
อดีตนายกฯ 2 สมัยไม่ทิ้งปัญหาไฟใต้ ลุกขึ้นอภิปรายเตือนสติ “รัฐบาลอนุทิน” ยึดหลักนิติธรรมเป็นธงนำแก้ปัญหา หยุดการฆ่านอกกระบวนการยุติธรรม เลิก “กระบวนการไล่เก็บ” ต้นเหตุสถานการณ์รุนแรงปะทุยืดเยื้อ ให้กำลังใจแม้เขียนนโยบายเข้าใจยาก แต่ยังดีกว่า 2 รัฐบาลก่อนหน้าของเพื่อไทย
การประชุมรัฐสภาเพื่ออภิปรายนโยบายที่แถลงโดยรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล วันที่สอง ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ 30 ก.ย.68 นั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า และเป็นวันสุดท้ายของการอภิปราย ซึ่งไม่มีการลงมติ
โดยมีช่วงหนึ่งของการอภิปราย มีสมาชิกพูดถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้อภิปราย คือ นายชวน หลีกภัย สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย และประธานสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย ถือเป็นสมาชิกที่มีอาวุโสทางการเมืองสูงสุดในสภาชุดปัจจุบัน
นายชวน อภิปรายตอนหนึ่งว่า เรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ เรื่องสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วเขียนไว้ชัดเจน แต่คณะรัฐมนตรีคณะนี้ไม่เขียนไว้ ซึ่งก็ไม่แปลก แต่ก็อุตส่าห์เขียนไว้ ถือเป็นการต่อต้านชัดเจน
และอีกเรื่องที่เป็นนโยบายที่น่าสนับสนุน คือ ด้านความมั่นคง ทั้งเรื่องไทย-กัมพูชา และปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตนได้พูดเรื่องนี้มาทุกครั้ง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของชีวิต ถ้าเทียบกับชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว ปัญหาชายแดนใต้มีมายาวนาน ถ้าเป็นเรื่องของน้ำท่วมก็เกิดจากธรรมชาติ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่นี่เกิดจากฝีมือมนุษย์ และความผิดพลาดของนโยบาย
ตนเคยทักท้วงตั้งแต่นโยบายของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ไม่ได้เขียนนโยบายเรื่องนี้ไว้เลย ต่อมานายกรัฐมนตรีท่านที่แล้ว (รัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ก็เขียนหนึ่งบรรทัด ที่ตนให้ข้อสังเกตเรื่องนี้ เพราะช่วงเวลา 1 ปีของรัฐบาลนายเศรษฐานั้น มีผู้เสียชีวิตประมาณ 112 คน และช่วงเกือบหนึ่งปีของนายกฯ คนที่แล้ว ก็มีคนเสียชีวิตประมาณ 121 คน เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้น
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่ทันที่นายกฯอนุทินจะแถลงนโยบาย ก็มีผู้เสียชีวิตทั้งคนร้าย และเจ้าหน้าที่ ประมาณ 3-4 คน ดังนั้นปัญหานี้เราจะเสียหายกับเศรษฐกิจเท่าไรก็ตาม ก็ไม่รุนแรงเท่ากับชีวิตคน ตนจึงถือว่านโยบายเกี่ยวกับชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องสำคัญ จึงจำเป็นต้องอภิปรายนโยบายที่เร่งรัดแก้ไขปัญหาชายแดนใต้
“เพราะ 4 บรรทัดที่เขียนไว้ อ่านแล้วก็ยากที่จะเข้าใจว่าจะทำอย่างไร โดยรัฐบาลจะเร่งรัดแนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และเกิดการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน คู่ขนานไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน ผมอยากขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอธิบายเรื่องนี้ เพราะเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีคงจะไม่เข้าใจเรื่องนี้ลึกซึ้งมากนัก แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเคยเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ น่าจะรู้เรื่องนี้ดี”
“ผมเชื่อว่าถ้าหลีกเลี่ยงหนี ไม่อยากพูดถึง ก็เหมือนไปตำหนิตัวเอง จะแก้ปัญหายาก แต่ถ้ายอมรับความจริง มีบุคคลที่ให้ข้อมูล เช่น อดีตรองแม่ทัพภาค 4 ที่มีชีวิตอยู่ ให้รีบไปขอข้อมูล ท่านอายุมากแล้ว ซึ่งเป็นคนเดียวที่ค้านนโยบายรัฐบาลในสมัยนั้น (หมายถึงสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนเกิดเหตุการณ์ปล้นปืน เมื่อปี 2547) ที่ใช้นโยบายจัดการแค่เดือนละ 10 คน 2 เดือนก็หมด”
“กระบวนการที่ว่านี้เป็นนโยบายที่ไม่ผ่านกระบวนการฝ่ายอำนาจอธิปไตยทางศาล ไม่ให้ศาลตัดสิน ฝ่ายบริหารตัดสินเอง คือ นโยบายให้เก็บ ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น มีองค์กรใหม่เกิดขึ้น ที่เรียกว่าองค์กร RKK ถ้าวันนั้นเชื่อแม่ทัพภาค 4 ที่คัดค้านนโยบายนี้ (หมายถึง พลโทณรงค์ เด่นอุดม) เชื่อว่าวันนี้เหตุการณ์ขวานทองจะไม่รุนแรงเช่นนี้ ดังนั้นอยากให้รัฐบาลใส่ใจเรื่องนี้ ความหมายเพราะชีวิตหนึ่งชีวิตมีความหมายมากกว่าเงิน 10 ล้าน 8 ล้าน หรือเท่าไรก็ตามที่ให้กับผู้เสียหาย”

นายชวน อภิปรายต่ออีกว่า หลักนิติธรรมก็สำคัญ ถ้าเราทำเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น ถ้าฝ่ายบริหารจับคนร้ายให้ศาลตัดสิน ถ้าใช้กระบวนการนี้ วันนี้เราไม่มีปัญหา แต่เมื่อเราไปลัดขั้นตอน ให้ฝ่ายบริหารตัดสินว่าคนนี้ควรตาย คนนี้ควรประหารชีวิต ก็มีปัญหาเช่นนี้ออกมา
“ผมเตือนตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ให้เลือกว่าจะเลือกหลักนิติธรรม หรือเลือกพวก แต่รัฐบาลนายเศรษฐาก็เลือกพวก รัฐบาลนั้นจึงมีอันเป็นไป ดังนั้นหลักนิติธรรมที่อยู่ในนโยบายรัฐบาลครั้งนี้ ผมจึงจะสนับสนุนเต็มที่ แต่ในภาคปฎิบัติต้องทำ ไม่ใช่ในนโยบายเขียนไว้ แต่การปฎิบัติละเลย และอย่าไปแทรกแซง”
“เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีประกาศชัดเจนเองว่าจะไม่ทำอย่างที่กังวล เพราะคงรู้ว่ามีความกังวลในเรื่องแทรกแซง จากพฤติกรรมที่ผ่านมามีการแทรกแซงในหลายเรื่อง ดังนั้นต้องรักษาหลักนิติธรรม ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก”
@@ ไม่ทำตามที่ถวายสัตย์ รัฐบาลมีอันเป็นไป
นอกจากประเด็นเกี่ยวกับนโยบายดับไฟใต้ นายชวนยังได้อภิปรายเรียกร้องให้ร่วมกันทำให้การเลือกตั้งในปีหน้า เป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม เพื่อลดการทุจริต แสวงหาผลประโยชน์ เพื่อให้ประเทศกลับมามั่นคง
"เมื่อมีรัฐบาล 3 ชุดในเวลา 2 ปีกว่า อายุสภาเราสั้นลงไปปีกว่า ดังนั้นเป็นการบ้านที่รัฐบาลชุดนี้ได้ประโยชน์ ต้องทำงานอย่างที่พูดไว้ ไม่เพียงแค่ในนโยบาย แต่ต้องปฏิบัติตามที่ถวายสัตย์ปฏิญาณไว้ด้วย ถ้าใครไม่เคารพ ก็จะมีอันเป็นไป ท่านมีโอกาสพิสูจน์...พิสูจน์ว่าคนรวยไม่โกงก็มี ความเชื่อแต่เดิมต้องเชื่อว่าต้องสนับสนุนคนรวย เพราะการเมืองต้องใช้งบประมาณมหาศาล คนที่จะไปเลือกคนที่ไม่มีบ้านอยู่ จะมีแต่คอร์รัปชั่น มีแต่โกง แต่ท้ายที่สุดเวลาพิสูจน์แล้วว่า รวย จน ไม่ใช่ตัวกำหนด" นายชวน ทิั้งท้ายการอภิปราย
@@ เปิดใจ “อิศรา” โครงการดับไฟใต้ถูกทิ้งร้าง-ไร้สานต่อ

อนึ่ง ก่อนที่คณะรัฐมนตรีของนายอนุทิน จะแถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา “ทีมข่าวอิศรา” ได้มีโอกาสเข้าพบและสัมภาษณ์ นายชวน หลีกภัย ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายชวน กล่าวตอนหนึ่งถึงปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้ศึกษานโยบายของรัฐบาลนายอนุทินแล้ว พบว่าเขียนนโยบายแก้ไขปัญหาภาคใต้ไว้ในนโยบายนิดหน่อย ไม่มากนัก แต่ก็ยังดีกว่าในยุครัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งไม่มีเขียนเอาไว้เลย
“ผมจะอภิปรายเรื่องภาคใต้แน่นอน แม้จะมีเขียนนโยบายเอาไว้สั้นๆ ก็ตาม เพราะสนใจติดตามปัญหานี้”
นายชวน บอกด้วยว่า สมัยที่ตนเป็นรัฐบาล ได้ริเริ่มโครงการเพื่อวางรากฐานการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้เอาไว้หลายโครงการ แต่หลังจากนั้นก็ถูกทิ้งร้างหมด เนื่องจากไม่มีการสานต่อ
ทั้งนี้ นายชวน ดำงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย สมัยแรกช่วงปี 2535-2538 ซึ่งเป็นช่วงที่ปัญหาไฟใต้ปะทุรุนแรง มีเหตุการณ์เผาโรงเรียนหลายสิบแห่งพร้อมกัน
สมัยที่ 2 ช่วงปี 2540-2544 เป็นช่วงที่สามารถจัดการปัญหาไฟใต้ได้จนเกือบสงบเรียบร้อย เพราะสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบลดลงเหลือเพียงปีละ 8 ครั้งเท่านั้น ทว่าเมื่อมีรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร เข้ามาบริหารประเทศต่อ และมีการดำเนินนโยบายบางอย่างซึ่ง นายชวน มองว่าผิดไปจากแนวทางที่ควรจะเป็น (ตามที่อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภาล่าสุด) ก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนครั้งมโหฬาร เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 และเป็นจุดเริ่มต้นของไฟใต้ระลอกใหม่ที่ยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน
