
เดือนตุลาคม 2568 เป็นอีกหนึ่งเดือนที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องบันทึกไว้ว่า มีเหตุรุนแรงรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้นหนักจริงๆ
จังหวะเวลาที่สถานการณ์ถูกเร่งขึ้นมา มีข้อน่าสังเกตที่ไม่ควรมองข้าม ก็คือ
1 ต.ค. แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่เข้ารับหน้าที่ แต่ไม่เคยผ่านงานภาคใต้ มาจากรองแม่ทัพภาคที่ 2 คือ ภาคอีสาน
2 ต.ค. เสนอตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขคนใหม่ ซึ่งไม่ได้มีผลงานหรือผ่านงานเชิงประจักษ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใด
นับจากนั้น ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.เป็นต้นมา ก็เริ่มเกิดเหตุรุนแรงถี่ยิบ

5 ต.ค.68
- กลุ่มคนร้ายนับสิบ พร้อมอาวุธสงครามครบมือ บุกปล้นร้านทอง “เยาวราชกรุงเทพ” ภายในห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
7 ต.ค.68
- ลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม ธนาคารอิสลาม หน้าป้อมยามมหาวิทยาลัยฟาฏอนี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
8 ต.ค.68
- ระเบิด 6 ครั้ง บริเวณน้ำตกจำลองภายในสวนขวัญเมือง เขตเทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา ไม่มีผู้บาดเจ็บ และเกิดระเบิดต่อเนื่องในเขตเทศบาลอีก 2 วัน แม้ไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่สร้างความแตกตื่นและเป็นข่าวดัง
10 ต.ค.68
- ยิง อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) นาซือรี แวสะมะแอ สังกัดหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ได้บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดที่บ้านในพื้นที่ ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
15 ต.ค.68
- ด.ต.สมศักดิ์ นาคเสน หัวหน้าชุดอีโอดี ตชด.444 ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ขณะเข้าร่วมปฏิบัติการปิดล้อมบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ ต.บางเก่า อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
16 ต.ค.68
- ลอบวางระเบิดหน้าร้านน้ำชาในพื้นที่ ต.ยี่งอ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ทำให้มีตำรวจและประชาชนได้รับบาดเจ็บรวม 10 ราย
17 ต.ค.68
- ลอบยิง นายมูหามัตนูร อาแว ปลัด อบต.เขาตูม เสียชีวิตในพื้นที่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี

เฉพาะสัปดาห์สุดท้าย ไฟใต้ยิ่งลุกโชน...
24 ต.ค.68
- คนร้ายลอบยิง นายแวมาโซ แวกาดาร์ อส.อำเภอเมืองนราธิวาส เสียชีวิต
27 ต.ค.68
- ลอบวางระเบิดประแจสับรางรถไฟ สถานีรถไฟมะรือโบ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้ อส.ทพ.ประคอง นามมี และ นายฮิบรอเฮง กาเจ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้รับบาดเจ็บ
- ลอบวางระเบิดรถกระบะของเจ้าหน้าที่ อส.ชคต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ อส.เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย
28 ต.ค.68
- คนร้ายเผาทำลายกล้องวงจรปิดในพื้นที่ของ สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา จำนวน 3 จุด ทำให้กล้องวงจรปิดได้รับความเสียหาย รวม 5 ตัว

29 ต.ค.68
- ลอบวางเพลิงรถทำถนนของบริษัทเอกชนในพื้นที่ ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ได้รับความเสียหาย 4 คัน
- ลอบยิง ส.ต.ต.ภาณุวัฒน์ ทองโอ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.จะแนะ บาดเจ็บ เหตุเกิดหน้าฐานปฏิบัติการในพื้นที่ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส
- ใช้อาวุธสงครามกราดยิง นายอับดุลกอหา อีแตโก๊ะ ชรบ.บ้านกาโด๊ะ เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
30 ต.ค.68
- จยย.บอมบ์ ข้างป้อมตำรวจยุทธศาสตร์ปาลัส หมู่ 5 ต.ลางา อ.มายอ จ.ปัตตานี ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
31 ต.ค.68
- ใช้อาวุธสงครามรัวยิง อส.ทพ.มะกอเซ็ง บาโสะ อายุ 48 ปี เสียชีวิตขณะลาพัก และกลับจากแข่งนกกรงหัวจุก ในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กำลังเดินทางกลับบ้าน
แน่นอนว่าตลอดเกือบ 22 ปีไฟใต้ นับตั้งแต่เหตุการณ์ปล้นปืนครั้งมโหฬาร เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 เดือนนี้ไม่ใช่เดือนแรกที่เกิดเหตุรุนแรงถี่ยิบแบบนี้
แต่ปัญหาและสถานการณ์ผ่านมากว่า 21 ปี ทำไมถึงยังเกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ อยู่ได้ หรือนี่คือภาพสะท้อนความล้มเหลวของนโยบายดับไฟใต้ของประเทศไทย และทุกรัฐบาล
@@ 5 ปัจจัย ทำไมนโยบายดับไฟใต้ "เหลว"
ดร.ซาช่า เฮลบาร์ธ นักวิจัยชาวเยอรมัน ผู้ศึกษาโครงสร้างของ BRN และปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้เชิงลึก แจกแจงปัจจัยความล้มเหลวของนโยบายการแก้ปัญหา ว่ามาจาก 5 ประเด็นด้วยกัน คือ
ก. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับลักษณะของความขัดแย้ง

ตั้งแต่เริ่มต้น นักการเมืองและข้าราชการไทยมักตีความความขัดแย้งนี้ผิดไปจากข้อเท็จจริง เช่น ใช้คำว่า “โจรผู้ร้าย” หรือ “เป็นเรื่องภายในของไทยเท่านั้น” หรือพยายามลดทอนความสำคัญของปัญหานี้ สังเกตจากความจริงที่ว่า เป็นเวลาหลายปีที่ผู้บัญชาการทหารบกสั่งไม่ให้ลูกน้องที่ทำงานเกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ พูดถึงขบวนการ BRN
ขณะที่นักการเมืองหลีกเลี่ยงที่จะเป็นผู้นำในการนิยามปัญหาภาคใต้ในเชิงการเมือง แต่กลับมอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นผู้รับผิดชอบจัดการแทนทั้งหมด
หน่วยข่าวกรองไทยยังขาดความเข้าใจธรรมชาติและโครงสร้างของ BRN โดยเฉพาะในต่างประเทศ ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ที่สุดว่า หลังจากผ่านมาแล้วกว่า 21 ปี ยังไม่รู้ว่าใครคือผู้นำตัวจริงของ BRN และไม่เข้าใจโครงสร้างอำนาจของ BRN ที่มีลักษณะ “รัฐเงา” ไม่เข้าใจระบบการเงินของ BRN หรือแม้แต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นการต่อสู้เชิงศาสนาแบบญิฮาดหรือไม่
นอกจากนี้ ต้องถามต่อไปด้วยว่า ไทยจะสามารถเชื่อมั่น นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยสันติภาพได้จริงหรือไม่ เพราะนายกฯอันวาร์ เริ่มแสดงท่าทียกระดับมาเลเซียให้มากกว่า “ผู้อำนวยความสะดวก” หรือ facilitator ให้เกิดกระบวนการพูดคุยระหว่างรัฐบาลไทยกับ BRN
ข. ความสับสนของ “สภาวะปกติใหม่”

ลักษณะที่ซับซ้อนของการต่อสู้ของ BRN เปลี่ยนจากการซ่อนตัวบนภูเขา ไปสู่การวางเครือข่ายใต้ดินในหมู่บ้าน เขตเมือง และพื้นที่ออนไลน์ โดยยังคงความลับสูงสุดเกี่ยวกับโครงสร้างเครือข่ายของตน และไม่รับรับผิดชอบต่อการโจมตีต่างๆ
BRN มีโครงสร้างรัฐแอบแฝง สมาชิกแทรกตัวในทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน ทั้งในโรงเรียน สหกรณ์ ร้านอาหาร และแม้กระทั่งหน่วยงานของรัฐ รวมถึงระดมทุนผ่านกิจกรรมและค่าสมาชิก
ขณะเดียวกัน รัฐไทยสับสนจาก “เสียงรบกวนทางการเมือง” จากกลุ่มอื่นๆ เช่น PULO ซึ่งในความเป็นจริงมีอิทธิพลน้อยกว่ามากต่อการควบคุมกองกำลังในพื้นที่

สองทศวรรษที่ผ่านมา เป็นยุคที่ความขัดแย้งทางการเมืองหลายรูปแบบเกิดขึ้นอย่างถาวรในภาคใต้ เรียกว่า “สภาวะปกติใหม่”
สภาวะที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากความยากจนหรือการขาดการพัฒนา แต่ตรงกันข้ามเป็นผลจากชนชั้นกลางใหม่ที่เติบโตขึ้น และระบบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่ขยายตัว ซึ่งมีข้อเรียกร้องทางการเมืองต่อศูนย์กลางอำนาจของรัฐไทย และเรียกร้องอย่างสันติให้มีการทำประชามติว่าด้วยการปกครองตนเอง หรือมีเอกราชบางส่วน
แต่หน่วยงานความมั่นคงของรัฐไทยมักมองว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นภัยความมั่นคง และปฏิบัติต่อพวกเขาในฐานะเช่นนั้น ยิ่งทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้น
ในเวลาเดียวกัน เศรษฐกิจนอกระบบและกิจกรรมผิดกฎหมายในภาคใต้ก็เติบโตขึ้น เช่นเดียวกับในพื้นที่อื่นของไทย ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง “ผู้ก่อความไม่สงบ” กับ “อาชญากรทั่วไป” ยากที่จะแยกออกจากกัน แม้ว่าความแตกต่างนั้นจะมีอยู่จริงก็ตาม
ค. การต่อต้านการก่อความไม่สงบที่ผิดทิศทาง

แทนที่รัฐไทยจะมุ่งเน้นไปยังจุดที่ BRN เข้มแข็งที่สุด คือโครงสร้างองค์กรลับที่สร้าง “รัฐเงา” และการเผยแพร่อุดมการณ์หัวรุนแรงโดยแทบไม่ถูกรัฐแทรกแซง แล้วหาทางออกทางการเมืองกับผู้นำตัวจริงของ BRN แต่กลับเลือกใช้แนวทางการปราบปรามแบบดั้งเดิมที่เคยใช้สมัยต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและการรักษาความปลอดภัยเชิงรับ ทั้งในเป้าหมายแข็ง เช่น ฐานทหาร และเป้าหมายอ่อนแอ (soft target) เช่น โรงเรียน ครู
แต่ปัญหาภาคใต้ ปัจจัยผลักดันไม่ใช่ความยากจน การศึกษาต่ำ หรือขาดการพัฒนา หากเป็นอุดมการณ์และพลังขององค์กร BRN เอง ขณะที่มาตรการด้านความมั่นคงก็ยังคงละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การจับกุมผู้ต้องสงสัยอย่างรุนแรง
ผลลัพธ์คือ เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ประกาศไว้ไม่สามารถบรรลุได้ เช่น การยุติความรุนแรง และการถอนทหาร หรือยุทธศาสตร์ก็ไม่สอดคล้องกับรากเหง้าของปัญหา เช่น การเร่งพัฒนาพื้นที่
สอดคล้องกับคำกล่าวของ เดวิด คิลคัลเลนใน The Accidental Guerrilla (2009) ที่ว่า “เรามักต่อสู้กับสงครามที่เราพร้อมจะสู้ ไม่ใช่สงครามที่เรากำลังเผชิญอยู่จริงๆ”
ง. การเจรจาสันติภาพที่มีข้อขัดแย้ง

การเจรจาสันติภาพไม่มีความคืบหน้าและไร้ทิศทาง เนื่องจากผู้นำตัวจริงของ BRN ไม่เข้าร่วมการเจรจา โดย BRN ยังคงเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ขณะที่มาเลเซียไม่ให้ความร่วมมือในการกดดันผู้นำ BRN ทำให้ BRN ไม่มีแรงจูงใจใดๆ ที่จะยุติความรุนแรง
พรรคฝ่ายค้านของมาเลเซีย อย่างพรรค PAS และหน่วยงานตำรวจลับพิเศษของมาเลเซีย (Special Branch) ต่างมีบทบาททางการเมืองที่ซับซ้อนที่ทำให้ BRN กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่บ่อนทำลายอำนาจของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย
ในฝั่งไทย เป้าหมายและความชอบธรรมของการเจรจาสันติภาพยังไม่ชัดเจน นักการเมืองสายอนุรักษ์นิยมจำนวนมากยังคงคัดค้าน เพราะเกรงว่าจะทำให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ และอาจเป็นก้าวแรกสู่การแบ่งแยกดินแดนในอนาคต
ท่าทีของไทยต่อการมีส่วนร่วมของต่างประเทศ เช่น เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ ก็ยังขัดแย้งกันในตัวเอง เพราะกลุ่มอนุรักษ์นิยมจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยอย่างเงียบๆ โดยมองว่านี่คือ “เรื่องภายในของไทย” ที่ต่างชาติไม่ควรยุ่งเกี่ยว
จ. ระบบที่ผลิตซ้ำตนเอง

ฝ่ายความมั่นคงบางส่วนได้รับประโยชน์จากการดำรงอยู่ของความรุนแรง ทั้งในรูปงบประมาณ การเลื่อนตำแหน่งรวดเร็ว หรืออำนาจทางการเมือง
ในสังคมไทยจึงแทบไม่มีแรงกดดันทางการเมืองต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาที่ดูเหมือนแก้ไม่ได้นี้
ความพยายามในการเสนอทางออกทางการเมืองมักเกิดขึ้นโดยไม่มีการพูดคุยกับผู้นำตัวจริงของ BRN และข้อเสนอเหล่านั้นก็มักเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการเมือง ไม่ได้มาพร้อมกับนโยบายด้านความมั่นคงที่จำเป็นต้องคำนึงถึงทั้ง BRN และกลุ่มอนุรักษ์นิยมในไทยที่ต่อต้านการประนีประนอมทางการเมือง
ดร.ซาช่า สรุปในตอนท้ายว่า นโยบายของรัฐไทยต่อความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ล้มเหลว เพราะเริ่มต้นจากความเข้าใจผิด ไม่ยอมรับลักษณะทางการเมืองของปัญหา ใช้แนวทางการปราบปรามแบบเก่า ไม่เข้าใจโครงสร้างลึกของ BRN และขาดเจตจำนงทางการเมืองในการสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง
---------------------
ขอบคุณ : กราฟฟิกจากรายการข่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี
