"....เมื่อเดินทางไปถึงที่อยู่ดังกล่าว พบว่า เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น มีป้าย บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ติดอยู่ทางเข้าบ้าน แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ที่อยู่อาศัยในบ้าน ถึงข้อมูลบริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ได้รับคำชี้แจงว่า บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว แค่มีการยืมสถานที่จดทะเบียนตั้งเท่านั้น ถ้าอยากจะติดต่อต้องติดต่อไปที่แจ้งวัฒนะ..."
..................................
ประเด็นตรวจสอบการจัดซื้อยุทธภัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวกับการจัดซื้อกล้องตรวจการณ์กลางคืน แบบตาเดียวหรือ Night Vision Scope ของกองทัพบก ที่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.ก้าวไกล หยิบยกขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่โปร่งใส โดยตั้งข้อสังเกตว่า 1. การประกวดราคาในช่วงปี 60 จนถึง กลางปี 2563 วิธีประกวดราคาที่ใช้ส่วนใหญ่ คือ วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) แต่ในช่วงตั้งแต่เดือน พ.ค.2563 มีการเปลี่ยนวิธีการประกวดราคาใหม่ ในการจัดซื้อ 3 สัญญาล่าสุด เป็น วิธีเฉพาะเจาะจงแทน 2. การจัดซื้อหลายสัญญา โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงกลางปี 2562 ราคาวงเงินงบประมาณ ราคากลาง และราคาที่ชนะการประมูล จะเท่ากันทั้งหมด
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ อภิปรายชี้แจงข้อเท็จจริงถึงการจัดซื้อกล้องตรวจการณ์กลางคืน แบบตาเดียวหรือ Night Vision Scope ว่า "เรามีหน่วยทหารหลายหน่วยที่มีขีดความสามารถที่แตกต่างกัน เรามีทั้งหน่วยทหารราบ หน่วยรบพิเศษ มีความจำเป็นต้องใช้กล้องดังกล่าวในภารกิจลาดตระเวน เฝ้าตรวจเวลากลางคืน โดยเฉพาะหน่วยเฉพาะกิจตามแนวชายแดน ค้นหาการลักลอบเข้าเมืองและขนยาเสพติดผิกดฎหมาย จึงต้องใช้กล้องที่มีประสิทธิภาพสูง"
"ในปี 2561 ก่อนจัดซื้อ กองทัพบกได้สืบหากล้องตาสเปคที่ต้องการ เชิญผู้ประกอบมาทำการทดสอบ ทดลองใช้งานกับหน่วยต่างๆ จนนำไปสู่การกำหนดสเปคที่ต้องการ ทั้งนี้เป็นการจัดซื้อโดยวิธีประกวดราคา (e-bidding) ส่วนปี 2563 หน่วยงานยืนยันความต้องการใช้กล้องแบบเดิมเพื่อให้ครบตามจำนวนที่ต้องการ และทราบว่ามีผู้จำหน่ายเพียงรายเดียว จึงใช้วิธีเฉพาะเจาะจง ราคาจัดซื้อเท่ากับปี 2561-2562"
ยังเป็นประเด็นสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นอกจากการนำข้อมูลการจัดซื้อกล้องตรวจการณ์กลางคืน, บุคคล (แบบตาเดียว) แบบ 2 ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ในช่วงปี 2563 จำนวน 3 สัญญา ของกองทัพบก ที่ปรากฎชื่อ บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด เป็นคู่สัญญา และข้อมูลการกำหนดคุณลักษณะเฉพาะ (สเปค) กล้องตรวจการณ์กลางคืน, บุคคล (แบบตาเดียว) แบบ 2 ที่กองทัพบกจัดซื้อจาก บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง ราคาเฉลี่ย 495,000 บาท ต่อเครื่อง มานำเสนอให้สาูธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
(อ่านประกอบ : กางหลักฐาน! ซื้อกล้องตรวจการณ์วิธีเจาะจง ก่อน 'บิ๊กตู่' อ้างเหตุมีผู้จำหน่ายรายเดียว?, มองเห็น'คน-รถถัง'ด้วยแสงดาว! โชว์สเปคกล้องฯ ทบ.ตัวละ 4.95 แสน-ตัวแทนขายมีเจ้าเดียว)
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ดังนั้น เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564 จึงได้เดินทางไปติดต่อ ผู้บริหารบริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ตามที่อยู่ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อขอสัมภาษณ์เป็นทางการ
โดยข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 ทุน 5,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 592/191 ถนนลาดปลาเค้า แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
แจ้งประกอบธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์แสงพลังงาน โซล่าเซลส์ รวมทั้งอะไหล่อุปกรณ์ของสินค้าดังกล่าว พร้อมติดตั้งระบบนำเข้าซื้อขายเข้าประมูลงานที่เกี่ยวข้องกับภาคเอกชนรัฐบาล เป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์แสงพลังงานโซล่าเซลส์
ปรากฎชื่อ นายธนพล วิเชียรประสิทธิ์ นางสาวรจเรข ธีรเมธาวิทย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 29 เมษายน 2563 นาย ธนพล วิเชียรประสิทธิ์ ถือหุ้นใหญ่สุด 65% มูลค่า 3,250,000 บาท นางสาว กฤติมา นองเนือง ถือหุ้นอยู่ 30% มูลค่าหุ้น 1,500,000 บาท นางสาว จีราพร พิณเสนาะ 5% มูลค่าหุ้น 250,000 บาท
เมื่อเดินทางไปถึงที่อยู่ดังกล่าว พบว่า เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น มีป้าย บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ติดอยู่ทางเข้าบ้าน
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามผู้ที่อยู่อาศัยในบ้าน ถึงข้อมูลบริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ได้รับคำชี้แจงว่า บริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด ไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว แค่มีการยืมสถานที่จดทะเบียนตั้งเท่านั้น ถ้าอยากจะติดต่อต้องติดต่อไปที่แจ้งวัฒนะ (ดูรูปประกอบ)
ต่อมาผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้ตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริษัท ซิลเวอร์บริดจ์ ดีเฟนซ์ กรุ๊ป จำกัด จากฐานข้อมูลออนไลน์ พบว่า บริษัทฯ มีที่ตั้งอีกแห่ง คือ เลขที่ 34/9 ซอยประชาอุทิศ 13 เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
เมื่อไปถึงที่พบว่าเป็นทาวน์เฮ้าส์ขนาด 3 ชั้น ประตูถูกปิดไว้ ไม่พบผู้อยู่อาศัยแต่อย่างใด (ดูภาพประกอบ)
อย่างไรก็ดี จากการสอบถามข้อมูลผู้ที่พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง ได้รับทราบว่า "บ้านหลังนี้ยังมีผู้อาศัยอยู่ แต่หลายๆเดือนจะมาอาศัยสักครั้งหนึ่ง โดยจะมาด้วยรถขนาด 6 ที่นั่ง สีขาว แต่ไม่ทราบยี่ห้อ และจะอยู่ประมาณสักอาทิตย์ แล้วก็ออกไป โดยผู้ที่อาศัยนั้นมีด้วยกัน 2 คน คาดว่าจะเป็นแม่และลูกชาย ซึ่งลูกชายนั้นน่าจะอายุได้ประมาณ 30 กว่าปีแล้ว แต่ส่วนตัวก็ไม่เคยคุยกับผู้อยู่อาศัยคนดังกล่าว ก็เลยไม่ทราบว่าเขาทำอาชีพอะไรเหมือนกัน"
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ เลขที่ 34/9 ซอยประชาอุทิศ 13 เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร นั้น สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า เป็นสถานที่ตั้งของ บริษัท นงลักษณ์ การช่าง จำกัด ที่ปรากฎชื่อ นาย ธนพล วิเชียรประสิทธิ์ เป็นกรรมการอยู่ด้วย
บริษัท นงลักษณ์ การช่าง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2536 ทุน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย ณ วันที่ 29 เมษายน 2563 นางสาว จุฑา วรรธนะพินทุ ถือหุ้นใหญ่สุด 99.8% มูลค่า 998,000 บาท หุ้นที่เหลืออยู่ในชื่อ นางสาว จินต์จุฑา มณีสม และ นาง มาลัย ปานขลิบ
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีการจัดซื้อกล้องตรวจการณ์กลางคืน ของกองทัพบกนั้น เมื่อวันที่ 22 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา พ.ต.หญิง ปวีณา ศรีบัวชุม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมว่า การจัดหากล้องตรวจการณ์เวลากลางคืน บุคคลแบบตาเดียวแบบ 2 นั้น กองทัพบกจัดหามาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2561 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) จำนวน 3 สัญญา และในปีงบประมาณ 2563 ได้มีการจัดหากล้องฯ ดังกล่าวอีกจำนวน 64 ชุด โดยดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง เพราะหน่วยทหารราบและหน่วยรบพิเศษมีความจำเป็นต้องใช้กล้องดังกล่าวในภารกิจลาดตระเวนและเฝ้าตรวจในเวลากลางคืน โดยเฉพาะหน่วยที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศตามแนวชายแดน ตลอดจนการเฝ้าตรวจและค้นหาการลักลอบขนยาเสพติด และการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทำให้กองทัพมีความต้องการใช้งานกล้องที่มีประสิทธิภาพสูง โดยกล้องที่คัดเลือกเป็นกล้องที่ใช้หลอดภาพขาว-ดำ ยี่ห้อ Photonis รุ่น XR5 ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส มีความคมชัดมากกว่ากล้องตรวจการณ์กลางคืนที่แจกจ่ายให้หน่วยทั่วไป คือมีจำนวน Linepair หรือความละเอียดของภาพสูงกว่า มีระบบลดอัตราการขยายแสงแบบอัตโนมัติ (Auto Gating) จะไม่ตัดการทำงานเมื่อมีแสงจ้า
พ.ต.หญิง ปวีณา ยังระบุด้วยว่า ส่วนระบุว่าการจัดซื้อมีราคาเท่าปีงบประมาณ 2561 และ 2562 นั้น เนื่องจากเป็นราคาที่ได้จากการดำเนินกรรมวิธีจัดหาครั้งสุดท้าย และเมื่อสืบราคาจากผู้ประกอบการแล้ว มีราคาไม่ต่ำกว่าราคาจัดหาครั้งสุดท้าย จึงได้กำหนดเอาราคาจัดหาครั้งสุดท้ายเป็นราคากลางในปีงบประมาณ 2563 ส่วนเหตุผลที่กองทัพบกเปลี่ยนวิธีการจัดหาจากวิธี e-bidding เป็นวิธีเฉพาะเจาะจง เนื่องจากหน่วยที่ใช้ได้ยืนยันความต้องการกล้องแบบรุ่นเดิมที่ใช้หลอดภาพ (ขาว-ดำ) ยี่ห้อ Photonis รุ่น XR5 หน่วยเคยได้รับการแจกจ่ายมาแล้ว 3 ครั้ง ทำให้ง่ายต่อการปรนนิบัติบำรุงและการส่งกำลัง อีกทั้งกำลังพลของหน่วยใช้ได้รับการฝึกและใช้จนเกิดความชำนาญแล้ว จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้แทนจำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทผู้ผลิตเพียงรายเดียวในประเทศไทย
(อ่านประกอบ : กองทัพตั้งโต๊ะแจง!เจ้ากรม ขส.ทบ.ซื้อรถบัสปัดเอื้อเอกชน-ไม่ได้ซอยโครงการเลี่ยงถูกสอบ)
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมด :
ขยายข้อมูล ส.ส.ก้าวไกล! 'อิศรา' เจาะจัดซื้อกล้องตรวจการณ์ ทบ.4 ปี 198 ล. ผูกซื้อ 2 บ.
'บิ๊กตู่'แจงจัดซื้อชุดทหาร-กล้องตรวจการณ์ แต่ไม่ตอบปมรถ ขส.ทบ.7 สัญญา 2.2 พันล.
กางหลักฐาน! ซื้อกล้องตรวจการณ์วิธีเจาะจง ก่อน 'บิ๊กตู่' อ้างเหตุมีผู้จำหน่ายรายเดียว?
มองเห็น'คน-รถถัง'ด้วยแสงดาว! โชว์สเปคกล้องฯ ทบ.ตัวละ 4.95 แสน-ตัวแทนขายมีเจ้าเดียว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage