืน 3.ขอกู้ นั้น มีผลกระทบรุนแรงระดับเป็นการ “ฆ่าตัวตายของระบบประกันสังคม” นำไปสู่การล่มสลายของระบบประกันสังคม ที่พวกเราช่วยกันสร้างขึ้นมา ด้วยเหตุผลดังนี้
1.ขอเลือก บำเหน็จแทนบำนาญ ไม่สอดคล้องกับ สถานการณ์คนอายุยืนขี้น ซึ่งต้องการบำนาญตลอดชีวิต การให้เงินก้อน มีโอกาสที่จะใช้เงินหมด แล้วไม่มีเงินใช้ตอนอายุมากขึ้น กลายเป็นปัญหาสังคม และต้องหาเงินรัฐมาช่วยในที่สุด
2.ขอคืน เงินไม่เกิน 30% โดยไม่เสียดอกเบี้ย นั้น กองทุนประกันสังคม“บาดเจ็บสาหัส”แน่นอน อย่างน้อยก็จะทำให้การลงทุนประกันสังคมมีผลตอบแทนต่ำลงแน่นอน เพราะประกันสังคมต้องเตรียมเงินเผื่อถูก “ขอคืน” ทำให้เงินกองทุนที่จะไปลงทุนลดลงมาก เกิดปัญหาไม่สามารถจ่ายบำนาญตามที่กำหนดในสูตรบำนาญเดิมได้ ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาอยู่แล้ว ในกรณีแย่ที่สุด ที่ทุกคนที่มีสิทธิไป “ขอคืน” จะเกิดสถานการณ์เหมือนคนแห่ไปถอนเงินธนาคารทำให้ กองทุนระกันสังคมก็จะเข้าสู่ภาวะ “ล้มละลาย” ได้ และยังเสี่ยงต่อการกู้แบบเป็นหนี้สูญ
3.ขอกู้ โดยเอากองทุนประกันสังคมไปค้ำประกันเงินกู้ส่วนบุคคล ข้อนี้ กองทุนประกันสังคม “ถึงขั้นตาย”แน่นอน เป็นการให้ผู้ประกันบางคน เอาเปรียบคนทั้งหมด เพราะ ถ้าส่งเงินไม่ได้ กองทุนประกันสังคมต้องรับผิดชอบจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยแทน ทำให้เงินกองทุนลดลง ถึงขั้นล้มละลายได้ เพราะ ต้องเอาเงินกองทุนไปจ่ายแทนคนกู้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นได้ไม่จำกัด
ทีกล่าวมานี้ ไม่ได้บอกว่า นโยบายนี้ผิด แต่ กระบวนการทำให้ได้ตามที่คิดนั้น สามารถทำได้โดยต้องแก้กฎหมายเพิ่มอีก ดังนี้
ข้อ 2 นโยบายขอคืน ถ้าจะทำให้ได้ ต้องเลิกระบบบำนาญแบบร่วมทุกข์ร่วมสุขของประกันสังคมในปัจจุบัน ไปเป็น บำนาญที่ขึ้นกับเงินออมส่วนบุคคลก่อน ถ้าเป็นแบบนี้ กองทุนจะไม่เสี่ยงล้มละลาย สมาชิกคนอื่นก็จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ต้องยอมรับว่าจะมีคนได้เงินบำนาญต่ำลงจำนวนมาก เพราะไม่มีสูตรบำนาญแบบเดิมช่วย
ข้อ 3 ขอกู้ ก็ เช่นกัน ต้องเลิกระบบบำนาญแบบร่วมทุกข์ร่วมสุขของประกันสังคมในปัจจุบัน ไปเป็น บำนาญที่ขึ้นกับเงินออมส่วนบุคคลก่อน แล้วค้ำประกันด้วยวงเงินที่เป็นบัญชีออมของตัวเอง ส่วนเกินกว่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่ กองทุนประกันสังคมจะเข้าไปรับผิดชอบ
ที่อธิบายมา หวังว่าจะทำให้เห็นภาพว่าทำไมผมถึงบอกว่าเรื่องนี้แก้เล็กไม่ได้ ถ้าจะทำจะกลายเป็นหายนะ จึงต้องแก้ใหญ่ ซึ่งก็ขึ้นกับผู้ประกันตนทุกคนว่าอยากจะแก้ใหญ่อย่างที่ผมบอกไหม