หนึ่งในดัชนีชี้วัดว่า การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้กำลังเดินไปถูกทิศถูกทาง ถูกฝาถูกตัว และดีขึ้นเป็นลำดับ ก็คือ ความเข้าใจของมิตรประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศที่เฝ้าติดตามปัญหาไฟใต้ของไทย
องค์กรที่มีบทบาทและความสำคัญสูงสุดของโลกมุสลิม ก็คือ โอไอซี หรือ องค์การความร่วมมืออิสลาม
ช่วงที่สถานการณ์ยังไม่พัฒนามาอยู่ในแดนบวกดังเช่นทุกวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ต้องรับมือกับแรงกดดันของ โอไอซี อย่างมาก
และภารกิจการสร้างความเข้าใจกับทุกภาคส่วนทั้งในและนอกพื้นที่ รวมถึงเวทีต่างประเทศ อยู่ในความรับผิดชอบของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต.
โดยเฉพาะการสร้างความเข้าใจกับประเทศในโลกมุสลิม และองค์การความร่วมมืออิสลาม ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก รองจากยูเอ็น หรือสหประชาชาติ
ปัจจุบันท่าทีของ โอไอซี ต่อปัญหาไฟใต้และรัฐบาลไทยดีขึ้นมาก มีแต่ความร่วมมือในแนวทางที่สร้างสรรค์ สะท้อนถึงความสำเร็จของการจัดการปัญหา และการสื่อสารทำความเข้าใจของฝ่ายไทย
เมื่อเร็วๆ นี้ พ.ต.ท.วรรณพงศ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วย นายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงริยาด และ นายพงศ์ปราชญ์ มากแจ้ง เอกอัครราชฑูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ เข้าพบ นายฮุซัยน์ บรอฮีม ฏอฮา (H.E. Mr. Hissein Brahim Taha) เลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ณ นครเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของรัฐบาลไทยที่มอบหมายให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานด้านการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โอกาสนี้ เลขาธิการ ศอ.บต.ได้กล่าวถึงกระบวนการการดูแลประชาชนของหน่วยงานภาครัฐ ในบริบทของการให้สิทธิเสรีภาพการนับถือศาสนาและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของทุกศาสนิก โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีชาวไทยมุสลิมอาศัยอยู่กว่าร้อยละ 80 เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจอันดี และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ด้วยความเข้าใจต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน สร้างความเชื่อมั่นต่อการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรภาครัฐ และสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนความแตกต่างหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมทั้งการส่งเสริมให้มีพื้นที่กลางในการทำกิจกรรมร่วมกัน สามารถลดความขัดแย้งและแนวความคิดเห็นต่างของเยาวชน
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังให้ ศอ.บต.ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทย มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยใช้การส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ ให้ประชาชนมีรายได้ มีงานทำ และมีการศึกษาที่ทัดเทียม
นายฮุซัยน์ บรอฮีม ฏอฮา เลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) ได้แสดงความชื่นชมต่อแผนการดำเนินงานของรัฐบาลไทยในการดูแลประชาชนในพื้นที่โดยไม่จำกัดเชื้อชาติและศาสนา พร้อมทั้งแก้ปัญหาและลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนในพื้นที่ คำนึงถึงสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคและเท่าเทียม
ทั้งยังสนับสนุนแนวคิดและวิธีการในการสร้างเสริมสังคมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของรัฐบาลไทยผ่านการขับเคลื่อนงานโดย ศอ.บต. และพร้อมให้การสนับสนุนสำหรับแผนการดำเนินงานงานในอนาคตของทางรัฐบาลไทยต่อไปด้วย
@@ กงสุลใหญ่มาเลย์ หนุน ศอ.บต.มุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต
อีกหนึ่งกิจกรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ พร้อมด้วย นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร, นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมต้อนรับ นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด ซาร์กาวี (MR. AHMAD FAHMI BIN AHMAD SARKAWI) กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ และหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน ที่ห้องรับรอง ชั้น 3 ศอ.บต. อำเมืองยะลา
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า ศอ.บต. ยังคงเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะปัญหาความยากจนเป็นหลัก มุ่งเน้นการส่งเสริมเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตตามแนวทางยุทธศาสตร์ที่วางไว้ อีกทั้งยังมีนโยบายการค้าชายแดนระหว่างประเทศ อาทิ การขับเคลื่อนโครงการเมืองคู่แฝด "Twin city ไทย-มาเลเซีย” ที่ต้องการกระชับความสัมพันธ์ที่ดีทุกมิติ และส่งเสริมด้านต่างๆ เช่น ท่องเที่ยว ผลผลิตทางการเกษตร อาหาร สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา โดยเชื่อมโยงกับ 5 รัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย ควบคู่กับ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนั้นยังมีการส่งเสริมวิถีความเป็นอัตลักษณ์ของชาวมลายู กิจกรรมต่างๆ รวมถึงวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งในปีนี้ ศอ.บต.ได้มีการแต่งตั้งสภาที่ปรึกษา ตามบทบาทหน้าที่ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนอย่างชัดเจนด้วย
ด้าน นายอาห์หมัด ฟาห์มี อาห์หมัด กงสุลใหญ่มาเลเซีย ประจำจังหวัดสงขลา กล่าวขอบคุณคณะผู้บริหาร ศอ.บต.ที่ได้ให้การต้อนรับ และขอชื่นชมการทำงานของ ศอ.บต.ที่มีความต้องการในการทำประโยชน์ต่อพื้นที่และประชาชน รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง
@@ “ไออาร์ซี” ชงโครงการดึงชุมชนพื้นถิ่นร่วมรับมือภัยพิบัติ
เมื่อเร็วๆ นี้เช่นกัน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ พร้อมด้วย นายนันทพงศ์ สุวรรณรัตน์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับคณะจากองค์การอินเตอร์เนชั่นแนล เรสคิว คอมมิตตี (ไออาร์ซี) นำโดย นายโชติวัฒน เจริญผล ผู้ประสานงานด้านการคุ้มครองสิทธิและเสริมพลัง เพื่อหารือแนวทางและแนะนำโครงการเพื่อสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในการเตรียมความพร้อมรับมือและลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยการมีส่วนร่วมของประชากรกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
โดยมีผู้แทนจากกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยผู้อำนวยการกองบริหารยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมหารือ ที่ห้องรับรอง ชั้น 1 ศอ.บต.
นายโชติวัฒน เจริญผล ผู้ประสานงานโครงการฝ่ายกฎหมายด้านการคุ้มครองสิทธิและเสริมพลัง กล่าวว่า มาแนะนำโครงการเตรียมความพร้อมและรับมือกับผลกระทบของภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น แต่เป็นการลดภัยพิบัติโดยเน้นการมีส่วนร่วมของกลุ่มเปราะบาง มุ่งเน้นการทำงานเชิงพื้นที่ร่วมกับประชาชนและเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนภาคประชาสังคม ในการหาช่องทางจากความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดของชุมชน นำมาพัฒนาและปรับปรุงให้เกิดผลที่มีประสิทธิภาพ
ด้าน พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า โครงการที่ได้นำเสนอ นับเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อพื้นที่และประชาชน ซึ่งยังคงยึดมั่นในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือประชาชนให้เกิดความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ภาครัฐมีความพยายามในการพัฒนาเพื่อให้ประชาชนได้มีความอยู่ดีมีสุข ภายใต้การนำยุทธศาสตร์ของประเทศมาปรับใช้ในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ไม่อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นต้องถูกลดทอนลงไป จากบทบาทขององค์กรอื่นๆ
สำหรับองค์กรไออาร์ซี เป็นองค์กรที่เริ่มดำเนินการในปี 2518 มีบทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือผู้พลัดถิ่นจากสงครามอินโดนีเซีย และเป็นหนึ่งในการปฏิบัติการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่ยาวนานที่สุดขององค์กร ซึ่งปัจจุบันร่วมมือกับองค์กรชุมชนและหน่วยงานหลายหน่วยงาน ในการช่วยเหลือและให้บริการประชาชนตามแนวชายแดน เช่น การให้บริการด้านสุขภาพ การคุ้มครองสิทธิ์ การพัฒนาความเป็นอยู่ที่ดี และการจัดการภัยพิบัติ เป็นต้น