ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน เห็นชอบปลด อ.กาบัง จ.ยะลา พ้นพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง พร้อมขยายเวลาประกาศ พ.ร.ก.ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกไปอีก 3 เดือน นับเป็นการต่ออายุครั้งที่ 64 ในรอบ 16 ปี
วันพุธที่ 2 มิ.ย.64 ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 2/2564 โดยที่ประชุมได้รับทราบตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) รายงานผลการปฏิบัติงานตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ในห้วงวันที่ 20 มี.ค.-18 พ.ค.64 ภาพรวมสถานการณ์ดีขึ้น เหตุการณ์การก่อเหตุความรุนแรงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชาชนมีความเข้าใจถึงความจำเป็นในการปฏิบัติงานของภาครัฐและให้ความร่วมมือด้วยดี
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ ตามที่ กอ.รมน.ภาค 4 เสนอให้ปรับลดพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งผ่านเกณฑ์การประเมินแล้ว ได้แก่ พื้นที่ อ.กาบัง จ.ยะลา เป็นไปตามแผนงานปรับลดพื้นที่ฯ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล และเห็นชอบให้เพิ่มเติมตัวชี้วัดด้านความพึงพอใจของประชาชนต่อเศรษฐกิจ สังคมควบคู่สถิติทางคดี
พร้อมทั้งเห็นชอบให้ขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ยกเว้น อ.แม่ลาน, อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี อ.เบตง, อ.กาบัง จ.ยะลา และ อ.สุไหงโก-ลก, อ.สุคิริน, อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มิ.ย -19 ก.ย.64 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพในการดูแลรักษาความปลอดภัยชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่
การต่ออายุ ขยายเวลาการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หนนี้ นับเป็นครั้งที่ 64 ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้บังคับในท้องที่ จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส รวม 33 อำเภอ เป็นครั้งแรกเมื่อเดือน ก.ค.ปี 2548 โดย อ.กาบัง นับเป็นอำเภอที่ 7 ที่มีการยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ต่อจาก อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ที่ยกเลิกไปเมื่อปลายปีที่แล้ว และยังมี อ.แว้ง จ.นราธิวาส กับ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ที่อยู่ในคิวยกเลิกเป็นลำดับต่อไป
โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ให้เข้มงวดการเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทุกนายที่เสียสละ ทุ่มเทการทำงาน ที่ผ่านมา จนสามารถปรับลดพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบางส่วนอย่างได้ผล ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล และขอเป็นกำลังใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ประสบความสำเร็จ มีความปลอดภัยจากภารกิจ และโควิดกันทุกคน