
การเมืองไทยลุ้นยุบสภา และคาดเดาวันเลือกตั้งใหม่กันแบบรายวัน แต่ถึงอย่างไรก็ปักหมุดกันเร็วที่สุดราวๆ ไตรมาสแรกของปีหน้า
แต่สำหรับประเทศเมียนมา เพื่อนบ้านของไทย ซึ่งเกิดการรัฐประหารและมีสงครามกลางเมืองมานานหลายปี ล่าสุดมีกำหนดเลือกตั้งทั่วไปก่อนประเทศไทย คือ วันที่ 28 ธ.ค.ที่จะถึงนี้
แม้ไม่ใช่การเลือกตั้งในประเทศของเรา แต่คนไทยอย่างเราๆ ก็ควรให้ความสนใจ เพราะเมียนมาเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดต่อกับไทยมากที่สุดในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดของไทย และยังมีความสัมพันธ์ทั้งบวกและลบร่วมกันอีกหลายมิติ
โครงการกิจการความมั่นคงชายแดนศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เผยแพร่บทความ “ทำไมคนไทยต้องจับตา ‘เลือกตั้งเมียนมา 28 ธันวาคม 2025’ : 5 เรื่องที่ต้องรู้ก่อนการตัดสินอนาคตประเทศเพื่อนบ้าน”
“ทีมข่าวอิศรา” เห็นว่ามีเนื้อหาน่าสนใจ จึงนำมาเผยแพร่ ดังนี้
@@ สงครามกลางเมืองเมียนมา ไทยแบกปีละ 300 ล้าน
การเลือกตั้งเมียนมาที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 28 ธันวาคม 2025 เป็นมากกว่าเหตุการณ์ภายในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะผลลัพธ์ของมันจะเกี่ยวพันกับ “ความมั่นคงไทย” แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณรัฐ อาชญากรรมข้ามชาติ กองกำลังติดอาวุธ หรือความปลอดภัยของผู้คนในพื้นที่ชายแดน
บทความนี้สรุป 3 เหตุผลใหญ่ และ 5 ข้อเท็จจริงสำคัญที่คนไทยต้องรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้
3 เหตุผลที่ไทยต้องให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งเมียนมา
1. ไทยต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจากผลกระทบสงครามเมียนมากว่า 300 ล้านบาทต่อปี
สงครามยืดเยื้อทำให้ผู้หนีภัยหลั่งไหลเข้ามาตามแนวชายแดน โดยข้อมูลของ UN และหน่วยงานความมั่นคงไทยระบุว่า ประเทศไทยต้องใช้งบประมาณไม่น้อยกว่า 300–500 ล้านบาทต่อปี เพื่อดูแลด้านมนุษยธรรม เช่น การแพทย์ อาหาร ที่พักฉุกเฉิน และการประสานงานด้านความปลอดภัยในพื้นที่ชายแดน
กระแสผู้หนีภัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังการรบในรัฐกะเหรี่ยง คะเรนนี และรัฐฉานรุนแรงขึ้นในช่วงปี 2023–2025 ไทยจึงต้องเตรียมงบประมาณและกำลังเจ้าหน้าที่มากกว่าเดิม
2. เมียนมาคือแหล่งกำเนิดอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบไทยโดยตรง
พื้นที่ไร้รัฐจากสงครามกลายเป็นแหล่งเติบโตของหลายธุรกิจผิดกฎหมาย ได้แก่ ยาเสพติดจากรัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งยังเป็นแหล่งผลิตหลักของภูมิภาค, ฐานสแกมเมอร์ข้ามชาติ ในเมียวดี รัฐคะฉิ่น และเขตภายใต้กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น UWSA และ Kokang
แรงงานไทยจำนวนมากถูกหลอกไปทำงานสแกมในฝั่งเมียนมา ขณะที่มูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์กระทบประชาชนไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี
3. การรบชายแดนกระทบความปลอดภัยของไทยทันที
เหตุยิงปืนข้ามแดน การรุกล้ำพื้นที่ไทยของกำลังติดอาวุธ และกระสุนปืนใหญ่ตกในหมู่บ้านฝั่งไทยเกิดขึ้นหลายครั้งในรอบสองปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในแม่สอด สบเมย และพบพระ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงว่าหากการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยลดความขัดแย้ง ไทยจะต้องเผชิญเหตุการณ์ลักษณะนี้ต่อไปหรือรุนแรงกว่าเดิม
@@ เลือกตั้งไม่หยุดสงคราม สะเทือนไทยทุกมิติ ไม่เว้นสแกมเมอร์
5 เรื่องสำคัญที่ต้องรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งเมียนมา 2025
1. ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วประเทศ แต่เลือกเฉพาะพื้นที่ที่ “ไม่มีการสู้รบเท่านั้น”
เมียนมายังมีการรบในกว่า 50–60% ของพื้นที่ประเทศ ทำให้เปิดคูหาได้เพียงบางเขตที่กองทัพพม่าควบคุมได้อย่างมั่นคง คาดว่ามีประชาชนเพียงไม่ถึง 20% ที่สามารถไปใช้สิทธิ์ได้จริง
พื้นที่ที่ควบคุมโดยฝ่ายต่อต้าน เช่น รัฐกะเหรี่ยง รัฐคะเรนนี รัฐฉาน และส่วนใหญ่ของภาคซะไกง์ จะไม่มีการเลือกตั้งเลย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ติดชายแดนไทย
2. พรรคชาติพันธุ์และฝ่ายต่อต้านถูกกันออกจากการเลือกตั้งเกือบทั้งหมด
คณะกรรมการการเลือกตั้งที่แต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร ได้จำกัดสิทธิ์ของพรรคการเมืองหลายกลุ่ม โดยเฉพาะพรรคชนกลุ่มชาติพันธุ์และพรรคที่เคยสนับสนุนรัฐบาลพลเรือน ทำให้พรรคที่ลงแข่งขันได้จริงมีเพียงพรรคที่ใกล้ชิดกองทัพ เช่น USDP หรือพรรคที่จัดตั้งใหม่โดยเครือข่ายสนับสนุน
การหาเสียงยังถูกควบคุมอย่างเข้มงวด สื่อและการชุมนุมทางการเมืองถูกจำกัดอย่างมาก
3. นานาชาติส่วนใหญ่ไม่รับรองผลการเลือกตั้ง
ประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐ แคนาดา สหภาพยุโรป รวมถึงองค์การระหว่างประเทศหลายแห่ง ประกาศมีท่าทีชัดเจนว่าจะไม่รับรองผลการเลือกตั้ง เนื่องจากขาดความโปร่งใสและมีข้อจำกัดด้านสิทธิมนุษยชน
ประเทศที่มีท่าทีสนับสนุนมากกว่า ได้แก่ จีน อินเดีย และรัสเซีย โดยมีเหตุผลด้านความมั่นคงและผลประโยชน์ยุทธศาสตร์ในภูมิภาค
4. การเลือกตั้งเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่
ฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียนยังไม่ถูกปฏิบัติจริง ขณะเดียวกันมีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศมากกว่า 3.1 ล้านคน, เกิดเหตุโจมตีพลเรือน โรงเรียน และโรงพยาบาลมากกว่า 1,000 ครั้งต่อปี, หลายพื้นที่ยังคงถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
สถานการณ์นี้ทำให้การเลือกตั้งไม่สามารถสะท้อนเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ได้จริง
5. ทุกอย่างยังอยู่ภายใต้ “รัฐธรรมนูญปี 2008” ที่ให้กองทัพถืออำนาจ 25% ในสภา แม้จะเลือกตั้ง แต่กองทัพยังคงควบคุม 25% ของที่นั่งในรัฐสภา รวมถึง 3 กระทรวงหลัก ได้แก่ กลาโหม มหาดไทย และกิจการชายแดน
อำนาจคัดเลือกประธานาธิบดีผ่านระบบสภาที่ทหารกำกับทิศทางได้
โครงสร้างดังกล่าวเป็นหนึ่งในต้นตอของความขัดแย้งตั้งแต่ปี 2010 และยังคงเป็นอุปสรรคต่อการสร้างสันติภาพ
กล่าวโดยสรุป ไทยจะได้รับผลกระทบมากที่สุด หากการเลือกตั้งไม่ช่วยลดความขัดแย้ง
หากการเลือกตั้ง 28 ธันวาคมไม่สามารถนำไปสู่การปรับลดความรุนแรงหรือการเจรจาทางการเมือง ความตึงเครียดจะเพิ่มขึ้น ไทยจึงอาจต้องเผชิญผู้หนีภัยเพิ่มจำนวนมาก, การรบชายแดนถี่ขึ้น, ปัญหายาเสพติดและสแกมเมอร์รุนแรงกว่าเดิม, ภาระงบประมาณรัฐสูงขึ้นต่อเนื่อง
คนไทยจึงต้องจับตาใกล้ชิด เพราะอนาคตความมั่นคงของเมียนมาในปี 2025 จะเชื่อมโยงกับความมั่นคงของไทยอย่างแยกไม่ออก
