ตำรวจสรุปแผนพิทักษ์ยะลา 64 กวาดล้างวัยรุ่นแก๊งป่วนเมือง ยึดอาวุธมีด-ปืนของกลางอื้อ ส่งดำเนินคดีหลายราย แม่เหยื่อหวั่นคดีลูกเงียบหาย หลังยังจับคู่กรณีไม่ได้ ด้านรอง ผกก.เมืองยะลา เผยหากหัวโจกเป็นลูกตำรวจจริง พ่อต้องรับผิดด้วย ไม่มีสองมาตรฐาน ขณะที่ผู้การยืนยัน "หนังไม่เหนียวก็เที่ยวยะลาได้"
วันที่ 2 ก.พ.64 ที่ลานหน้า สภ.เมืองยะลา อ.เมือง จ.ยะลา นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้มอบนโยบายและติดตามผลระดมกวาดล้างอาชญากรรมตามยุทธการ “พิทักษ์ยะลา 64” ซึ่งเป็นไปตามที่ตำรวจภูธรจังหวัดยะลาได้เปิดแผนยุทธการพิทักษ์ยะลา 64 ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.64 โดยมีการปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมร่วมกัน ทั้ง 3 ฝ่าย ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองรวมถึงภาคประชาชนได้บูรณาการกำลัง เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยได้กวดขันจับกุมตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ยาเสพติด การพนัน การป้องกันและปราบปราม การค้าประเวณีและสถานบริการ
ผลจากการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตามแผนยุทธการ "พิทักษ์ยะลา 64" ตั้งแต่วันที่ 27 - 31 ม.ค.64 มีการจับกุมผู้ต้องหาคดีครอบครองอาวุธปืนและอาวุธมีด อาวุธธรรมดา (ไม่มีทะเบียน) จำนวน 2 ราย ผู้ต้องหา 3 คน อาวุธมีด/มีดพร้า จำนวน 4 ราย ผู้ต้องหา 6 คน การจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติด ครอบครองยาเสพติด จำนวน 4 ราย ผู้ต้องหา 4 คน และคดีเสพยาเสพติด อีกจำนวน 4 ราย ผู้ต้องหา 15 คน ของกลางสำคัญ อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) จำนวน 2 กระบอก อาวุธมีด / มีดพร้า จำนวน 4 เล่ม การตรวจค้นยานพาหนะ จำนวน 4,046 คัน ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 44 คัน มีการจัดทำประวัติบุคคลกลุ่มเสี่ยง จำนวน 28 คน จัดเก็บ DNA บุคคลกลุ่มเสี่ยง จํานวน 8 คน และรับเลขคดีอาญา จำนวน 29 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 31 ราย
นางยามีล๊ะ หามิ ผู้ปกครองของวัยรุ่นที่ถูกฟันหน้าร้านยะลาอาร์ต กล่าวว่า ดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่นิ่งนอนใจ ทั้งยังระดมกำลังออกดูแลปราบปรามกลุ่มวัยรุ่นที่คึกคะนองและจับอาวุธของกลางได้จำนวนมากและได้ดำเนินคดีในแต่ละเคส แต่หวั่นอยู่อย่างเดียวว่า เคสของลูกชายที่โดนฟันและแทงที่หน้าท้อง โดยลูกชายนั้นไม่เคยรู้จักกับคู่กรณีเลย และเพิ่งออกมาเที่ยวตอนกลางคืนด้วย กลัวว่าเรื่องจะเงียบเหมือนคดีเยาวชนที่เคยผ่านมา ทั้งนี้ทางตำรวจบอกมั่นใจว่าจะหาผู้กระทำให้ได้ในเร็วๆนี้
อยากฝากบอกพ่อแม่ทุกคนว่า อย่าปล่อยให้ลูกออกมาเที่ยวกลางคืน เพราะยะลาตอนนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเหมือนเมื่อก่อน สำหรับคนที่ทำลูก แรกๆก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่เพื่อนมาบอกว่า ส่วนมากเป็นลูกเจ้าหน้าที่ คือ ตั้งแต่ที่ลูกโดนทำร้ายในยะลาก็มีต่อเนื่อง แต่ตอนนี้หลังจากที่เจ้าหน้าที่ออกมากวาดล้างก็ดีขึ้น
พ.ต.ท.อุไทย สีคช รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองยะลา เจ้าของคดีแก๊งวัยรุ่นป่วนเมืองยะลา กล่าวว่า ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นเป็นรายคนในข้อหาอังยี่ ซ่องโจร หากผู้ที่ไปโพสต์แล้วทำให้เกิดความตื่นตระหนกกับประชาชน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ด้วย ซึ่งดำเนินการไปแล้วมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และถ้าทำเป็นขบวนการที่ก่อความไม่สงบ เราจะพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาอังยี่ซ่องโจร เพราะเราไม่สนใจว่าเป็นลูกใคร ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้กำชับมาแล้วว่า ถ้าเป็นลูกตำรวจ พ่อก็ต้องรับผิดชอบมีความผิดด้วย ไม่มีสองมาตราฐาน ดำเนินการอย่างเต็มที่ ต้องยุติธรรม ต้องตรวจสอบได้และเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเข้าข้างใคร
ขอยืนยันว่า ถ้าเป็นลูกผู้มีอิทธิพลหรือลูกท่านหลานเธออย่างที่มีการกล่าวหาก็ไม่ไว้หน้าใคร จะดำเนินการถึงที่สุด ในจำนวนนี้ บางคนก่อเหตุ 2 คดี 3 คดีก็จะแยกเป็นกรรมๆ ไป เพราะบางคนมีอายุเกิน 18 ปีและบางคนก็ต่ำกว่า 18 ปี จะต้องแยกของสำนวนไป ขอยืนยันว่าต้องยุติธรรม เป็นไปตามข้อกฎหมายและสังคมตรวจสอบได้
ในกรณีที่มีข่าวออกมาแก๊งวัยรุ่นที่ก่อเหตุเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่นั้น ทาง พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา กล่าวว่า จากการที่ได้ดำเนินการมาทั้งหมด ยังไม่มีคนไหนที่เป็นลูกเจ้าหน้าที่มาเกี่ยวข้อง และขอยืนยันอีกครั้งว่าลูกหลานเราในวัยรุ่นวัยคะนอง ทุกคนก็จะผ่านจุดนี้มาด้วยกัน จะมีการตามเพื่อน โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดยะลาได้ให้นโยบายที่ชัดเจนไว้ว่า ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นต้องใช้กฎหมายที่ชัดเจน จะไม่มีการเลือกปฏิบัติกับผู้ใดผู้หนึ่งอย่างเด็ดขาด ซึ่งทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
สำหรับในโลกโซเชียลฯ ที่มีการใช้คำว่า "หนังไม่เหนียวอย่ามาเที่ยวยะลา" นั้น หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของกลุ่มวัยรุ่น จนเป็นผลที่น่าพอใจ ตนเองก็ขอยืนยันว่า ถึงหนังไม่เหนียว วันนี้ยะลาก็น่าเที่ยวและน่าอยู่ เชื่อมั่นในกำลังทุกภาคส่วนที่พร้อมจะดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคนที่มาเที่ยว จ.ยะลา
พล.ต.ต.ทินกร ล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมามีบางท่านบอกว่า ปัญหาที่เกิดจาก 3 ส่วน คือ เกิดจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลือกปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย อีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของกลุ่มวัยรุ่นพุทธและอิสลาม เป็นคำพูดในโซเซียลฯ ขอยืนยันว่าจากการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริงๆแล้ว ก็สามารถที่จะติดตามจับกุมกลุ่มเยาวชนและสืบสวน ปรากฏว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหล่านั้น เพราะฉะนั้นการพูดหรือโพสต์อะไรในลักษณะยุยงเพื่อให้เกิดความขัดแย้งหรือบาดหมางกันต่อพี่น้องพุทธมุสลิมในพื้นที่ยะลา ขอความกรุณาว่าสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นเรื่องตอกลิ่ม ทำให้เกิดความขัดแย้งความไม่พอใจและความไม่เข้าต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งข้อเท็จจริงไม่น่าจะมีแบบนั้นแล้ว
ขอยืนยันย้ำอีกครั้งว่า จ.ยะลา เป็นสังคมที่ดีทุกศาสนาอยู่ร่วมกันสันติ ทุกคนต้องการอยู่ร่วมกันสันติ วันนี้ทุกภาคส่วน ได้ร่วมมือเป็นอย่างดี ทำกันอย่างเต็มที่ เพื่อระงับเหตุ ซึ่งได้ปฏิบัติได้แล้วส่วนหนึ่ง พวกเราจะทำต่อเนื่องต่อไป ส่วนแผนระยะต่อไป ผู้ปกครองผู้นำศาสนาผู้นำชุมชน ผู้นำการศึกษา ต้องมาพูดมาคุยกันวางแผน จะทำอย่างไรที่จะแก้ปัญหาเหล่านี้
นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า ขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้เสนอข่าวตามข้อเท็จจริงและช่วยได้มากให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานด้วยความสบายใจ การบังคับใช้กฎหมายกับเยาวชนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูง มีสองส่วนคือ ส่วนหนึ่งต้องบังคับใช้กฎหมาย เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อีกส่วนต้องดูแลต้องปกป้องเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ที่ผ่านมาได้ปฏิบัติเป็นอย่างเรียบร้อย ต้องขอขอบคุณเยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครอง ที่ได้ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี