
กรณีกลุ่มคนร้ายกว่า 10 คนพร้อมอาวุธปืนสงครามครบมือ บุกปล้นร้านทอง “เยาวราชกรุงเทพ” ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส อย่างอุกอาจ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.68 โดยสามารถกวาดเอาทองรูปพรรณไปได้กว่า 600 บาท แล้วหลบหนีข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติไปได้อย่างลอยนวล
เหตุดังกล่าวเหมือนเป็นการ “ล้วงคองูเห่า” เนื่องจากกลุ่มคนร้ายก่อเหตุโดยไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เลย ทั้งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ทำให้ฝ่ายความมั่นคงเสียหน้าและเสียภาพลักษณ์อย่างมาก แม้จะอ้างว่าสาเหตุที่คนร้ายต้องปล้นทอง เพราะกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนไร้แหล่งทุนสนับสนุน เงินขาดมือ เนื่องจากทหาร ตำรวจ ซีลชายแดนเข้ม จนต้องตัดสินใจปล้นทอง
แต่ก็ถูกชาวบ้านย้อนว่า ซีลชายแดนเข้มแบบไหนกัน เพราะคนร้ายก็หนีข้ามแดนไปได้อย่างง่ายดายหลังปล้นทอง
แต่ฝ่ายความมั่นคงก็ได้จังหวะ วางแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยการทุ่มงบประมาณกว่า 150 ล้านบาทในการติดตั้งกล้องวงจรปิดระบบอินฟาเรด บริเวณแนวพรมแดนริมแม่น้ำโก-ลก เพื่อเฝ้าระวังป้องกันการกลุ่มก่อความไม่สงบข้ามไป-มา และสกัดการกระทำผิดกฎหมายตามแนวพรมแดน
ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ครั้งที่ 1 ซึ่งมี นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธานในที่ประชุม พล.ต.ธรรมนูญ ไม้สนธิ์ โฆษก กอ.รมน. ได้แถลงตอนหนึ่ง ยอมรับว่า “ที่ประชุมมีแนวคิดจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่ที่เคยยกเลิกไปแล้ว แต่ไม่ขอยืนยันว่าเป็น อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์ปล้นทองหรือไม่”
สำหรับการนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กลับมาใช้ในพื้นที่เคยยกเลิกไปแล้ว ต้องบอกว่า กอ.รมน.ไม่ใช่แค่คิดครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่เคยทำมาแล้วด้วยซ้ำ นั่นก็คือพื้นที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ที่ก่อนหน้านั้น เมื่อ 23 ส.ค.62 ได้มีการปลด อ.ศรีสาคร ออกจากพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดยให้เหตุผลว่า “สถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น”
จนมาในช่วงปี 2566 ได้เกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่องขึ้นหลายเหตุการณ์ ทำให้ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 ได้มีการเสนอให้นำ อ.ศรีสาคร กลับมาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีกครั้ง ด้วยเหตุผลว่า “สถิติการเกิดเหตุในพื้นที่สูงขึ้น”
ส่วน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้ถูกปลดออกจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไปตั้งแต่ วันที่ 20 มิ.ย.2561 ถ้าหากมีการนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มาประกาศใช้อีกครั้ง ก็ไม่ใช่อำเภอแรกที่มีการฟื้น พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
สำหรับพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) รวม 33 อำเภอ ปัจจุบันยังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ รวม 17 อำเภอ แยกเป็น
จ.นราธิวาส จำนวน 9 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองนราธิวาส, อ.ตากใบ, อ.บาเจาะ, อ.ระแงะ, อ.รือเสาะ, อ.ศรีสาคร, อ.สุไหงปาดี, อ.จะแนะ และ อ.เจาะไอร้อง
จ.ปัตตานี จำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองปัตตานี, อ.สายบุรี, อ.โคกโพธิ์, อ.หนองจิก และ อ.ยะรัง
จ.ยะลา จำนวน 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองยะลา, อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต
ส่วนพื้นที่ยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 16 อำเภอในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึง 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา( นาทวี จะนะ เทพา สะบ้าย้อย) รวม 20 อำเภอ จะเป็นพื้นที่ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แทน
เมื่อถามว่า การมีหรือไม่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่งผลต่อสถานการณ์ในพื้นที่แค่ไหน ยังจำเป็นต้องหาคำตอบที่ชัดเจน เพราะล่าสุด พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มตัว ได้ลงพื้นที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และยืนยันว่า “สังคมพหุวัฒนธรรมเกิดขึ้นได้ในพื้นที่”

โดย อ.แม่ลาน ถือเป็นอำเภอสัญลักษณ์ เพราะเป็นอำเภอแรกที่ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 ในรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นการนำร่องยกเลิกอำเภอแรก เพียงอำเภอเดียวในครั้งนั้น
โดย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เริ่มประกาศใช้มาตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.48 และต่ออายุขยายเวลาทุกๆ 3 เดือนมาตลอด และ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เป็นอำเภอแรกที่ได้รับการยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระทั่งปี 53 ช่วงปลายปี จึงยกเลิกอำเภอแรกที่แม่ลาน หลังจากใช้มากว่า 5 ปี
วันนี้ อ.แม่ลาน ยังคงสงบเงียบ และประชาชนอยู่ร่วมกันในแบบสังคมพหุวัฒนธรรม
เมื่อเร็วๆ นี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มี สส.มากที่สุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ 7 คนจาก 13 คน ได้ไปร่วมงานทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนสร้างที่พักสงฆ์และบูรณะซ่อมแซมอุโบสถของวัดป่าสวย อ.แม่ลาน บรรยากาศภายในงานทอดกฐินเต็มไปด้วยพี่น้องชาวไทยพุทธจำนวนหลายพันคน กลายเป็นศูนย์รวมพุทธศาสนิกชนอย่างสมบูรณ์
ขณะที่ภายในงานก็มีพี่น้องมุสลิมมาช่วยอย่างกลมกลืน เป็นมิตรจิตมิตรใจที่มีให้กันมาตั้งแต่อดีต

นายสมมุติ เบ็ญจลักษณ์ สส.ปัตตานี ของพรรคประชาชาติ ก็ไปร่วมงาน แม้จะเป็นคนมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม แต่เจ้าตัวบอกว่า เรื่องของศาสนาและวัฒนธรรมตนให้ความสำคัญเท่าๆกัน ถือเป็นภาพสะท้อนการอยู่ร่วมกันของพี่น้องพุทธกับมุสลิมอย่างสันติสุข
น่าคิดว่าเหตุใด อ.แม่ลาน ซึ่งยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นอำเภอแรก และเลิกใช้มาแล้วถึง 15 ปี กลับยังคงรักษาความสงบสุขและสังคมพหุวัฒนธรรมเอาไว้ได้
ฉะนั้นคำตอบของพื้นที่นี้อาจไม่ใช่การบังคับใช้กฎหมายพิเศษแต่เพียงด้านเดียว เพียงแต่ฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานในระดับนโยบายได้นำปัจจัยด้านอื่นๆ มาช่วยสร้างสันติสุข นอกจากการบังคับใช้กฎหมาย...แล้วหรือยัง?
