
แม้การที่ “คนการเมือง” แห่ลงพื้นที่หาดใหญ่ หลังจากประสบอุทกภัยฉับพลัน เทศบาลยกธงแดง ทำให้ถูกมองว่าเป็นการพยายามหาเสียง หาคะแนนทางการเมือง ท่ามกลางข่าวนายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมยุบสภา และใกล้เลือกตั้งเต็มที
แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า “หาดใหญ่” มีภาพจำสุดเลวร้ายในเรื่องน้ำท่วมเมืองจริงๆ กระทั่งนำมาสู่โครงการพระราชดำริ ในรัชสมัยของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาได้เกือบจะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แม้ฝนหนักขนาดไหนก็ไม่ท่วมหนักเหมือนอดีต เช่น ในช่วงนี้ แม้จะมีน้ำท่วมในพื้นที่เศรษฐกิจ แต่ก็ไม่จมมิดเป็นเมืองบาดาลเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อกว่า 2 ทศวรรษก่อน
ประวัติศาสตร์บาดแผลว่าด้วยอุทกภัยจมเมืองหาดใหญ่ เกิดขึ้นเมื่อปี 2531 ซึ่งมีฝนตกต่อเนื่องยาวนานกว่า 7 วัน 7 คืน และปี 2543 ที่น้ำทะลักเข้าท่วมเมืองอย่างรวดเร็ว และท่วมถึงชั้นสองของอาคารพาณิชย์แบบไม่ทันตั้งตัว บางพื้นที่น้ำสูงมิดหลังคา

ปีนั้นประชาชนเดือดร้อนทั้งเมือง ต้องหนีไปใช้ชีวิตบนหลังคานานนับสัปดาห์ สะพานข้ามทางรถไฟหลายแห่งในเมืองหาดใหญ่ ถูกใช้เป็นสถานที่อพยพชั่วคราวของผู้ประสบภัย เพราะปริมาณน้ำเต็มเมือง ไม่รู้จะให้ไปอยู่ที่ไหน
จากสภาพดังกล่าวจึงเป็นที่มาของโครงการบรรเทาอุทกภัย อำเภอหาดใหญ่ ตามแนวพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยการขุดคลอง ร.1 (ภายหลังใช้ชื่อ คลองภูมินาถดำริ) ซึ่งเป็นคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมคลองต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 5-7 คลอง และขุดลอกคลองธรรมชาติทุกสาย รวมถึงสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก และแก้มลิง เพื่อแบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาไม่ให้เอ่อล้นท่วมเมือง ซึ่งมีสภาพเป็นแอ่งกระทะ แล้วจัดการระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา

ผลก็คือ สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ชาวหาดใหญ่รอดพ้นจากภัยน้ำท่วมมาหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน แม้ฝนจะหนัก และเกิดน้ำท่วมฉับพลัน แต่ก็ยังรับมือได้ ไม่เหมือนในอดีต
@@ สงขลาฝุ่นตลบ : 5 พรรคตบตีแย่งเก้าอี้ สส.

อีกด้านหนึ่ง “หาดใหญ่” คือศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ตอนล่าง ไม่ต่างอะไรกับเมืองหลวงของภาคใต้ และเมืองเอกของจังหวัดสงขลา เรียกว่าเจริญกว่าอำเภอเมือง มีห้างสรรพสินค้าระดับประเทศตั้งอยู่พื้นที่ใจกลาง หรือดาวน์ทาวน์ รวมทั้งโรงแรมหรู
ที่สำคัญ สงขลาเป็นจังหวัดใหญ่ มี สส.ได้ 9 คน มากเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ รองจากนครศรีธรรมราช แต่ข่าวแว่วว่า เลือกตั้งปี 69 นครศรีธรรมราชซึ่งเคยมี สส.10 คน อาจลดเหลือ 9 คนเท่าสงขลา เพราะประชากรลดลง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับสงขลามีจำนวน สส.มากที่สุดในภาคใต้ เท่ากับนครศรีฯ
แต่เดิม ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2535 จนถึงปี 2554 พรรคประชาธิปัตย์กวาดยกจังหวัดมาตลอด ในยุค “ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ”
การเมืองมาพลิกผันเมื่อปี 2562 ครั้งนั้นสงขลามี สส.ได้ 8 คน ประชาธิปัตย์ได้แค่ 50% คือ 4 คน 4 เขต ส่วนที่ 4 เขต ตกเป็นของพลังประชารัฐ 3 เขต และภูมิใจไทยปักธงได้ 1 เขต คือ ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ
ต่อมาเลือกตั้งปี 2566 ประชาธิปัตย์ฟื้นกลับมาเล็กน้อย ได้ สส. 6 เขต จาก 9 เขต โดยเสียให้รวมไทยสร้างชาติ 1 เขต พลังประชารัฐ 1 เขต และภูมิใจไทย เขตเดิม
ความสำเร็จที่ฟื้นกลับมาของประชาธิปัตย์ มาจากบ้านใหญ่ 2 บ้าน คือ “บ้านเขารูปช้าง” นำโดย นิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กับ “บ้านขาวทอง” นำโดย “นายกชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งขณะนั้นเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และขยับเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ในเวลาต่อมา (ขณะนี้พ้นตำแหน่งไปแล้ว)
แต่เลือกตั้งปี 2569 ประชาธิปัตย์ไม่ได้สานต่อความสำเร็จ แต่อาการกลับไปหนักยิ่งกว่าปี 62 เพราะ...
1. บ้านใหญ่ตีจาก ได้แก่
- บ้านใหญ่เขารูปช้าง ย้ายเข้าภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว โดย นิพนธ์ บุญญามณี ได้รับความไว้วางใจให้เป็น “หัวหน้าทีมสงขลา” ของค่ายน้ำเงิน

- บ้านใหญ่ขาวทอง แตกเป็น 2 เสี่ยง ลูกชาย “สิงโต” ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ประกาศไปต่อกับประชาธิปัตย์ ส่วน “นายกชาย” ผู้พ่อ และ ภรรยาคนสวย “น้ำหอม” สุภาพร แก้วกำเนิด ยังหาพรรคลงไม่ได้ ก่อนหน้านี้จะไปกล้าธรรม แต่ก็ขัดแย้งกับ “สส.กฤต” ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว “สายตรงผู้กอง”
ครั้นจะไปภูมิใจไทย ก็เคยเล่นงานเขาไว้เรื่องเขากระโดง ตอน “นายกชาย” นั่งเก้าอี้ มท.3 รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ในรัฐบาลแพทองธาร
ล่าสุดมีข่าวไปกินข้าวกับ “ลุงป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ประมุขบ้านป่ารอยต่อฯ ต้องรอดูว่าจะเข้าพลังประชารัฐหรือไม่
2. ไร้เอกภาพ กล่าวคือ ไม่มีพรรคไหนที่มีศักยภาพและเอกภาพมากพอที่จะยึดเก้าอี้ สส.ได้ทั้งจังหวัดเหมือนประชาธิปัตย์ในอดีต ทำให้สงขลากำลังกลายเป็น “จังหวัดสหประชาชาติ” ประกอบด้วย สส.จากหลายพรรคการเมือง

หากประเมินจากบ้านใหญ่ และอดีต สส.ก็มี กลุ่มบุญญามณี “บ้านใหญ่เขารูปช้าง” อย่างน้อย 2 เขต คือ สรรเพชญ บุญญามณี เขต 1 เดิม กับ “สส.ถึก” สมยศ พลายด้วง เขต 3 เดิม ปัจจุบันย้ายเข้าภูมิใจไทย ซึ่งมี สส.อยู่แล้ว 1 เขต คือ ณัฏฐชนน เขต 7 เดิม ทั้งยังเปิดตัวผู้สมัครแล้วที่เขต 9 เป็นเจ้าของธุรกิจ “ไก่อบโอ่ง” ผู้โด่งดัง
นอกจากนั้นยังมี สส.ปัจจุบัน เขตหาดใหญ่ คือ เขต 2 ศาสตรา ศรีปาน สังกัดรวมไทยสร้างชาติ กลุ่ม “ดร.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งย้ายสำมะโนครัวเข้าพรรคภูมิใจไทยไปก่อนแล้ว จึงมีแนวโน้มที่ สส.ศาสตรา จะขยับตาม ช่วงน้ำท่วมก็ไปรอต้อนรับนายกฯอนุทิน ระหว่างลงพื้นที่

“บ้านใหญ่ขาวทอง” ยังหาพรรคลงไม่ได้ แต่ก็ต้องมีอย่างน้อย 2 เขต คือ ตัว “นายกชาย” กับภรรยา ถึงอย่างไรก็ไม่ยอมสอบตก ฉะนั้นหากไปอยู่พลังประชารัฐ ก็มีโอกาสใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ด
พรรคกล้าธรรม นอกจาก สส.กฤต ยังยืนพื้นแล้ว และลงพื้นที่อย่างหนัก ยังมี พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ กลุ่มของ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไปกินข้าวกับแกนนำพรรคกล้าธรรมมาเรียบร้อย
และที่มองข้ามไม่ได้ คือ พรรคประชาชน เพราะ “พลังส้ม” ในการเลือกตั้งปี 66 มาแรงหลายเขต โดยเฉพาะหาดใหญ่ เรียกว่าตามหลังผู้ชนะแค่ไม่ถึง 200 คะแนน

เช่นเดียวกับประชาธิปัตย์ ที่ประมาทไม่ได้เลย ในยุค “หัวหน้ามาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถมยังได้ “ดาวติ๊กต็อก” อย่าง จูรี นุ่มแก้ว เป็นรองหัวหน้าพรรค ซึ่งเคยลง สส.เขตที่หาดใหญ่ พ่าย สส.ศาสตรา และพรรคส้มไปแบบหายใจรดต้นคอเหมือนกัน
ทั้งหมดนี้จึงไม่แปลกที่การเมืองสงขลาจะฝุ่นตลบ และนักการเมืองเบอร์ใหญ่ลงพื้นที่กันน้ำกระจาย ในวันที่เกิดอุทกภัยหาดใหญ่แค่เพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง!
