
การพบปะกันระหว่าง “บ้านใหญ่บุญญามณี” ประมุขบ้านเขารูปช้าง นิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย กับ “ครูใหญ่” เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มีนัยทางการเมืองแน่นอน
เป็นการตอกย้ำดีล “เข้าค่ายน้ำเงิน” ของ นิพนธ์ และ สส.ในสังกัด พร้อมมอบพื้นที่เลือกตั้งให้รับผิดชอบ
แต่เดิมการนัดหมายพบปะกันรอบนี้มีข่าวว่า นายกฯอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะเดินทางมาด้วย แต่สุดท้ายเจ้าตัวเปลี่ยนใจ เลือกไปลงพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไฟความรุนแรงกำลังร้อนระอุแทน
@@ “พี่เน - เสี่ยนิพนธ์” ณ สนามติณสูลานนท์ “ฟุตบอลการเมือง”

นัดหมายเดิม คือ วันเสาร์ที่ 11 ต.ค.68 เพราะมีอีเวนท์ฟาดแข้งฟุตบอลนัดพิเศษ ระหว่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ บีจีปทุม และ สงขลาเอฟซี พบ ตรังกานู จากมาเลเซีย ที่สนามติณสูลานนท์
“ครูใหญ่ เนวิน” คือประธานสโมสรบุรีรัมย์ ส่วน “เสี่ยนิพนธ์” คือ ประธาน สงขลา เอฟซี แม้สองทีมนี้จะไม่ได้ปะทะกันตรงๆ แต่ก็ร่วมรายการฟุตบอลการกุศลนัดพิเศษ ทำให้ประมุขของ 2 สโมสรต้องโคจรมาพบกัน ในห้วงเวลาที่พรรคสีน้ำเงินเปิดปฏิบัติการ “ดีล - ดูด - ดึง” บ้านใหญ่ทั่วฟ้าเมืองไทยไปเข้าชายคา
มีรายงานว่า “ครูใหญ่เนวิน” เหยียบแผ่นดินสงขลาตั้งแต่กลางดึกของคืนวันศุกร์ที่ 10 ต.ค. โดยทันทีที่เดินทางถึง ก็มีคณะของ “เสี่ยนิพนธ์” ไปรอต้อนรับทันที นอกจากตัวอดีต รมช.มหาดไทยแล้ว ยังมี สรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา ซึ่งเป็นลูกชาย และ สมยศ พลายด้วง สส.สงขลาอีกคน ในก๊วน “บ้านใหญ่บุญญามณี” ไปร่วมพบปะและรับประทานอาหารค่ำร่วมกันด้วย
อีเวนท์ฟุตบอลการกุศล จัดโดย สุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา เพื่อมอบรายได้เป็นทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนที่ขาดแคลนในพื้นที่
แม้จะมีการรับประทานอาหารค่ำร่วมกัน รวมถึงพาทีมเข้าแข่งฟุตบอลรายการเดียวกัน แต่ไม่ค่อยมีภาพที่ทั้งคู่ คือ “ครูใหญ่” กับ “เสี่ยนิพนธ์” ร่วมเฟรมภาพด้วยกัน โดยเฉพาะ สส.ในกลุ่มซึ่งยังสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ แทบไม่มีให้เห็น เข้าใจว่าน่าจะระวังตัว ระวังความเคลื่อนไหวกันพอสมควร
@@ แง้มดีล “ค่ายสีน้ำเงิน - บ้านเขารูปช้าง”

การพบปะรับประทานอาหารร่วมกัน โดยอ้างอีเวนท์ “ฟุตบอลนัดพิเศษ” ระหว่าง “บิ๊กเน” เนวิน ชิดชอบ กับ “เสี่ยนิพนธ์” บ้านเขารูปช้าง “บ้านใหญ่สงขลา” ถือเป็นการตอกย้ำ “ดีลการเมือง” ที่ “กลุ่มบุญญามณี” ซึ่งมี สส.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์หลายคน นำโดย สรรเพชญ บุญญามณี ลูกชายคนโตของนิพนธ์
โดย สรรเพชญ และ สส.ในกลุ่มบุญญามณี โหวตสนับสนุน “เสี่ยหนู อนุทิน” เป็นนายกรัฐมนตรี และมีข่าวว่าจะได้โควตารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือ ลูกสาวของนิพนธ์ด้วย ถึงขั้นส่งประวัติกันแล้ว แต่ภายหลังเจ้าตัวขอถอนชื่อ จึงไม่มีตัวแทนของ “กลุ่มบุญญามณี” เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย
แต่ผลอีกด้านหนึ่งก็ทำให้ได้รับความเกรงใจจากแกนนำพรรคภูมิใจไทยอย่างมาก
ข่าวแจ้งด้วยว่า การพบปะรับประทานอาหารร่วมกันที่บ้านเขารูปช้าง เพื่อยืนยันข่าว “ซูเปอร์ดีล” ว่าไม่มีการ “ล้มดีล” หลังจากมีกระแสว่า เสี่ยนิพนธ์ อาจจะหวนกลับพรรคประชาธิปัตย์ หลังจากมีความชัดเจนแล้วว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรค จะกลับไปรับตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อฟื้นฟูพรรคการเมืองเก่าแก่ที่สุดของประเทศ ให้กลับมาได้รับความนิยมจากประชาชนอีกครั้ง
ปัจจุบัน “บ้านบุญญามณี” มี สส.ในกลุ่มอย่างน้อย 3-4 คน คือ สส.สงขลา 2 คน ได้แก่ สรรเพชญ ลูกชายของนิพนธ์เอง และ สมยศ พลายด้วง นอกจากนั้นยังมี สส.นครศรีธรรมราช 1 คน คือ ราชิต สุดพุ่ม และ สส.ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างอีกจำนวนหนึ่ง
มีรายงานว่า “ดีลการเมือง” ระหว่าง “พรรคสีน้ำเงิน” กับ “บ้านบุญญามณี” คือการมอบหมายให้ เสี่ยนิพนธ์ ดูแลพื้นที่เลือกตั้งสงขลาให้กับพรรคภูมิใจไทย รวมถึงนครศรีธรรมราช และปัตตานีบางเขต โดย นิพนธ์ เคยเป็นนายก อบจ.สงขลา และเป็น สส.สงขลา ถึง 8 สมัย รวมถึงเคยเป็นถึงอดีต รมช.มหาดไทย จึงถือว่ามีบารมีและเครือข่ายในพื้นที่กว้างขวางมาก โดยเฉพาะนักการเมืองท้องถิ่นทุกระดับ
@@ เจาะสนามสงขลา ภูมิใจไทยขอผ่าครึ่ง!

สถานการณ์ของสนามเลือกตั้งสงขลา ภายหลังภูมิใจไทยเลือกใช้บริการ “เสี่ยนิพนธ์” ดูแลพื้นที่ และหวังปักธงสีน้ำเงินเพิ่มจากเดิม โดยหากย้อนดูการเลือกตั้งใหญ่ 2 ครั้งที่ผ่านมา คือ ปี 62 และปี 66 ผู้สมัครในสีเสื้อ “สีน้ำเงิน” เข้าป้ายได้เป็น สส.แค่ 1 คนทั้ง 2 ครั้ง จากจำนวน สส.ทั้งจังหวัด 8 และ 9 คนตามลำดับ นั่นคือ สส.ณัฏฐชนน ศรีก่อเกื้อ
แต่เมื่อภูมิใจไทยได้ “เสี่ยนิพนธ์” ไปเป็นขุนพลคนใหม่ คาดว่าเลือกตั้งปี 69 จะมีลุ้น สส.ถึง 4 เขต จาก 9 เขต ประกอบด้วย
- บ้านใหญ่บุญญามณี 2 เขต คือ เขตเดิมของ สรรเพชญ กับ สมยศ
- สส.ศาสตรา ศรีปาน จากรวมไทยสร้างชาติ ซึ่งสังกัดกลุ่ม “ดร.แด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งจะเข้าชายคาภูมิใจไทยแน่นอน
- ณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ สส.ผูกขาด 2 สมัยของภูมิใจไทยเอง
ทั้งหมดนี้คือ 4 เขตจาก 9 เขตที่ภูมิใจไทยได้ลุ้น ยังเหลืออีก 5 เขต คือ
- “สส.กฤต” ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว เคยสังกัดพลังประชารัฐ ปัจจุบันอยู่กล้าธรรม
- กลุ่ม “นายกชาย” หรือ “บ้านใหญ่ขาวทอง” มี เดชอิศม์ ขาวทอง เป็นประมุข และมี สส.สงขลาถึง 3 คน คือ ตัวนายกชายเอง, ภรรยา คือ “สส.น้ำหอม” สุภาพร กำเนิดผล และลูกชาย ศักดิ์สิทธิ์ ขาวทอง ที่ผ่านมามีข่าวเปิดดีลกับ “เสธ.หิ” หิมาลัย ผิวพรรณ ซึ่งปัจจุบันไปช่วยงาน “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” อยู่ที่พรรคกล้าธรรม
@@ วัดใจ “นายกชาย” ดีลสุดท้ายจบไม่ลง

ปัญหาของ “กลุ่มนายกชาย” คือ เจอกระแสต้านจาก สส.กฤต ที่สวมเสื้อพรรคกล้าธรรมอยู่ก่อนแล้ว และมีการขบเหลี่ยม “เส้นทางสายนักเลง” กันอยู่ มีการพูดจากระทบกระทั่งและขู่ฟ้องกันไปมา โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคดีค้างเก่าของ สส.กฤต ทำให้ “ดีลกล้าธรรม” ยังไม่ลงตัว
มีรายงานว่า “เสธ.หิ” เสนอออปชั่นให้ “นายกชาย” หากไปกล้าธรรม ก็จะจัดทัพสงขลาใหม่ โดยให้ นายกชาย ขึ้นปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 5 แล้วโยกภรรยาคนสวย “สส.น้ำหอม” ซึ่งเป็น สส.เขต6 อยู่ในปัจจุบัน ไปลงเขต 9 แทน เพื่อหลีกทางให้ “โบ๊ต” อนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ได้เป็น สส.เขตนี้
โดย “โบ๊ต” เคยลงสู้ศึกเลือกตั้งซ่อมในสีเสื้อพลังประชารัฐ ปะทะกับ “น้ำหอม” แต่พ่ายแพ้ไป ทำให้ยังคาใจ และอยากหวนกลับมา ซึ่งปัจจุบัน “โบ๊ต” ออกจากบ้านป่าฯ ตามผู้กองมาอยู่ที่กล้าธรรม
ส่วนปัญหาระหว่าง นายกชาย กับ สส.กฤต นั้น “เสธ.หิ” ตัดจบแบบใจนักเลง ทำนองว่า “ต่างคนต่างอยู่…จบไหม”
สุดท้ายดีลนี้ต้องรอการตัดสินใจจาก นายกชาย แต่หากคิดช้า เส้นทางจะยิ่งตีบตัน เนื่อง “บ้านใหญ่บุญญามณี” ลงหลักปักฐานที่ค่ายสีน้ำเงินแล้ว ส่วน “ค่ายสีฟ้า” อย่างประชาธิปัตย์ก็อยู่ต่อลำบาก หากเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
@@ จับตา “สุรินทร์ ปาลาเร่” หากเท ปชป.อาจไปต่อที่กล้าธรรม
- สส.สงขลาอีก 1 คน 1 เขตที่เหลือ คือ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส. เขต 8 ค่ายประชาธิปัตย์ ขณะนี้ยังนิ่ง ไม่ออกตัวว่าอยู่ฝ่ายใด แต่ก็พอเดาทางได้ว่า หากขยับออกจากพรรคเก่าแก่ ปลายทางก็ไม่ใช่ภูมิใจไทยแน่นอน
เนื่องจาก พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม แม่ทัพภาคใต้ของภูมิใจไทย ชิงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.เขต 8 ของพรรคไปแล้ว คือ “บังลี” ฆอซาลี ดุสะเหม๊าะ พ่อค้าขายไก่อบโอ่งชื่อดัง

โดย “บังลี” มีจุดเด่นคือ เป็นพ่อค้าที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ และเป็นคนพื้นที่เขต 8 คือ อ.จะนะ และ เทพา ซึ่งเป็นพื้นที่มุสลิม มีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม และตลอดมา “บังลี” ในฐานะเจ้าของธุรกิจไก่อบโอ่งอันโด่งดัง ได้รับการยอมรับคนจะนะ - เทพา อีกทั้งได้ทำกิจกรรมกับประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะมุสลิมที่ดี
ด้วยเหตุนี้ พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ จึงน่าจะปิดโอกาสกับภูมิใจไทย ฉะนั้นปลายทางหากจะย้ายพรรค ก็จะเหลือ “กล้าธรรม” ล่าสุดมีข่าวได้รับการเชื้อเชิญจาก สัมพันธ์ มะยูโซะ หรือ “สส.บีลา” ขาใหญ่นราธิวาสแห่งพรรคกล้าธรรมเรียบร้อยแล้ว
โดยปัจจุบัน น้องชายของ “สส.บีลา” คือ อามินทร์ มะยูโซ๊ะ ก็เพิ่งได้รับตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในโควตาของพรรคกล้าธรรม ถือเป็น สส.นราธิวาส คนแรกในรอบเกือบ 30 ปีที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แถมยังเป็น สส.สมัยแรกอีกด้วย
ฉะนั้นพรรคกล้าธรรมจึงเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของ สส.ที่ต้องการเปลี่ยนค่าย ย้ายพรรค แต่ติดขัดเรื่องดีลกับค่ายน้ำเงิน

หากสนามเลือกตั้งสงขลาเป็นไปตามนี้ คาดว่า “การเมืองของเมืองเงือกสมิหลา” จะเหลือเพียง 2 ขั้ว คือ ภูมิใจไทย 4 เขต กับกล้าธรรม 5 เขต จากทั้งหมด 9 เขต ไม่เหลือที่ยืนให้พรรคประชาธิปัตย์
ยิ่งมีภาพ “เสี่ยนิพนธ์” นั่งติดกับ “โกเกี้ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ แม่ทัพภาคใต้ของภูมิใจไทย ยิ่งทำให้เห็นแรงสั่นสะเทือนของการเมืองปลายด้ามขวาน จากการขยับของพลพรรคสีน้ำเงิน!
ขอบคุณ : ภาพจากเฟซบุ๊ก ซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย
