เลขาธิการ ศอ.บต ประสานความร่วมมือสมาคมอู่ต่อเรือประเทศตุรเคีย พร้อมบริษัทต่อเรือชั้นนำระดับโลก จับมือพัฒนาอุตสาหกรรมประมงและการต่อเรือชายแดนใต้ ผลักดันปัตตานีเป็นศูนย์กลางการต่อเรืออาเซียน หวังสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนใต้ ตรงตามประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของเมืองท่าปัตตานีในอดีต เผยทำแผนลงทุนเสนอ BOI แล้ว ตั้งเป้า “นอร์เวย์แห่งเอเชีย” ศูนย์กลางอาหารทะเลโลก
เมื่อเร็วๆ นี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ นายอภิรัตน์ สุคนธาภิรมณ์ ณ พัทลุง เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงอังการา ประเทศตุรเคีย เข้ารับฟังและแลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมการต่อเรือกับ Mr.Murat Kiran ประธานสมาคมอู่ต่อเรือของตุรเคีย และประธานบริษัท NAVTEK ซึ่งเป็นบริษัทต่อเรือชั้นนำของประเทศตุรเคีย ณ เขตอุตสาหกรรมทุซลา นครอิสตันบูล ประเทศตุรเคีย
เนื่องด้วยบริษัทได้เห็นถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดปัตตานีที่มีศักยภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงและการต่อเรือ รวมทั้งพื้นที่มีประชากรคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่มีศักยภาพในการทำอุตสาหกรรมประมง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพเหมือนอุตสาหกรรมประมงของประเทศนอร์เวย์ที่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากการประมงให้เป็นแหล่งอาหารของโลก
โดย Mr.Sadullah Toprak ผู้แทนของบริษัท NAVTEK ได้จัดตั้งบริษัท NAVANIRAN ร่วมทุนกับภาคเอกชนชาวไทย ลงทุนในกิจการอู่ต่อเรือที่จังหวัดปัตตานี โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมการต่อเรือประมงสมัยใหม่มาใช้ มีเป้าหมายต่อเรือประมงพาณิชย์ 5,000 ลำ และผลักดันจังหวัดปัตตานีเป็นศูนย์กลางการต่อเรือในอาเซียน ซึ่งขณะนี้ได้เสนอแผนธุรกิจต่อ BOI หรือคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ศอ.บต.ได้แจ้งให้ทราบในเรื่องการได้รับสิทธิและมาตรการช่วยเหลือด้านค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และสิทธิการขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) สำหรับการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โอกาสนี้ เลขาธิการ ศอ.บต.ได้เยี่ยมชมและแลกเปลี่ยนข้อมูลการเรียนการสอนการเดินเรือและต่อเรือ ณ Piri Reis University ที่ก่อตั้งขึ้นในนาม Piri Reis ซึ่งเป็นนักเดินเรือออโตมันที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาศาสตร์ทางทะเลในอดีตมากว่า 500 ปี เป็นมหาวิทยาลัยทางทะเลแห่งเดียวในประเทศตุรเคีย ที่เป็นสมาชิกองค์การมหาวิทยาลัยทางทะเลนานาชาติ หรือ IAUM ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่กับธุรกิจการเดินเรือสมุทรและอุตสาหกรรมการต่อเรือ
@@ เยี่ยมชมเทคโนโลยี-นวัตกรรมต่อเรือสุดทันสมัย
ในโอกาสเดียวกับการเดินทางไปตุรเคียครั้งนี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ พร้อมด้วยนายอภิรัตน์ และผู้บริหารสมาคมอู่ต่อเรือของประเทศตุรเคีย กับบริษัท NAVTEK ที่ได้เห็นถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของจังหวัดปัตตานีที่มีศักยภาพและความพร้อมของทรัพยากรมนุษย์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงและการต่อเรือ เพื่อผลักดันจังหวัดปัตตานีให้เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมประมงและการต่อเรือในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขณะนี้ได้เสนอแผนการลงทุนต่อ BOI แล้วนั้น
คณะยังได้ร่วมเดินทางไปเยี่ยมชมอุตสาหกรรมประมงและอู่ต่อเรือของตุรเคีย ทำให้ได้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงของการต่อเรือในหลายประเภท ทั้งเรือประมง เรือสินค้า เรือสำราญ (Yacht) ให้มีสมรรถนะสูง ลดต้นทุน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศตุรเคียอย่างมหาศาล
นอกจากนี้ ยังได้เห็นถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมประมงและการต่อเรือที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจด้านอื่นๆ อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาศักยภาพเยาวชนคนหนุ่มสาวที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคตต่อไป
ทั้งนี้ภาคเอกชนของประเทศตุรเคียมีความเชื่อมั่นและมีความพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนหลายๆ โครงการในจังหวัดปัตตานี โดย ศอ.บต.พร้อมให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ต่อไป การเข้ามาลงทุนในพื้นที่ครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างครบวงจร
@@ สอดคล้องประวัติศาสตร์ “ปัตตานี” เมืองท่าสุดรุ่งเรืองในอดีต
อนึ่ง จังหวัดปัตตานีในอดีต เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของแหลมมลายู จึงเป็นแหล่งอารยธรรม เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการค้าขายที่รุ่งเรืองอย่างมาก ทั้งยังเป็นที่มาของสังคมพหุวัฒนธรรม มีความเป็นอยู่ที่ผสมกลมกลืนกันระหว่างพี่น้องมุสลิม พี่น้องที่นับถือศาสนาพุทธ และรวมพี่น้องชาวจีน ที่มาตั้งชุมชนและศาสนสถานมากมายในพื้นที่
นอกจากนั้นในอดีต ปัตตานียังมีประวัติศาสตร์ขึ้นชื่อด้านการต่อเรือและเป็นศูนย์กลางการแวะและจอดเรือประมงที่ค้าขายในภูมิภาคแถบนี้และภูมิภาคอื่นๆ ของโลกด้วย
@@ จับเข่าคุย ปธ.หอค้าทางทะเล - ธุรกิจประมง 1.5 หมื่นราย
คณะของ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ และผู้บริหารสมาคมอู่ต่อเรือของประเทศตุรเคีย รวมถึงบริษัท NAVTEK ยังได้ประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลธุรกิจประมงและอู่ต่อเรือกับ Mr.Tamer KIRAN ประธานหอการค้าทางทะเลนครอิสตันบูล ซึ่งมีผู้ประกอบการธุรกิจประมงและอู่ต่อเรือมากกว่า 15,000 ราย ที่ได้รวมตัวกันจัดตั้งขึ้น เพื่อเสนอแนะเชิงนโยบายการพัฒนาธุรกิจต่อรัฐบาลและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมทางทะเลของรัฐบาลไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ รวมทั้งวางแผนอำนวยการ และประสานงานผู้ประกอบการธุรกิจทางทะเลให้มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลครั้งนี้ ทำให้สามารถนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจการประมง อุตสาหกรรมอู่ต่อเรือและการท่องเที่ยวทางทะเลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้เป็นอย่างดี และผู้ประกอบการชาวตุรเคียมีความประสงค์จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจด้านการประมง อู่ต่อเรือและการท่องเที่ยวทางทะเลในโอกาสต่อไป