นายกฯแพทองธาร พร้อมคณะรัฐมนตรีสวมเสื้อ “ผ้าบาติก ลายสมิหลา” เข้าประชุม ครม.สัญจรสงขลา อนุมัติงบกว่า 300 ล้านฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยชายแดนใต้ พร้อมไฟเขียวโครงการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งท่องเที่ยวเชิงชุมชน ก่อนลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าก่อสร้างถนนเชื่อมด่านไทย-มาเลเซีย ระยะที่ 2 ที่สะเดา คาดแล้วเสร็จ ต.ค.นี้
วันอังคารที่ 18 ก.พ.68 ที่ห้องคอนเวนชั่น ฮอลล์ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2568 กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) ภายใต้หัวข้อ “พลิกฟื้นอ่าวไทยสู่ความยั่งยืน (Resilient and Sustainable AOTHAI)”
โดยนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ร่วมสวมเสื้อ “ผ้าบาติก ลายสมิหลา” ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรูปปั้นนางเงือกทอง ณ ชายหาดสมิหลา แหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ จ.สงขลา สำหรับสีสันลวดลายบนผืนผ้ามาจากการผสมผสานระหว่างรูปปั้นนางเงือกทองและท้องทะเล อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่งดงามและเสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งของชายหาดสมิหลา
สำหรับการประชุม ครม. สัญจรครั้งนี้ นอกจากจะเป็นเวทีหารือแนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาภูมิภาคแล้ว ยังเป็นโอกาสสำคัญในการส่งเสริมวัฒนธรรมและศักยภาพของสงขลาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย
@@ อนุมัติงบ 300 ล้านฟื้นฟูความเสียหายอุทกภัยชายแดนใต้
นางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการโครงการของจังหวัดเพื่อฟื้นฟู ซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค ครอบคลุมถึงคันกั้นน้ำ ถนน เขื่อนป้องกันตลิ่ง และระบบระบายน้ำที่ได้รับความเสียหายจากอุทกภัยในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จ.ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ที่เห็นควรสนับสนุน จำนวน 22 โครงการ กรอบวงเงินรวม 304.8 ล้านบาท ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เสนอ
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ได้แก่ จ.สงขลา สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง จำนวน 23 โครงการ กรอบวงเงิน 300 ล้านบาท และเห็นชอบในหลักการของโครงการที่คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย เสนอทั้ง 12 โครงการ กรอบวงเงิน 300 ล้านบาท โดยให้ขอรับการจัดสรรจากงบกลางปี 2568 ซึ่งส่วนมากเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การกำจัดวัชพืชในทะเลน้อย การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงชุมชน และสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่
ขณะเดียวกัน ครม.ยังอนุมัติจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 เพิ่มเติม และขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 งบกลางเพิ่มเติม เป็นจำนวนเงินกว่า 3,653 ล้านบาท ตลอดจนอนุมัติพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติมในพื้นที่ จ.ระนอง ซึ่งมีครัวเรือนได้รับผลกระทบ จำนวน 405,969 ครัวเรือนด้วย
@@ คาด ต.ค.สำเร็จ ถนนเชื่อมด่านไทย-มาเลย์ ที่สะเดา
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน นางสาวแพทองธาร ลงพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนระหว่างไทยกับมาเลเซีย และติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างถนนเชื่อมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ของประเทศมาเลเซีย ระยะที่ 2
โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังบรรยายสรุปจาก นายยุทธนา พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมศุลกากร ถึงสถานการณ์ทางการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ซึ่งในปี 2567 มีมูลค่าการค้ารวมที่ผ่านเข้า-ออกทางด่านศุลกากรสะเดา รวมทั้งสิ้น 450,189 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 4.8 เมื่อเทียบจากปีงบประมาณ 2566 คิดเป็นเม็ดเงินอยู่ที่ 20,717 ล้านบาท
สำหรับการก่อสร้างถนนเชื่อมสองประเทศ จะทำถนนคอนกรีต 6 ช่องจราจร ระยะทาง 300 เมตร งบประมาณก่อสร้าง 28 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขอรับการจัดสรรงบประมาณ “งบกลาง” เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ปี 2568 เนื่องจากด่านศุลกากรเดิมไม่สามารถรองรับได้ เพราะมีการขนส่งสินค้าผ่านเข้า-ออกมากขึ้น ซึ่งระยะการดำเนินการโครงการจะสิ้นเสร็จประมาณเดือน ต.ค.ปีนี้ ตามแผนของประเทศมาเลเซีย ทำให้มีความจำเป็นในการใช้งบกลางเพื่อก่อสร้าง รวมถึงการประมูล หรือ e-bidding ให้ทันในเดือน ต.ค.ตามแผน พร้อมโครงการของประเทศมาเลเซีย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปตรวจสอบบริเวณเขตก่อสร้างถนนเชื่อมต่อด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ประเทศมาเลเซีย ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ