กระท่อมหลังเล็กและผุพังใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ของยายแมะเอียด สะนิ วัย 63 ปี แทบไม่มีสภาพของการเป็นที่อยู่อาศัยหลงเหลืออยู่เลย...
แต่ใครจะเชื่อว่ามันเคยเป็นทั้งที่อยู่ ที่กิน และที่นอนของ 3 ชีวิต คือ ยายแมะเอียด กับลูกชายอายุ 30 ปีที่ป่วยเป็นโรคแขนขาอ่อนแรง และหลานชายวัย 14 ปีที่เกิดกับลูกอีกคนหนึ่ง และหนีจากไปตั้งแต่ยังแบเบาะ ทิ้งภาระไว้ให้ยายแมะเอียดเลี้ยงดู
กระท่อมหลังนี้แม้แต่กันฝนก็ยังไม่ได้ วันไหนที่ฝนตก ทั้งสามคนต้องนอนเปียก ยังดีที่มีคนใจบุญชวนให้ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งที่ปิดร้างไว้ ทำให้พอมีที่หลบฝนหลบแดดได้บ้าง
แม้จะมีบ้านอยู่ฟรี แต่ชีวิตของยายแมะเอียดก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อหารายได้เลี้ยงลูกชายที่มีสภาพไม่ต่างจากคนพิการ กับหลานชายที่อยู่ในวัยเรียน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็อยู่วัยไม้ใกล้ฝั่งแล้ว
ยายแมะเอียด เล่าว่า ลำพังเงินจะกินแต่ละวันจากงานรับจ้างทั่วไปยังหายาก หนำซ้ำก่อนหน้านี้มาเจอโควิดระบาดเข้าไปอีก ทำให้ไม่มีงาน เคยพยายามลงทุนทำข้าวต้มมัดขาย แต่ก็ไม่มีใครซื้อ เพราะคนไม่มีเงิน ยังดีที่ตอนนี้โควิดเริ่มหมด ก็เลยไปรับจ้างล้างจานให้ร้านอาหาร ไปกับหลานสองคน ได้วันละ 150 บาท เมื่อได้เงินมาก็จะซื้อข้าวสารเก็บไว้กิน และแบ่งเงินไว้ให้หลานไปโรงเรียน รวมทั้งค่าน้ำค่าไฟ
แต่ที่แย่ก็คือ งานที่จ้างไม่ได้มีทุกวัน บางช่วงทิ้งห่างนานเป็นอาทิตย์กว่าทางร้านจะเรียกให้ไปทำงาน ช่วงที่ไม่มีงานก็ต้องเด็ดผักเด็ดหญ้ามาต้มกินกับข้าว อย่างวันนี้ก็มีเงินติดตัวเพียง 3 บาท พูดพลางยายแมะเอียดก็ร้องไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจ
"ยายทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมา จะได้นำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว แต่บางวันก็ไม่มีเงินเลย อย่างวันนี้ยายมีเงินทั้งเนื้อทั้งตัวแค่ 3 บาทเท่านั้น"
หลานของยายแมะเอียด ปีนี้เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามใน อ.โคกโพธิ์ ด้วยความยากจนของครอบครัว ทำให้ตอนเรียนอยู่ชั้นประถม หนุ่มน้อยต้องใส่ชุดนักเรียนชุดเดิมซ้ำๆ กันถึง 3 ปี เมื่อกางเกงขาด ยายก็จะเย็บให้ พอตัวโตขึ้น กางเกงสั้นเกินไป ยายก็จะใช้ผ้าของกางเกงอีกตัวมาเย็บต่อให้เป็นตัวเดียว เพื่อให้หลานได้ใส่ เพราะไม่มีเงินซื้อชุดนักเรียนใหม่ให้หลาน
วันไหนที่มีรายได้จากค่าจ้าง ยายแมะเอียดก็จะแบ่งเงินให้หลานไปโรงเรียน 20 บาท แต่หลานชายก็ช่วยประหยัด ไม่ยอมทานอะไรนอกจากอาหารของโรงเรียน เพื่อเก็บเงินมาคืนยาย เล่าถึงตรงนี้ยายก็กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
"บางวันได้เงินมาก็เอาเงินให้หลานไปโรงเรียน 20 บาท แต่หลานก็เหลือกลับมาให้ยายอีก 10 บาท...ชีวิตยายลำบาก ต้องซื้อข้าวสารทีละกิโลฯ" นางเล่าพลางสะอื้น
คุณยายแมะเอียด บอกด้วยว่า หลานชายเป็นเด็กดี ช่วยงานทุกอย่าง ทั้งงานในบ้าน นอกบ้าน และยังตั้งใจเรียน จึงอยากให้หลานได้ทุนการศึกษา เพื่อให้เขาได้เรียนสูงที่สุดเท่าที่จะเรียนได้
"สิ่งที่อยากได้มากที่สุดคือบ้าน เพราะกลัวเจ้าของเขากลับมา เราจะไม่มีที่อยู่ กระท่อมหลังเก่าก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร เพราะพังหมดแล้ว ถ้าหลานได้ทุนการศึกษาก็คงดี ทุกวันนี้หลานจะช่วยยายทำงานทุกอย่าง ทั้งงานในบ้าน และงานนอกบ้านที่ยายรับจ้างทำ พอเขากลับจากโรงเรียนเขาจะรีบไปหายาย ไม่ว่ายายอยู่ที่ไหนก็จะไปหา และช่วยทำงาน"
ขณะที่หนุ่มน้อยที่มีชื่อเพราะๆ ว่า ด.ช.ชีวพรรษา มณีคุณ บอกว่า ถึงบางวันจะไม่มีเงินไปโรงเรียนเลยก็ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่กลัวที่สุดคือไม่มีใครช่วยยายทำงาน เนื่องจากยายต้องหาเงินคนเดียวมาเลี้ยงพวกเรา อยากเรียนสูงๆ มีงานทำ และอยากเป็นทหาร จะได้ดูแลยาย และช่วยดูแลประเทศชาติ
"ตอนนี้เรียนอยู่ ม.1 ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปเรียนทุกวัน เพราะยายไม่มีเงิน บางวันไปเรียนไม่มีเงินเลย ก็ไปกินข้าวที่โรงเรียน สงสารยาย กลัวไม่มีใครช่วยยายทำงาน ยายต้องหาเงินคนเดียวมาเลี้ยงพวกเรา แต่เราต้องไปโรงเรียนด้วย ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากเรียนสูงๆ มีงานทำ พอทำงานได้จะได้ให้ยายอยู่เฉยๆ และอยากช่วยชาติด้วย จึงอยากเป็นทหาร"
อีกสิ่งหนึ่งที่เด็กชายอยากได้เป็นพิเศษ คือพบหน้าพ่อแม่บังเกิดเกล้าสักครั้งหนึ่ง
"เสียใจมากที่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ อยากเจอหน้าพ่อแม่สักครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยมาหาผมเลย ผมท้อและเสียใจมากแต่ก็พยายามช่วยยายทุกอย่าง ล้างจาน หุงข้าว กวาดบ้าน คุยกับยายตลอด คุยทุกวันว่าเราจะทำอย่างไรให้เรามีบ้าน ให้เรามีข้าวกิน ยายบอกว่าต้องตั้งใจเรียนและทำงาน ชีวิตเราก็จะเปลี่ยน และได้ในสิ่งที่เราต้องการทุกอย่าง ผมจึงสัญญากับยายว่าจะตั้งใจ และถ้าเป็นไปได้จะเป็นทหาร จะเลี้ยงยายและช่วยชาติ"
เป็นความฝันอันงดงามของหนุ่มน้อยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีโอกาสเป็นความจริง...