ไวรัสร้ายโควิด- 19 ที่ระบาดยาวข้ามปี ไม่ได้ส่งผลเฉพาะอาการเจ็บป่วยและความตายของผู้ที่ติดเชื้อเท่านั้น แต่ความสัมพันธ์ของหลายครัวเรือนยังต้องขาดสะบั้น เพราะแบกรับภาระที่เพิ่มขึ้นไม่ไหว
ณ กระท่อมคนงานร้างในสวนทุเรียนแห่งหนึ่ง ท้องที่หมู่ 5 บ้านกาลากาเอ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกขึงผ้าใบกั้นเป็นบ้านสำหรับพักอาศัยของครอบครัวที่มีสมาชิกถึง 9 คน โดยกระท่อมร้างแห่งนี้มีขนาดกว้างเพียง 5 เมตร และยาว 8 เมตรเท่านั้น แต่กลับต้องอยู่รวมกันถึง 9 ชีวิต
ครอบครัวนี้เดิมอยู่กัน 6 คน ก็นับว่าหนาแน่นอยู่แล้ว แต่ล่าสุดต้องรับสมาชิกใหม่เพิ่มอีก 3 คน คือ ยามรี บากา หนุ่มวัย 26 ปี กับลูกฝาแฝดวัยแค่ 8 เดือน โดย “ยามรี” ใช้ผ้าสีชมพูผูกเป็นเปล ไกวกล่อมลูกกลางบ้าน
"ยามรี" กับลูกแฝดต้องกลับมาอยู่บ้านของแม่ เพราะตกงาน ต้องเดินทางกลับจากมาเลเซีย เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ข้ามปี แถมภรรยาที่อยู่กินกันมาหลายปีก็ขอหย่าไปมีชีวิตใหม่ ทำให้ "ยามรี" ไม่มีที่ไป อับจนหนทาง ต้องพาลูกน้อย 2 คนในวัยแบเบาะกลับบ้าน เหมือนมาตายเอาอาบหน้า
"ยามรี" เล่าว่า ช่วงที่อยู่มาเลเซีย ทำงานในร้านต้มยำ (หมายถึงร้านอาหารไทยในมาเลย์) แต่เมื่อโควิดระบาด รัฐบาลมาเลเซียสั่งล็อกดาวน์ ทำให้ร้านปิดหมด ตนกับภรรยาไม่มีรายได้ จึงต้องเดินทางกลับประเทศไทย ขณะนั้นแฟนก็ตั้งท้องอยู่แล้ว ตอนที่กลับมาใหม่ๆ ก็ไปอยู่บ้านตัวเองที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี แต่ไม่มีงานทำ วันที่ลูกคลอดไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ต้องขอบริจาคนมผงและของใช้สำหรับทารกจากเพื่อนบ้าน อยู่มาได้ไม่นาน ภรรยาก็ขอหย่า
“ตอนที่คลอดนั้น เงินก็ไม่มีสักบาท เกิดจากโรคระบาด การงานหายาก ตอนนั้นฤดูฝนด้วย จะออกทะเลก็ไม่ได้ ยังดีที่ได้เงินบริจาคของคนที่รู้จัก จึงพอมีซื้อนมให้ลูกกิน ลำบากมาก เพราะว่าพ่อแม่ผมก็ยากจน จะยืมเงินก็ไม่ได้” ยามรี เล่าถึงช่วงที่ย่ำแย่ที่สุดในชีวิต
หลังจากหย่ากับภรรยา "ยามรี" รับเลี้ยงลูกทั้งสองคน เพราะไม่อยากให้แฟนลำบาก อยากให้แฟนมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เนื่องจากไม่มีงาน จึงไม่มีเงินดูแลลูก สุดท้ายจึงตัดสินใจพาลูกแฝด 2 คนเหมารถกลับมาหาแม่ที่บันนังสตา มาช่วยแม่กรีดยาง และฝากให้แม่ดูแลลูกให้ตอนที่ตนไปทำงาน
แต่ปัญหาคือตอนนี้มีโรคระบาด จึงไม่มีงานรับจ้างอย่างอื่นให้ทำ ส่วนงานกรีดยางก็ทำไม่ได้ทุกวัน วันไหนที่ฝนตกก็กรีดยางไม่ได้ ทำให้ไม่มีรายได้เพียงพอที่จะดูแลลูกๆ
แม้ชีวิตจะลำบากแค่ไหน แต่ "ยามรี" ไม่เคยโทษใคร และไม่เคยโกรธภรรยาที่ขอแยกทาง ทั้งยังพร้อมเสมอหากภรรยาจะขอเจอลูกบ้าง เขาก็ยินดี
“ตอนนี้แม่ของลูกอยู่บ้านของเขาเอง เพราะผมเอาลูกมา ฝั่งเขาก็ยากจนเหมือนกัน เราแยกทางกัน ผมขอเลี้ยงลูก และสัญญากันว่าถ้าคิดถึงลูก ก็จะส่งลูกไปให้”
"ยามรี" บอกด้วยว่า แม่ของเขาเองก็มีภาระต้องดูแล "พ่อเลี้ยง" ที่ป่วย ทำงานไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีน้องสาวกับลูกของน้องสาวอีก 2 คน และยังมีน้องชายอีก ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ตนกับแม่ ตอนนี้แค่เงินซื้อนมผงให้ลูกยังไม่มี จึงขอให้ผู้มีจิตศรัทธาช่วยบริจาคตามกำลัง จะได้นำเงินไปซื้อนมและแพมเพิร์สให้ลูกต่อไป
“ผมไม่มีบัญชีธนาคาร เพราะกลับมาจากมาเลเซีย ยังไม่ทันทำอะไรเลย ได้แต่ดูแลลูกกับรับจ้างหาเงินซื้อนมให้ลูก แต่ถ้ามีใครสนใจอยากช่วยเหลือ สามารถโอนเข้าบัญชีของแม่ได้ ชื่อบัญชี น.ส.บอปือเซาะ ลงซอ เลขที่บัญชี 020142852725 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาสายบุรี หรือถ้าใครมีความประสงค์ส่งของให้ทางไปรษณีย์ ก็ส่งได้ที่ 200/50 หมุ่ 5 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา 95130 ลงชื่อ นูร์ฮาฟีตา/นูร์ฮาฟิชา บากา” ยามรี บอก
ด้าน อิสมาแอล กามุง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านกาลากาเอ 2 บอกว่า จะแจ้งข่าวสารให้ประชาชนที่มีจิตศรัทธา รวมทั้งประชาชนในหมู่บ้านข้างเคียงทราบ เพื่อช่วยบริจาคและร่วมกันให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้
“วันนี้ผมได้นำเงินซะกาต (เงินบริจาค) มามอบให้ 1 พันบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และจะรายงานหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบให้เข้าให้ความช่วยเหลืออีกทางหนึ่งด้วย” ผู้ใหญ่บ้าน กล่าว
สำหรับภาคประชาสังคมที่ลงพื้นที่ช่วยเหลือเบื้องต้นแล้ว คือ กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ พร้อมทีมงานของ นางพาตีเมาะ สะดียามู รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เข้าไปเยี่ยม และมอบของใช้ที่จำเป็นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า