คณะกรรมการโรคติดต่ออนุญาตจัดมวย "ศึกมหกรรมมวยรวมพลคนจะนะ" แต่ให้เฉพาะการถ่ายทอดสดเท่านั้น ห้ามประชาชนและผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าสนามมวย ส่วนจังหวัดสงขลาเข้มโควิด ไม่สวมหน้ากากอนามัยสั่งปรับ พร้อมคุมผู้เดินทางจากจังหวัดเสี่ยงเข้าพื้นที่ ขณะที่ ผบ.เรือนจำนราธิวาส ขอสนับสนุนทีวีให้นักโทษดูลดเครียดช่วงโควิดระบาด
ความคืบหน้าการจัดแข่งขันชกมวยเพื่อการกุศล "ศึกมหกรรมมวยรวมพลคนจะนะ" ระหว่างวันที่ 8-9 เม.ย.64 ที่สนามมวยชั่วคราวสนามแข่งขันนกเขาชวาหวังดี ต.ตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย รวมทั้งชาวบ้านบางส่วนในพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น
ล่าสุดวันนี้ ( 7 เม.ย.64) ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา ได้ประชุมพิจารณาเรื่องนี้ โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการแข่งขันชกมวยมาชี้แจงด้วย ก่อนจะมีมติให้จัดแข่งขันต่อไป แต่ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าชมที่สนามมวย ยกเว้นนักมวย เจ้าหน้าที่กับกรรมการและให้ถ่ายทอดสดการแข่งขัน เพื่อให้ประชาชนเชียร์อยู่ที่บ้านแทน
สำหรับการจัดแข่งขันมวย "ศึกมหกรรมมวยรวมพลคนจะนะ" เพิ่งมีการแถลงข่าวโดย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.2) เป็นประธาน เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ตลิ่งชัน อ.จะนะ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงอย่างคึกคัก ได้แก่ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นายวรนัฏ หนูรอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา และ น.ส.ปรินดา ปาลาเร่ เลขานุการนายก อบจ.สงขลา
ตามแผนเดิมภายในงานจะมีตลาดนัดธงฟ้า เพื่อจำหน่ายสินค้าราคาถูกให้กับประชาชนด้วย คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวทั้งจากในและนอก จ.สงขลา รวมถึงพี่น้องจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไปชมการแข่งขันและท่องเที่ยวที่จะนะจำนวนมาก แต่สุดท้ายแผนงานต้องพับไปเพราะสถานการณ์โควิด
@@ สงขลาเข้มโควิด ไม่สวมแมสก์สั่งปรับ - คุมจังหวัดเสี่ยงเข้าพื้นที่
จากสถานการณ์โควิดในพื้นที่ จ.สงขลา ที่ล่าสุดได้พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 2 ราย และมีรอยืนยันผลการตรวจอีก 1 ราย
ทำให้ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา ได้มีคำสั่งที่ 13/2564 ลงวันที่ 7 เม.ย.2564 เรื่องให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลา สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง เมื่อออกจากเคหสถาน หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และอาจมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ได้มีคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสงขลา ที่ 14/2564 เรื่องมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID19) สำหรับบุคคลที่เดินทางเข้าจังหวัดสงขลา โดยกำหนดให้ผู้เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดสงขลาต้องปฏิบัติดังนี้
1.ผู้เดินทางที่มีต้นทางมาจาก จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ จ.นครปฐม และกรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตบางแค เขตวัฒนา เขตคลองเตย ต้องแจ้งและรายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชนทันที และให้กักตัวเองในที่พัก (Home Quarantine) หรือ โรงแรม (Hotel Quarantine) แยกจากผู้อื่นภายใต้การดูแลของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเป็นระยะเวลา 14 วัน
2.ผู้เดินทางที่มีต้นทางมาจาก กรุงเทพมหานคร (ยกเว้นเขต ตามข้อ1) จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.กาญจนบุรี จ.ชุมพร จ.ตาก จ.ราชบุรี จ.ชลบุรี จ.สุพรรณบุรี และ จ.นราธิวาส ต้องรายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชน ให้ดูแลตนเอง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่น งดการเข้าร่วมกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมากเป็นระยะเวลา 14 วัน (Self Quarantine) และปฏิบัติตามมาตรการที่สาธารณสุขกำหนดอย่างเคร่งครัด
@@ ผบ.เรือนจำนราฯ ขอสนับสนุนทีวีให้นักโทษดูลดเครียด
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยเฉพาะที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งมีการพบผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อโควิดจำนวนหลายราย
นายพัศพงศ์ ใจคล่องแคล่ว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขณะนี้มีการตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 แก่ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่และ รปภ. ภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาสไปแล้วรวมทั้งสิ้น 631 ราย โดยในรายงานล่าสุดของวันนี้ ( 7 เม.ย.) มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 4 ราย ทำให้มีผู้ที่ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น จำนวน 131 ราย แยกเป็นเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ 27 คน รปภ. 3 คน และผู้ต้องขัง 101 คน ขณะนี้รอผลตรวจ อีก 398 คน
ผบ.เรือนจำจังหวัดนราธิวาส กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส รู้สึกกังวลเนื่องจากผู้ต้องขังมีความเครียด จึงอยากให้ผู้ต้องขังได้รับความบันเทิงจากการดูโทรทัศน์ เพื่อช่วยผ่อนคลายความเครียดจากสถานการณ์ดังกล่าว แต่โทรทัศน์ที่มีอยู่ในเรือนจำมีเพียง 10 เครื่อง ซึ่งไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ต้องขัง 2,334 คน จะต้องจัดหาโทรทัศน์มาเพิ่มอีก 37 เครื่อง เพื่อให้ผู้ต้องขังได้ชมโทรทัศน์อย่างทั่วถึง โดยใช้งบประมาณ 100,000 กว่าบาท จึงมีแนวคิดที่จะนำโทรทัศน์เครื่องเก่ามาติดตั้งให้ผู้ต้องขังได้ชมไปก่อน แต่อาจไม่เพียงพอ ซึ่งหากหน่วยงานใดต้องการสนับสนุนโทรทัศน์ก็ยินดีรับความช่วยเหลือ เพื่อผ่อนคลายความเครียดให้แก่ผู้ต้องขัง
ทั้งนี้ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาสได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำจัดทำไทม์ไลน์และให้เจ้าหน้าที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ของเรือนจำและบ้านพักเรือนจำเท่านั้น เพื่อป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 สู่ภายนอก