
จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องติดต่อกัน 2-3 วัน ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ล่าสุดวันศุกร์ที่ 21 พ.ย.68 ได้เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้
จุดที่วิกฤตที่สุด คือ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยเฉพาะในพื้นที่เทศบาลนคร ย่านเศรษฐกิจและศูนย์กลางธุรกิจของภาคใต้ตอนล่าง เมื่อเวลา 22.00 น. นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรื่องสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่
ระบุว่า ตามที่มีฝนตกหนักมาตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย.68 จนถึงขณะนี้ รวมฝนสะสม 3 วัน วัดปริมาณน้ำฝนได้ 544 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่าทั้งปี 2543 (497 มิลลิเมตร) และปี 2553 (516 มิลลิเมตร) โดยฝนได้ตกหนักในบริเวณด้านตะวันออกของเทศบาลนครหาดใหญ่ ทั้งแนวเขาคอหงส์ ลุ่มน้ำคลองเปล ลุ่มน้ำคลองเรียน ซึ่งทั้ง 3 ลุ่มน้ำไม่มีคลองสายใหญ่รองรับ มีเพียงแก้มลิงคลองเรียนที่มีไว้สำหรับหน่วงน้ำที่จะไหลเข้าสู่เมือง
แต่ในขณะทั้ง 3 ลุ่มน้ำไม่สามารถกักน้ำไว้ได้แล้ว จึงจำเป็นต้องปล่อยให้น้ำไหลเข้าสู่คลองแม่เรียน และคลองสามสิบเมตร เพื่อรักษาขอบของแก้มลิงเอาไว้ไม่ให้น้ำเซาะจนแตกร้าว ซึ่งอาจจะก่อความเสียหายและส่งผลกระทบเป็นวงกว้างกว่านี้

จากสถานการณ์ข้างต้นอาจจะส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ดังนี้
เขต 1 ทั้งหมด จำนวน 28 ชุมชน
เขต 2 ทั้งหมด จำนวน 29 ชุมชน
เขต 3 ทั้งหมดจำนวน 8 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนจันทร์ประทีป ชุมชนจันทร์วิโรจน์ ชุมชนจันทรนิเวศน์ ชุมชนรัตนวิบูลย์ ชุมชนขนส่ง ชุมชนทุ่งเสา ชุมชนหน้าอู่ญี่ปุ่น และชุมชนหน้าวัดคลองเรียน
จึงขอประกาศแจ้งเตือนประชาชนภายในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ “ยกธงแดง” จำนวนทั้งหมด 65 ชุมชน โดยให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อพยพเคลื่อนย้ายสิ่งของ และเตรียมเข้าอยู่ในที่ปลอดภัย
ทางเทศบาลนครหาดใหญ่ได้เตรียมศูนย์อพยพเพื่อรองรับผู้ประสบภัยไว้ในพื้นที่ 4 เขต ประกอบด้วย
ศูนย์อพยพผู้ประสบภัย เขต 1 อยู่ที่ โรงเรียนเทศบาล 1 (เอ็งเสียงสามัคคี) และโรงเรียนเทศบาล 3 (โศภนพิทยาคุณานุสรณ์)
ศูนย์อพยพผู้ประสบภัย เขต 2 อยู่ที่โรงเรียนเทศบาล 4 (วัดคลองเรียน)
ศูนย์อพยพผู้ประสบภัย เขต 3 อยู่ที่ โรงเรียนเทศบาล 2 (บ้านหาดใหญ่)
ศูนย์อพยพผู้ประสบภัย เขต 4 อยู่ที่โรงเรียนนานาชาติเซาท์เทิร์นหาดใหญ่
@@ ปัตตานีมวลน้ำจ่อ “มายอ-สายบุรี” ท่วมแล้ว

พื้นที่ จ.ปัตตานี เริ่มมีน้ำหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ เช่น บ้านตะบิงตีงี ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ น้ำเอ่อท่วมถนน บ้านเรือนประชาชน รวมถึงพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เร่งแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังสูงสุด และดำเนินการตามแผนอพยพทันที โดยเฉพาะครัวเรือนที่อยู่ในเขตเสี่ยงภัยที่เข้าถึงยาก หรือมีน้ำท่วมสูงจนเป็นอันตราย ให้เคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง และอพยพไปยังจุดปลอดภัยที่ทางราชการจัดเตรียมไว้
อ.สายบุรี ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะฝนตกต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้มวลน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่ำอย่างฉับพลัน โดยเฉพาะถนนบริเวณหน้าสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอสายบุรี (กฟภ.สายบุรี) ถูกน้ำท่วมสูง รถขนาดเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้
เจ้าหน้าที่ในพื้นที่กำลังเร่งแจ้งเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการใช้เส้นทางและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และประกาศแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพหากมีการประกาศเพิ่มเติม
ขณะที่บริเวณสี่แยกตะลุบัน อ.สายบุรี ซึ่งเป็นจุดสำคัญของการสัญจรเข้า-ออกพื้นที่ ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทางเทศบาลได้ประกาศให้ประชาชนเตรียมพร้อมเคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นที่สูง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ และริมแม่น้ำสายบุรี
@@ ย้ายผู้ป่วยฟอกไต รพ.สายบุรี 40 ชีวิต หนีน้ำ

สถานการณ์เริ่มวิกฤตที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรี มีมวลน้ำไหลเข้าท่วมภายในบริเวณโรงพยาบาล ส่งผลกระทบต่อหน่วยบริการสำคัญ โดยเฉพาะหน่วยบริการผู้ป่วยฟอกไต ทำให้หน่วยงานความมั่นคงและฝ่ายปกครองได้ผนึกกำลังเข้าให้ความช่วยเหลือทันที พร้อมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเปราะบาง และต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องออกจากโรงพยาบาล ส่งต่อไปยังโรงพยาบาลปัตตานี ซึ่งเป็นจุดรับการรักษาฉุกเฉินแทนชั่วคราว
โดยผู้ป่วยที่ต้องเคลื่อนย้ายเร่งด่วนมีจำนวน 40 ราย มีทั้งผู้ป่วยฟอกไต และผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในภาวะวิกฤต
ทั้งนี้ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสายบุรีได้มีการแจ้งไปยังเครือข่ายและผู้ป่วยฟอกไตทั้งหมดที่อยู่ในความดูแลของโรงพยาบาล และผู้ป่วยที่มีนัดหมายล่วงหน้า ขอให้เปลี่ยนไปรับบริการฟอกไตฉุกเฉิน ณ โรงพยาบาลปัตตานีชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย
@@ “อ่างเก็บน้ำยะรม” ดินทรุด ถนนแยกกว่า 50 เมตร

สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.ยะลา เริ่มส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน ล่าสุดมีรายงานว่า พบการทรุดตัวอย่างรุนแรงของถนนรอบอ่างเก็บน้ำยะรม ตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา
ทางองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ยะรม โดย ร.ต.อ.สิทธิพงศ์ เหมกุสุมา นายก อบต.ยะรม ได้มอบหมายให้ นายพรชัย ซาแลง นายช่างโยธา พร้อมเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณถนนรอบอ่างเก็บน้ำยะรม และได้สั่งปิดเส้นทางชั่วคราวทันที หวั่นอันตรายจากดินสไลด์ซ้ำ

นายพรชัย ซาแลง นายช่างโยธา อบต.ยะรม เปิดเผยว่า ถนนทรุดตัวค่อนข้างรุนแรง ความลึกของการทรุดตัววัดได้ประมาณ 2 เมตร และเกิดการแยกตัวของผิวถนนเป็นระยะทางยาวกว่า 50 เมตร ซึ่งเป็นผลมาจากฝนที่ตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินอุ้มน้ำจนอ่อนตัวและสูญเสียความสามารถในการรับน้ำหนัก ส่งผลให้ดินเกิดการสไลด์ลงมา หรืออาจถูกน้ำเซาะจนเกิดโพรงขนาดใหญ่ใต้ผิวถนน ทำให้พื้นผิวถนนแยกตัวและทรุดลงในที่สุด
“จากการตรวจสอบพบรอยร้าวและร่องทรุดตัวขนาดใหญ่ เราได้เร่งนำป้ายมาติด ห้ามบุคคลเข้า-ออกโดยเด็ดขาด และปิดการจราจรในจุดนี้ชั่วคราวทันที เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน เนื่องจากเกรงจะเกิดอันตรายซ้ำซ้อน และรอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขซ่อมแซมถนนให้คืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด” นายช่าง อบต. กล่าว
@@ ปภ.ยะลา เตือนระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์
ขณะเดียวกัน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดยะลา (ปภ.ยะลา) ได้ออกประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่ง ลักษณะเช่นนี้อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 21-23 พ.ย.68
โดยมีพื้นที่เฝ้าระวัง พื้นที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ได้แก่ อ.เบตง อ.ธารโต อ.บันนังสตา อ.กาบัง อ.ยะหา ส่วนพื้นที่ที่ระดับน้ำอาจเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ได้แก่ อ.เมืองยะลา อ.รามัน อ.ยะหา
@@ นราฯฝนหนัก น้ำท่วมขังถนนสายเอเชีย อ.บาเจาะ

ส่วนสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างเนื่องในพื้นที่ จ.นราธิวาส ปรากฏว่ามี 2 อำเภอที่มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดเกิน 100 มิลลิเมตร คือ อ.ระแงะ วัดได้ 133.4 มิลลิเมตร และ อ.ตากใบ วัดได้ 122.6 มิลลิเมตร รองลงมาคือ อ.บาเจาะ วัดได้ 91.8 มิลลิเมตร
ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนสายเอเชียในพื้นที่ อ.บาเจาะ ซึ่งเป็นพื้นที่แรกที่เริ่มได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยน้ำได้ท่วมขังเส้นทางจราจรบริเวณ หมู่ 5 บ้านปาลุกาสาเมาะ ต.กาเยาะมาตี อ.บาเจาะ แม้รถจะยังสามารถสัญจรได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กาเยาะมาตี ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าดูแลและอำนวยความสะดวกการจราจร พร้อมประชาสัมพันธ์เตือนผู้ใช้รถใช้ถนนให้เพิ่มความระวัง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
@@ 3 ลุ่มน้ำสายหลักนราธิวาสยัง “ธงเขียว”

ด้าน นายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัด รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์อุทกภัย โดยเฉพาะการจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศ ปริมาณน้ำฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่ พร้อมให้แจ้งเตือนประชาชนให้ทราบล่วงหน้าอย่างทันท่วงที
ทั้งนี้สำนักงานชลประทานที่ 17 ได้ชี้แจงแผนการเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย โดยได้มีการติดตั้งระบบควบคุมระยะไกลประตูระบายน้ำบางนราตอนบน (IOT) เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์ เตรียมพร้อมในการแจ้งเตือนภัยและเปิดช่องทางระบายน้ำ รวมถึงการพร่องน้ำและกำจัดวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำไหลผ่าน
ระดับน้ำในลุ่มน้ำ 3 สายหลัก คือ ลุ่มน้ำสายบุรี, ลุ่มน้ำโก-ลก, ลุ่มน้ำบางนรา และบริเวณริมคลองยะกัง ต.ลำภู อ.เมืองนราธิวาส ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ (ธงเขียว)
อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนในพื้นที่ขอให้ติดตามข้อมูลจากทางราชการและการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิดจนถึงวันที่ 23 พ.ย.68 หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุหรือขอความช่วยเหลือที่ สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
@@ นักวิชาการ ม.อ. เตือนฝนถล่มใต้ต่อเนื่องยาวถึง 1 ธ.ค.

ผศ.ดร.สมพร ช่วยอารีย์ ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี คาดการณ์แนวโน้มฝนตกในช่วงวันที่ 17 พ.ย. ถึง 1 ธ.ค.68 ว่า แม้ปริมาณฝนสะสมขณะนี้จะยังไม่มากนัก แต่มีมวลฝนหนักทยอยเคลื่อนเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง
โดยในช่วงวันที่ 20-21 พ.ย. พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก คือตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราช ลงไปถึง จ.นราธิวาส และตกหนักมากในวันที่ 21 พ.ย. และในช่วงวันที่ 22-23 พ.ย. พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก คือ ตั้งแต่ จ.สงขลา ลงไปถึง จ.นราธิวาส
ส่วนในวันที่ 25-26 พ.ย. มวลฝนชุดใหม่จะลงสู่ภาคใต้ตอนล่าง ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ไปจนถึงฝั่งมาเลเซีย และในวันที่ 1 ธ.ค.68 พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนัก คือตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงมาถึง จ.สงขลา
จึงขอให้ประชาชนเตรียมแผนรับมือ โดยเฉพาะในจังหวัดที่มีความเสี่ยงภัยน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม เนื่องจากช่วงปลายเดือน พ.ย.- ต้นเดือน ธ.ค. จะมีรอบฝนหนักหลายระลอกเคลื่อนผ่านภาคใต้ต่อเนื่อง
@@ ศอ.บต. ย้ำบทบาทสนับสนุน ไม่แย่งงาน ปภ.

นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวถึงบทบาทในการรับมืออุทกภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ทั้ง ศอ.บต. และ กอ.รมน.ภาค 4 จะทำหน้าที่เป็น “หน่วยงานสนับสนุน” โดยยืนยันว่าจะไม่มีการแย่งงาน “ปภ.จังหวัด” เพราะ ปภ.คือหัวใจ
“บทบาทของ ศอ.บต. คือการสนับสนุนและเติมเต็มช่องว่างที่ขาดเหลือในระดับพื้นที่ โดยจะประสานงานเชิงรุกเพื่อเสริมศักยภาพของหน่วยปฏิบัติการหลัก เช่น ปภ.มีเรือ แต่ ศอ.บต.จะประสานกับสมาคมเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย เพื่อใช้เรือหรือเจ็ตสกีกำลังเครื่องแรงมาช่วยนำพาคนออกจากพื้นที่ประสบภัย”
นายปิยะศิริ กล่าวด้วยว่า ได้วางแผนรองรับการสนับสนุนในเรื่องของน้ำดื่ม ข้าวสาร และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ทั้งหมด เพื่อให้การบริหารจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ชายแดนใต้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน
