
เครือข่าย 3 มหาวิทยาลัยชายแดนใต้ จับมือเปิด “ชุดความรู้สู้ภัยพิบัติน้ำท่วม” ระดมจิตอาสา 30,000 ชีวิต บูรณาการ 8 ทีมรับมืออุทกภัยครบวงจร แง้มเคล็ดลับใช้คนพื้นที่ รู้จักพื้นที่ และวิถีชีวิต สร้างแพลตฟอร์มป้องกันภัยพิบัติทุกรูปแบบ โดยให้ชุมชนเป็นพระเอก เชื่อมโยงกลไกรัฐ มีภาคเอกชนเป็นกองหนุน แต่อีกด้าน ระบบราชการยังทำวุ่น ชาวนราธิวาสงง ถูกขอภาพถ่ายอุทกภัยประกอบรับความช่วยเหลือ ขัดแย้งหนังสือคำสั่งจากมหาดไทย
จากสถานการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ สร้างความเสียหายให้กับประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก ทำให้ 3 มหาวิทยาลัยในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ประกอบด้วยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี), มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา (มรภ.ยะลา) และมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ (มนร.) ได้เปิดชุดความรู้สู้ภัยพิบัติน้ำท่วม จัดระบบทีมอาสาสู้ภัย 8 ชุดเพื่อรับมือ และเชื่อมโยงกลไกรัฐ เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุสั่งการแบบเรียลไทม์ ประสานเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ ยกระดับการรับมือภัยพิบัติ
ผศ.ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม ม.อ.ปัตตานี กล่าวถึงการศึกษาและข้อเสนอแผนเผชิญเหตุอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ว่า ม.อ.ปัตตานี, มรภ.ยะลา และ มนร. ได้หลอมรวมข้อมูลความรู้จากงานวิจัยเข้าด้วยกัน พัฒนาเป็นแพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ โดยได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมเชื่อมโยงความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ในการรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วม และสถานการณ์ภัยพิบัติทุกรูปแบบ
“ภายใต้แพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นกลไกหลักในการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมอย่างเป็นระบบ เรามีกำลังคนทั้งคณาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรของ 3 มหาวิทยาลัยในการทำงานร่วมกันถึง 30,000 คน เกือบทั้งหมดเป็นผู้มีภูมิลำเนาในพื้นที่ รู้จักพื้นที่และวิถีชีวิตคนพื้นที่อย่างดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งของความสำเร็จในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม”

ผศ.ดร.อรุณีวรรณ กล่าวอีกว่า ปัจจัยความสำเร็จอีกส่วนหนึ่งของการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมคือ การทุ่มเททำงานกันแบบจิตอาสา สืบสานพระราชปณิธาน “จิตอาสา เราทำความดีด้วยหัวใจ” ของในหลวงรัชกาลปัจจุบัน และมีการจัดระบบระเบียบการทำงานออกเป็น 8 ทีมทำหน้าที่รับผิดชอบแต่ละด้าน ประกอบด้วย
1.ทีมข้อมูลสถานการณ์น้ำ
2.ทีมข้อมูลสถานการณ์พื้นที่
3.ทีมรับบริจาค
4.ทีมปฏิบัติการพื้นที่
5.ทีมครัวเฉพาะกิจ
6.ทีมสื่อสารและประสานงาน
7.ทีมเทคโนโลยีภัยพิบัติ
8.ทีมวิเคราะห์ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ ซึ่งจะทำงานเชื่อมโยงกับกลไกราชการ และชุมชนในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญยิ่งของการรับมือภัยพิบัติ
ยิ่งไปกว่านั้นยังให้ความสำคัญกับการให้ความรู้กับชุมชนในการเผชิญเหตุรับมือกับภัยพิบัติได้ด้วยตัวเอง ผ่านเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ ตามคำแนะนำผู้ทรงคุณวุฒิของ บพท. โดยมี ผศ.ดร.สมพร ช่วยอารีย์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการ ม.อ.ปัตตานี เป็นวิทยากรหลัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือภัยพิบัติ น้ำท่วมปี 2568 ของจังหวัดปัตตานี ได้มีการประสานความร่วมมือระหว่าง ม.อ.ปัตตานี กับ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นางพาตีเมาะ สะดียามู เปิดศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการแก้ปัญหาน้ำท่วมแบบเรียลไทม์ อีกทั้งบอกกล่าวเครือข่ายนักจัดการงานพัฒนาเชิงพื้นที่ทั้ง 12 อำเภอของปัตตานี ให้ยกระดับการรับมือภัยพิบัติอุทกภัย
ด้าน ผศ.ดร.เกสรี ลัดเลีย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและวิชาการ มรภ.ยะลา กล่าวเพิ่มเติมว่า การปฏิบัติงานจริงภายใต้แพลตฟอร์มบูรณาการเพื่อการพัฒนาพื้นที่ในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม มีข้อค้นพบเพิ่มเติมว่า ประเด็นการบริบาลผู้ป่วย รวมถึงการผดุงครรภ์ เป็นโจทย์ที่ถูกนำเข้าสู่การแก้ไขให้ลุล่วงไปด้วย
รศ.ดร.วสันต์ พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มนร. กล่าวเสริมว่า การขับเคลื่อนงานรับมือภัยพิบัติน้ำท่วมด้วยชุดความรู้จากการวิจัยที่ถูกออกแบบไว้ดี และสร้างการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกเทศมนตรีเป็นกลไกหลัก ทำให้การรับมือกับภัยพิบัติน้ำท่วมทั้งที่ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถควบคุมความเสียหายให้อยู่ในวงจำกัด
“ผมหวังว่าทั้งปัตตานีโมเดล ยะลาโมเดล หรือ นราธิวาสโมเดล ที่ถูกพิสูจน์ผลสัมฤทธิ์ในการรับมือภัยพิบัติน้ำท่วม น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หน่วยงานระดับนโยบาย ผลักดันให้งานป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมทั้งความรู้ วัสดุอุปกรณ์ และกำลังบุคลากร”
@@ ชาวนราฯ โอดถูกขอภาพน้ำท่วมประกอบรับเงินเยียวยา

ความเคลื่อนไหวของพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.นราธิวาส เพื่อขอรับเงินเยียวยาจากสถานการณ์น้ำท่วม ในวันอังคารที่ 2 ธ.ค.68 ที่สำนักงานเทศบาลเมืองนราธิวาส มีประชาชนที่อาศัยอยู่ภายในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาส จำนวนกว่า 16,000 ครัวเรือน รวมกว่า 20,000 คน ได้ทยอยเดินทางไปรับบริการลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยา โดยมีหลักเกณฑ์พื้นที่ที่ประกาศเป็นภัยพิบัติ ต้องมีลายเซ็นรับรองจากผู้นำชุมชน/กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
แต่ประเด็นสำคัญที่สร้างความแออัดและภาระให้กับประชาชนคือ การถูกขอ “ภาพถ่ายในขณะน้ำท่วม” ประกอบการลงทะเบียน ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องเสียเวลาไปดึงภาพจากโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายเอาไว้ แล้วยืนรอถ่ายเอกสารที่ร้านรับถ่ายเอกสาร ก่อนที่จะย้อนกลับไปนำหลักฐานไปยื่นแสดงความจำนงเพื่อขอเงินเยียวยากับเจ้าหน้าที่
ทั้งที่วัตถุประสงค์หลักของหนังสือจากอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ส่งถึงผู้ว่าราชการ 9 จังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัย ได้แจ้งให้ดำเนินการเร่งรัดช่วยเหลืออย่างรวดเร็วและไม่สร้างภาระซ้ำซ้อนให้กับประชาชน ซึ่งการเรียกเก็บหลักฐานเพิ่มเติมนอกเหนือจากในประกาศ ขัดแย้งกับหลักการที่ต้องการให้การเบิกจ่ายเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็วและเหมาะสม แม้ทางจังหวัดได้ประชุมและย้ำให้ดำเนินการตามหนังสือด่วนที่สุดที่ส่งมาแล้วก็ตาม

น.ส.นูรีรัตน์ มูฮาหมัดอารีเป็ง ชาวบ้านชุมชน ณ นคร เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เปิดเผยว่า บ้านอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำจึงถูกน้ำท่วมเป็นประจำ แต่เมื่อมายื่นเรื่องขอรับเงินเยียวยา กลับพบว่าต้องนำภาพตอนน้ำท่วมไปประกอบ ทั้งที่จากข้อมูลที่ได้ยินมาไม่จำเป็นต้องใช้ ทำให้ใช้เวลาทั้งวัน ก็ยังทำเรื่องไม่เสร็จ เพราะต้องหาและนำรูปภาพไปใช้ยืนยัน
“เขาบอกว่าไม่ต้องใช้รูปภาพ แต่พอไปยื่นจริงกลับต้องใช้ ทำให้ยุ่งยากมาก คนต้องไปยืนรอถ่ายรูป ปรินท์รูปเต็มร้านถ่ายเอกสารไปหมด”
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนเรียกร้องให้หน่วยงานท้องถิ่นเร่งปรับขั้นตอนให้สอดคล้องกับแนวทางที่ สถ.กำหนด เพื่อลดภาระผู้ประสบภัยที่กำลังเดือดร้อนอยู่แล้ว และให้กระบวนการช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็วตามเจตนารมณ์ของหน่วยงานส่วนกลาง
@@ โอนเงินเยียวยาอีก 97,466 ครัวเรือน 877 ล้าน

ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) ทำเนียบรัฐบาล นางสาวรัชดา ธนาดิเรก กรรมการและโฆษก ศป.กฉ. แถลงว่า ผลการโอนเงินเยียวยาในวันที่ 1 ธ.ค.68 โอนเงินเยียวยาให้กับประชาชน 26,571 ครัวเรือน เป็นเงินทั้งหมด 239 ล้านบาท และโอนสำเร็จ 25,908 ครัวเรือน คิดเป็นเงิน 233 ล้านบาท มีประชาชนประมาณ 650 ครัวเรือนที่ไม่สามารถโอนสำเร็จ เนื่องจากไม่ได้ผูกเลขบัญชีไว้กับพร้อมเพย์ และอีกส่วนหนึ่งราว 41 ครัวเรือน บัญชีธนาคารไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน แต่ปัญหาเหล่านี้ไม่ต้องกังวล เพราะกระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการโอนในรอบต่อไป
“สำหรับวันนี้ (2 ธ.ค.) มีเป้าหมายโอนเพิ่มจำนวน 97,466 ครัวเรือน คิดเป็นวงเงินรวม 877 ล้านบาท ใน 4 จังหวัด คือ จ.สงขลา 70,331 ครัวเรือน สตูล 18,121 ครัวเรือน นราธิวาส 7,305 ครัวเรือน และปัตตานี 1,709 ครัวเรือน ซึ่งธนาคารออมสินแจ้งว่า ประชาชนที่ผูกพร้อมเพย์กับธนาคารออมสิน เงินเยียวยาจะเข้าไม่เกินเที่ยง ส่วนประชาชนที่เป็นลูกค้าธนาคารพาณิชย์อื่น ๆ คาดว่าในช่วงบ่ายจะดำเนินการโอนเงินเยียวยาได้”
นางสาวรัชดา กล่าวถึงการฟื้นฟูพื้นที่ จ.สงขลา ว่า ได้บูรณาการจัดการขยะเป็น 2 ส่วนคือ ทหารดูแลพื้นที่สาธารณะ ถนนใหญ่ และถนนย่อย ส่วนองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ดูแลซอยย่อย คาดว่าจะทำความสะอาดเสร็จภายใน 14 วัน ขณะที่การเคลื่อนย้ายรถยนต์ ดำเนินการเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ประชาชนที่ทำเล่มทะเบียน/ป้ายทะเบียน/ป้ายภาษี เสียหายหรือสูญหาย สามารถขอรับใหม่โดยใช้สำเนาทะเบียนรถหรือบัตรประชาชนติดต่อ
“สำหรับสาธารณูปโภคในพื้นที่หาดใหญ่ ได้มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าแล้ว 92% และ ประปา 90% คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.) จะสมบูรณ์ 100 %”
@@ ตัวเลขผู้เสียชีวิตขยับเป็น 142 ราย ส่งคืนญาติแล้ว 27 ราย

ด้านรายงานการชันสูตรพลิกศพและพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล เหตุอุทกภัย 2568 ณ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ข้อมูล ณ วันที่ 2 ธ.ค.68 เวลา 16.00 น. ระบุยอดผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ มีจำนวนทั้งสิ้น 142 ราย เพิ่มจากเมื่อวาน 2 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่ระบุตัวบุคคลได้ จำนวน 107 ราย และรอระบุตัวบุคคล จำนวน 35 ราย
ในขณะนี้สามารถส่งคืนร่างของผู้เสียชีวิตให้กับญาติไปแล้ว จำนวน 27 ราย คงเหลือ 115 ราย
