โควิดชายแดนใต้ยังน่าเป็นห่วง ศบค.กำหนด 4 จังหวัด "สงขลา-ปัตตานี-ยะลา-นราธิวาส" เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ด้านประธานรัฐสภาลงพื้นที่มอบหน้ากากอนามัย พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าสู้โรคระบาด ส่วนที่ สภ.ยะรม อ.เบตง จับปรับไม่สวมหน้ากากแล้ว 2 ราย ขณะที่มัสยิดรายอ ปัตตานี แจกข่าวกล่องแทนเลี้ยงละศีลอด
วันพฤหัสบดีที่ 29 เม.ย.64 สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้และจังหวัดสงขลายังคงน่าเป็นห่วง ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ได้ปรับระดับพื้นที่ จ.นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ไปอยู่ในกลุ่ม 45 จังหวัดที่เป็น "พื้นที่ควบคุมสูงสุด"
สำหรับ "พื้นที่ควบคุมสูงสุด" มีสัญลักษณะ "สีแดง" เป็นพื้นที่เข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดระดับ 2 รองจากพื้นที่ "สีแดงเข้ม" พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มี 6 จังหวัด
โดย "พื้นที่ควบคุมสูงสุด" หรือ "พื้นที่สีแดง" นี้ เดิมมี 18 จังหวัด ล่าสุดเพิ่มเป็น 45 จังหวัด และ 4 จังหวัดภาคใต้ก็อยู่ในกลุ่มนี้ มาตรการหลักๆ คือ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่นอกเคหะสถานและในที่สาธารณะ, ห้ามจัดกิจกรรมที่รวมคนมากกว่า 50 คน, บริโภคอาหารโดยนั่งทานในร้านได้ไม่เกิน 21.00 น. จากนั้นซื้อกลับบ้านอย่างเดียวจนถึง 23.00 น. งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน, ร้านสะดวกซื้อกับตลาดโต้รุ่ง เปิดบริหารตี 4 ถึง 5 ทุ่ม, สถานบันเทิงทุกประเภทต้องปิด, ห้างสรรพสินค้าเปิดได้ตามปกติ แต่ต้องปิดก่อน 21.00 น. และงดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
มาตรการทั้งหมดนี้เริ่มวันที่ 1 พ.ค.64 เป็นต้นไป
รายงานสถานการณ์โควิด-19 ของ จ.นราธิวาส พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย ในพื้นที่ อ.เมือง 2 ราย และ อ.ตากใบ 1 ราย รวมมีผู้ติดเชื้อสะสม 507 ราย รักษาหายแล้ว 429 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย แยกตามพื้นที่เป็น อ.เมือง 398 ราย, อ.ระแงะ 15 ราย, อ.รือเสาะ 13 ราย, อ.บาเจาะ 8 ราย, อ.จะแนะ 4 ราย, อ.ยี่งอ 5 ราย, อ.ตากใบ 50 ราย, อ.สุไหงโก- ลก 4 ราย, อ.สุไหงปาดี 6 ราย, อ.ศรีสาคร 3 ราย, อ.แว้ง 1 ราย ส่วน อ.เจาะไอร้อง และ อ.สุคิริน ยังไม่พบผู้ติดเชื้อ
จ.ยะลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมรวม 41 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย แยกผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ ได้แก่ อ.เมืองยะลา 14 ราย, อ.กรงปินัง 13 ราย อ.เบตง 13 ราย และ อ.รามัน 1 ราย
จ.ปัตตานี มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขยับเพิ่มขึ้นเป็น 84 ราย รักษาหายแล้ว 4 ราย ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี 16 ราย โรงพยาบาลสนาม 46 ราย และโรงพยาบาลค่ายฯ 1 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาแอดมิท 11 ราย
แยกผู้ติดเชื้อรายอำเภอได้ดังนี้ อ.เมือง 54 ราย, อ.หนองจิก 12 ราย, อ.โคกโพธิ์ 4 ราย, อ.ยะหริ่ง 9 ราย, อ.สายบุรี 3 ราย และ อ.ไม้แก่น 1 ราย
ส่วน จ.สงขลา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 46 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศทั้งหมด แยกเป็นกลุ่มสถานบันเทิง 8 ราย กลุ่มผู้สัมผัสผู้ป่วย 33 ราย และกลุ่มเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง 5 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 613 ราย ติดเชื้อในประเทศ 609 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 4 ราย เป็นผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรักษา 422 ราย รักษาหายแล้ว 190 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจ 1,308 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อแยกตามพื้นที่ได้ดังนี้ อ.หาดใหญ่ 468 ราย, อ.เมืองสงขลา 50 ราย, อ.บางกล่ำ 19 ราย, อ.นาหม่อม 11 ราย, อ.จะนะ 8 ราย, อ.รัตภูมิ 11 ราย, อ.สะเดา 4 ราย, อ.สิงหนคร 5 ราย, อ.เทพา 5 ราย, อ.ระโนด 8 ราย, อ.สะบ้าย้อย 1 ราย, อ.นาทวี 3 ราย, อ.คลองหอยโข่ง 3 ราย, อ.สทิงพระ 1 ราย, อ.กระแสสินธุ์ 1 ราย และเป็นคนต่างจังหวัด 11 ราย
@@ ประธานฯชวน บุกนราฯ - ยะลา ให้กำลังใจด่านหน้าสู้โควิด
วันเดียวกัน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อสังคมและการศึกษา พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส และ จ.ยะลา เพื่อส่งมอบหน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชิ้นให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัด เพื่อนำไปใช้ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 พร้อมเป็นกำลังใจให้กับผู้ปฏิบัติงานที่เผชิญความเสี่ยงในการทำหน้าที่ป้องกันโรค
นายชวน กล่าวว่า ถือโอกาสในช่วงปิดสมัยประชุมรัฐสภา ประกอบกับรัฐบาลได้กำชับให้ทุกคนสวมหน้ากากป้องกันโรคโควิด-19 ตนในฐานะตัวแทนมูลนิธิเพื่อการศึกษาและสังคม ได้รับการสนับสนุนหน้ากากอนามัย จำนวน 120,000 ชิ้น จึงได้ลงพื้นที่เพื่อแจกจ่ายให้กลุ่มเป้าหมายใน 14 จังหวัดภาคใต้
"คิดว่าต้องร่วมมือกัน ขอให้พี่น้องทั้งหลายได้ร่วมมือกันเพื่อสกัดกั้นการแพร่กระจายของเชื้อ โดยการที่เราป้องกันที่ตัวเราเองและส่วนรวม ในแง่ของการสวมหน้ากากอนามัย แพทย์ผู้ใหญ่ก็ยืนยันว่าสามารถป้องกันโควิดได้ถึงร้อยละ 90 เราต้องให้ความร่วมมือ เพราะไม่ยากเกินไป คิดว่าหน้ากากอนามัยช่วยได้มาก จึงถือโอกาสนำมามอบให้ จะเป็นประโยชน์ในแง่อุดช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ" นายชวน กล่าว
สำหรับการมอบหน้ากากอนามัยในครั้งนี้ เป็นการมอบให้แก่ประชาชนในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 120,000 ชิ้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หลังจากนี้ทางคณะจะเดินทางไปยังจังหวัดอื่นๆ ตามลำดับเพื่อมอบหน้ากากอนามัยให้ครบทุกจังหวัดในภาคใต้ต่อไป
@@ สภ.ยะรม อ.เบตง จับจริงไม่สวมหน้ากากฯ 2 ราย
อีกด้านหนึ่ง เป็นมาตรการทางกฎหมาย ว่าด้วยการ "จับ-ปรับ" ผู้ที่ละเลย ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยเวลาออกนอกเคหะสถาน
พ.ต.ท.ต่อพันธุ์ ปุสันเทียะ สารวัตรใหญ่ สภ.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา เปิดเผยว่า ตัวอย่างแรกได้ดำเนินการจับจริงปรับจริงไปแล้ว 2 ราย เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะรม ได้จับกุมนายสงวน (นามสมมุติ) และนายสง่า (นามสมมุติ) ในความผิดฐาน "ฝ่าฝืนคำสั่งประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยะลา และคำสั่งผู้กำกับการสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดยะลา ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ตามคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิดจังหวัดยะลา ที่ 19/64 ลง 24 เม.ย.64" โดยศาลจังหวัดเบตงได้พิพากษาลงโทษปรับคนละ 1,000 บาท
"ขอให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เพื่อเป็นการปกป้องการแพร่ระบาดของโควิด-19 และหากผู้ใดไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเมื่อออกนอกเคหสถาน จะมีความผิดตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท" สารวัตรใหญ่ สภ.ยะรม ระบุ
@@ มัสยิดรายอปัตตานี เปิดครัวแจกอาหารกล่องละศีลอด
ที่ จ.ปัตตานี ประชาชนยังคงใช้ชีวิตตามมาตรการการป้องกันการแพร่กระจ่ายของเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยที่มัสยิดรายอ ตั้งอยู่บนถนนยะรัง ซอย 8 ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้เปิดครัวทำอาหารแจกจ่ายให้พี่น้องประชาชนที่มีความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 นำไปรับประทานที่บ้าน โดยมีการแจกเป็นรายคน คนละ 1 กล่องทุกวัน จนถึงสิ้นสุดเดือนรอมฎอน
นายอัสรี สุทธิศาสตร์สกุล คณะกรรมการมัสยิดรายอ กล่าวว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้บริจาคเงินผ่านคณะกรรมการมัสยิดฯ เพื่อจัดเตรียมอาหารเลี้ยงละศีลอด วันละประมาณ 100 คน โดยทุกปีจะมียอดบริจาคสมทบทุนร่วมทำบุญไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท บางรายมอบเป็นแพะ มอบข้าวสาร น้ำดื่ม มอบเป็นเงินสด ตามความสะดวกของแต่ละคน ทางมัสยิดจึงดำเนินการเตรียมอาหารละศีลอดให้กับผู้ที่มาละหมาดที่มัสยิด
แต่ 2 ปีมานี้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด ทางมัสยิดให้ความร่วมมือกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด จึงได้งดกิจกรรมละศีลอดภายในบริเวณมัสยิด เหมือนที่ผ่านมาช่วง15 วันแรกของเดือนรอมฎอน แต่เพื่อสนองความตั้งใจของผู้บริจาคที่ต้องการจัดอาหารเลี้ยงให้กับผู้ถือศีลอด จึงเปลี่ยนรูปแบบจัดทำเป็นอาหารกล่องแทน แล้วนำมาวางแจกจ่ายให้กับผู้สัญจรผ่านหน้ามัสยิดคนละ 1 กล่อง พร้อมน้ำดื่ม เริ่มเวลา 17.30 น. ทำให้มีกระแสตอบรับจากประชาชนที่ทราบข่าวต่างเดินทางมารับอาหารเพื่อละศีลอดจนไม่พอแจก นับเป็นแนวคิดที่ดีที่สามารถปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน แต่บุญก็ยังสามารถทำได้ดังความตั้งใจของผู้บริจาคปัจจัย
นางสอและ หะยามา ชาว จ.ปัตตานี กล่าวว่า ดีใจที่มัสยิดทำแบบนี้ ถือเป็นการเข้าถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องได้เป็นอย่างดี เชื่อว่าพวกเราจะผ่านปัญหานี้ไปได้โดยเร็ว