ปัญหาวัยรุ่นยะลาจับกลุ่มตั้งแก๊งควงอาวุธออกตระเวนทำร้ายคู่อริและสุจริตชนทั่วไปแทบไม่เว้นแต่ละวัน จนเดือดร้อนกันไปทั่วนั้น ทำท่าจะไม่จบง่าย แม้จะมีประกาศิตจาก นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ พ่อเมืองยะลา ว่าปัญหานี้ต้องจบภายในวันเสาร์ที่ 30 ม.ค.64 ก็ตาม
เพราะ "ทีมข่าวอิศรา" ได้พูดคุยกับอดีตเยาวชนที่เคยอยู่ในวงจรความรุนแรงนี้ เขามีประสบการณ์เคยถูกดักทำร้าย และถูกไล่ยิงนับสิบครั้งจนทนไม่ไหว เปลี่ยนสถานะจากคนที่ถูกล่ามาเป็นผู้ล่าเสียเอง อดีตเยาวชนคนนี้บอกว่า แม้ตนจะหันหลังให้กับวงการแล้วก็ตาม แต่ในกลุ่มวัยรุ่นก็มีตัวตายตัวแทน และสืบทอดพฤติกรรมกัน "รุ่นสู่รุ่น" ทำให้สถานการณ์นี้ไม่มีวันจบ
อดีตเยาวชนที่เคยอยู่ในวังวนทำร้ายไล่ล่าและยอมเปิดใจกับ "ศูนย์ข่าวอิศรา" ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ใน อ.เมืองยะลา แต่พำนักอยู่ใน อ.บันนังสตา ห่างจากตัวเมืองยะลาหลายสิบกิโลเมตร
เขาเล่าว่า ก่อนจะหันมาจับอาวุธไล่ล่าคนอื่น ตัวเขาเองโดนกระทำมาหลายครั้ง แค่ถูกไล่ยิงก็ราวๆ 10 ครั้ง นอกจากนั้นก็มีไล่ฟัน ขว้างหินใส่ จนเกิดความแค้นและต้องการเอาคืน บังเอิญโดนกระทำบ่อยมากจนจำหน้าคนทำได้ จึงตัดสินใจหาอาวุธไปไล่ฟัน สาเหตุที่ต้องทำเพราะแค้นมาก เนื่องจากถูกกระทำทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
"แรกๆ โดนเขาทำก่อน โดนหลายครั้ง ทั้งโดนไล่ยิง 10 ครั้ง ไล่ฟัน ขว้างของแข็งใส่อีกหลายครั้ง จนแค้น ก็ต้องเอาคืน มีทั้งที่เจอโดยบังเอิญ และเราไปไล่ฟันเขา ตอนนั้นคิดแค่จะล้างแค้น เพราะเขาทำเราก่อนทั้งที่ไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำ เมื่อถูกทำซ้ำๆ จนจำหน้าได้ ก็เลยออกล้างแค้น"
หลังจากหันหลังให้วงการ เขาบอกว่า ได้ออกจากพื้นที่ไปทำงานต่างจังหวัด แต่เมื่อย้อนกลับไปที่บ้านเกิด ก็พบว่าปัญหายังคงอยู่เหมือนเดิม และมีสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาก่อเหตุแทน
"ตอนนี้เลิกแล้ว ออกไปทำงานต่างจังหวัด เพิ่งกลับบ้านก่อนปีใหม่ วันที่กลับมาถึงบ้าน แวะเมืองยะลาก็เจอเหตุการณ์ไล่ยิงไล่ฟันเหมือนสมัยเรา รุ่นเราแก่ลง ก็มีน้องๆ ของเรา เป็นรุ่นน้องขึ้นมาก่อเหตุ เวียนกันตีไปมา ไม่รู้จะจบวันไหน รุ่นเก่าสลาย รุ่นใหม่ผุดขึ้น มองไม่ออกเลยปัญหานี้จะจบแบบไหน"
เมื่อให้เล่าย้อนถึงปัญหาในยุคของตนเอง เขายอมรับว่ามีประเด็นละเอียดอ่อนอย่างความต่างทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
"คือรุ่นผมแรกๆ เด็กพุทธมาทำพวกเด็กอิสลาม ต่อมาอิสลามไปทำพุทธกลับ ต่อมาก็มีการยกพวกตีไปมา รุ่นนี้ตาย รุ่นน้องขึ้น หลายรุ่นแล้ว เจอตรงไหนฟันตรงนั้น วันไหนเขามา 10 เรา 1 เราก็โดน หรือต้องหนี วันไหนเรามา 10 เขามา1 เขาก็โดน หรือเขาก็ต้องหนี มันเป็นกันอยู่แบบนี้มานานมาก มีทั้งแบบเข้าใจผิด มีทั้งที่มีเรื่องกันมา ทั้งที่ทำเพื่อล้างแค้นไปมา จนไม่รู้แล้วว่าใครทำใครก่อนแล้วตอนนี้"
"กลุ่มที่ตีกันไปมาไม่ได้มีชื่อแก๊งอะไร ง่ายๆ เป็นกลุ่มที่ล้างแค้นไปมา ประมาณว่าก่อนหน้านั้นโดนทำ คืนต่อไปก็จะกลับมาไปหาคนที่ทำ พอมันหาไม่เจอ ก็ทำกับทุกคน ขอให้เป็นอิสลามแค่นั้น ทำมั่วหมด เป้าหมายก็คือคนอิสลาม พอเด็กอิสลามโดน เขาก็จะยกพวกมาตีกลับอีก ส่วนใหญ่เด็กที่โดนเป็นเด็กไม่รู้เรื่อง และจะมีอายุ 16 ปีลงมา พวกนี้โดนเป็นประจำ"
เขายังให้ข้อมูลว่า ความรู้สึกไม่เป็นธรรม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์รุนแรงนี้จบยาก
"ส่วนใหญ่เด็กอิสลามที่โดนจะไม่ไปแจ้งความ เพราะแจ้งความไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่แจ้งดีกว่า เพราะแจ้งความ คดีไม่คืบหน้า คนที่ไปแจ้งความก่อนหน้านั้น คดีเงียบ ทุกคนไม่อยากแจ้งความเพราะแบบนี้"
อดีตเยาวชนรายนี้บอกด้วยว่า สาเหตุที่ปัญหายืดเยื้อ เพราะบางกลุ่มที่ทำคนอื่นได้บ่อยๆ เหมือนมีคนให้ท้ายอยู่ เนื่องจากถือปืนตลอด แต่ไม่เคยถูกจับ แต่พออีกฝ่ายออกมา แม้ไม่มีอาวุธก็โดนจับ คิดว่าน่าจะอาศัยบารมีของพ่อ จึงกล้าทำแบบนี้ได้
"คิดว่ากลุ่มพวกนี้น่าจะใช้บารมีพ่อ ถึงกล้าทำ เพราะปืนที่พวกนี้ถือเป็นประจำ ไม่ใช่ปืนไทยประดิษฐ์ แต่เป็นปืนบาเร็ตต้า กล็อก เป็นปืนที่ตำรวจใช้ และถ้าวัยรุ่นจริงจะไม่มีปืนแบบนี้ใช้"
เขาสรุปทิ้งท้ายว่า ปัญหาใหญ่ที่ทำให้ปัญหานี้สะสมมานาน เพราะเจ้าหน้าที่เลือกปฏิบัติ เมื่อกฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีใครคิดเชื่อกฎหมาย และหาทางตอบโต้แก้แค้นกันเอง