สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน พบทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชน พื้นที่นราธิวาส กว่า 13 ล้านบาท ไล่ออกพร้อมดำเนินคดีผู้รับผิดชอบและตั้งสอบลงโทษทางวินัย 6 จนท.เกี่ยวข้อง
วันที่ 16 เม.ย.64 ที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.อรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ร่วมแถลงข่าวผ่านโปรแกรม Zoom เรื่องการทุจริตเงินอุดหนุนรายหัวโรงเรียนเอกชน ซึ่งตรวจพบการทุจริตใหม่ มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้กระทำการทุจริต
สำหรับการทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนที่พบเป็นการทุจริตการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้แก่โรงเรียนเอกชน 2 รายการ ลักษณะวิธีการคล้ายคลึงกัน คือ แก้ไขจำนวนนักเรียนมากกว่าความเป็นจริง เพื่อให้โอนเงินอุดหนุนให้แก่โรงเรียนเกินกว่าที่ควรได้รับ แล้วให้โรงเรียนโอนคืนและถอนเงินสดคืนแก่เจ้าหน้าที่เป็นการส่วนตัว
รายการแรกเป็นการทุจริตเงินอุดหนุนในสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส พบห้วงเวลาที่ทำการทุจริตเกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2561- มีนาคม 2563 ประมาณการความเสียหายทั้งหมด 13,635,672.38 บาท แยกเป็น 3 รายการ ดังนี้
1.เบี้ยเสี่ยงภัยจ่ายขาด 18 โรง จ่ายเกิน 2 โรง รวมความเสียหาย เบื้องต้น 1,120,000 บาท โรงเรียนได้รับเงินไม่ครบ 18 โรง
2.เงินอุดหนุนพัฒนาประสิทธิภาพฯ (15%) จ่ายเกิน 5 โรง รวมความเสียหายเบื้องต้น 1,081,738.66 บาท โรงเรียนได้รับเงินไม่ครบ 12 โรง
3.เงินอุดหนุนรายบุคคล จ่ายเกิน 4 โรง รวมความเสียหายเบื้องต้น 11,433,622.72 บาท โรงเรียนได้รับเงินไม่ครบ 19 โรง
ด้านการสอบสวนการทุจริตเงินอุดหนุนในสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส พบเจ้าหน้าที่ผู้กระทำการทุจริต มีตำแหน่งเป็นพนักงานราชการและข้าราชการอีก 6 คน ที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติมว่า มีส่วนร่วมทุจริตหรือไม่ หรือเป็นเพียงปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งทางสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ จะมีการพิจารณาดำเนินการทางวินัยข้าราชการผู้เกี่ยวข้องทั้ง 6 คน
ส่วนการดำเนินการต่อเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิด ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้รับสารภาพแล้ว ทางปลัดกระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้ ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดนราธิวาส ลงโทษไล่ออกจากราชการและแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวน พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาผู้รับผิดทางละเมิดต่อไป
ขณะที่การทุจริตรายการที่ 2 เป็นทุจริตเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนในกรุงเทพฯ ประมาณการความเสียหาย เป็นจำนวนเงิน 2,611,634.53 บาท เกิดขึ้นในระหว่างปีการศึกษา 2558 - 2564 มีเจ้าหน้าที่ผู้กระทำการทุจริต เป็นข้าราชการ พลเรือนสามัญ ตำแหน่ง เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี อาวุโส (ข้าราชการ สช.) ของโรงเรียน 7 แห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ