แม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งโต๊ะแถลงพร้อมผู้ว่าฯนราธิวาส แจงผลสอบปืน อส.ล่องหน พบหายจริง 26 กระบอก นับผิด-หลงหน่วย 2 กระบอก ส่วนอีก 6 กระบอก ตรวจยึดคืนจากคดี ต้องตามล่าอีก 20 กระบอกที่ยังสาบสูญ ยังไม่มีกระบอกไหนได้คืนหลังแจ้งความว่าสูญหาย
วันพฤหัสบดีที่ 3 มิ.ย.64 ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เปิดแถลงความคืบหน้าการสอบสวนกรณีปืน AK 102 ของกองร้อยอาสารักษาดินแดน ( อส.) อ.เมืองนราธิวาส ที่ 2 สูญหาย จำนวน 28 กระบอก หลังจากตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่มี นายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าฯนราธิวาส เป็นประธาน และทำงานมาครบกรอบเวลา 7 วัน
ผลการสอบสวนในส่วนที่เป็นสาระสำคัญ สรุปว่า จากจำนวนอาวุธปืนที่แจ้งหาย และเข้าร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.เมืองนราธิวาส จำนวน 28 กระบอกนั้น ได้อาวุธปืนกลับคืนมาแล้วและปัจจุบันอยู่ในการครอบครองของหน่วยงานรัฐ จำนวน 8 กระบอก ดังนี้
1.ตรวจสอบพบว่าไม่ได้สูญหาย จำนวน 2 กระบอก โดยสาเหตุเป็นเพียงการผิดหลงทางธุรการ
กระบอกที่ 1 เป็นกรณีที่กรมปกครองเบิกจ่ายให้กับกองร้อย อส.อำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา ไปตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.53 แต่ปรากฏเลขหมายประจำปืนมีอยู่ในบัญชีของอำเภอเมืองนราธิวาสด้วย แต่ในความเป็นจริงตัวอาวุธปืนอยู่ที่ อ.สะบ้าย้อย จึงได้ทำหนังสือตรวจสอบไปแล้ว ได้รับการยืนยันว่าปัจจุบันอยู่ในการครอบครองดูแลและใช้ปฏิบัติภารกิจปกติอยู่ที่ อ.สะบ้าย้อย
กระบอกที่ 2 ตรวจพบว่ายังคงอยู่ในคลังอาวุธกองร้อย อส.อำเภอเมืองนราธิวาส เป็นแต่เพียงในการตรวจนับจำนวนอาวุธปืนของอำเภอเมืองนราธิวาส ในขั้นตอนบันทึกข้อมูลมีการบันทึกข้อมูลผิด ทำให้จำนวนขาดหายไป แต่เมื่อคณะกรรมการร่วมกับอำเภอเมืองนราธิวาสเข้าตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง จึงปรากฏอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว มีเลขหมายประจำปืนถูกต้องตามบัญชีข้อมูล และสภาพปกติ อยู่ในคลังอาวุธปืนของกองร้อย อส.อำเภอเมืองนราธิวาส
2.ตรวจสอบพบว่าอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานรัฐ เนื่องจากเป็นหลักฐานเกี่ยวข้องทางคดีจำนวน 6 กระบอก โดยได้มาจากการตรวจยึดหรือจับกุมบุคคลที่ครอบครองโดยผิดกฎหมาย ดังนี้
กระบอกที่ 1 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.สะบ้าย้อย จับกุมบุคคลได้พร้อมอาวุธปืน เมื่อวันที่ 16 ม.ค.57 ปัจจุบันอาวุธปืนดังกล่าว สภ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ได้ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหายอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล
กระบอกที่ 2 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.สิงหนคร จ.สงขลา จับกุมบุคคลผู้ก่อเหตุในพื้นที่ อ.สิงหนคร เมื่อวันที่ 31 ม.ค.64 ปัจจุบัน สภ.สิงหนคร ได้ตรวจยึดอาวุธปืนไว้ดำเนินคดี ส่วนห้วงเวลาของการสูญหายอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล
กระบอกที่ 3 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ตรวจค้นสถานที่และบุคคลเป้าหมาย และพบอาวุธปืน เมื่อวันที่ 23 ก.พ.64 ปัจจุบัน สภ.ระแงะ ได้ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนช่วงเวลาของการสูญหาย อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล
กระบอกที่ 4 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.เมืองนราธิวาส ทำการตรวจค้นบ้านของราษฎรที่มีอาชีพเกี่ยวกับทำประมงในพื้นที่ แล้วได้ตรวจยึดอาวุธปืนไว้ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.64 ปัจจุบัน สภ.เมืองนราธิวาสตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนช่วงเวลาของการสูญหายอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล
กระบอกที่ 5 เป็นอาวุธปืนที่หน่วยทหารยึดคืนได้จากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เสียชีวิต ที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จากเหตุการณ์ปะทะกับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ที่บังคับใช้กฎหมาย เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 ปัจจุบัน สภ.บาเจาะ ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนช่วงเวลาของการสูญหาย อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล
กระบอกที่ 6 เป็นอาวุธปืนที่ สภ.เมืองนราธิวาส ได้คืนมาจากการจับกุมบุคคลในท้องที่ ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส พร้อมอาวุธปืน เมื่อวันที่ 10 เม.ย.60 และปัจจุบันปืนอยู่ที่ สภ.เมืองนราธิวาส ตรวจยึดไว้ดำเนินคดี ส่วนช่วงเวลาของการสูญหาย อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบข้อมูล
สรุปได้ว่า มีอาวุธปืนที่สูญหายจริงมีเพียง 26 กระบอก (จากจำนวน 28 กระบอกที่มีการแจ้งความ โดย 2 กระบอกเป็นความผิดพลาดทางธุรการ) โดยในส่วนของ 26 กระบอกที่หายนี้ ได้กลับคืนมาแล้ว จำนวน 6 กระบอก (จากการปะทะ ตรวจค้น จับกุม) ยังมีอาวุธปืนที่สูญหายและอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการให้ได้มาจำนวน 20 กระบอก โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ อำเภอเมืองนราธิวาสได้แจ้งไปยัง สภ.เมืองนราธิวาสแล้ว
สำหรับอาวุธปืนที่สูญหายอีกจำนวน 20 กระบอกนั้น จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งคณะกรรมการสอบสวน อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของการสูญหาย เพื่อให้เกิดความรอบคอบชัดเจนถูกต้อง ประการสำคัญคือทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้ความพยายามที่จะนำอาวุธปืนทั้งหมดกลับคืนมา เพื่อไม่ให้บุคคลที่พฤติกรรมไม่ดีนำไปใช้ก่อเหตุรุนแรง และสร้างความไม่สงบเรียบร้อยหรือความวุ่นวาย