ทหาร ข้าราชการ ฝ่ายปกครอง และผู้นำศาสนา ร่วมพิธีมอบบ้านหลังใหม่ให้ "คุณยาย 3 บาท" แห่ง อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี หลังเรื่องราวชีวิตสุดลำบากถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ทำให้ได้รับธารน้ำใจช่วยเหลือจากคนไทยทั่วทั้งประเทศ
วันอังคารที่ 17 พ.ย.63 ที่บ้านหลังใหม่ในท้องที่หมู่ 7 บ้านดอน ต.โคกโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี (ผบ.ฉก.ปัตตานี) พร้อมด้วย พ.อ.หาญพล เพชรม่วง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอโคกโพธิ์ นายมะแอ สะอะ หรือ หะยีสะมะแอ ท่าน้ำ อดีตแกนนำขบวนการพูโล พร้อมด้วยข้าราชการ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม และชาวบ้านในพื้นที่ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบบ้านหลังใหม่ให้ นางแมะเอียด สะนิ วัย 63 ปี ที่กลายเป็นที่รู้จักในนาม "คุณยาย 3 บาท" จากเรื่องราวชีวิตสุดลำบาก ต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกชายที่แขนขาอ่อนแรง กับหลานชายวัยเรียนที่พ่อกับแม่ของเด็กทิ้งเอาไว้กับยาย (อ่านประกอบ : ยายแมะเอียด กับเงิน 3 บาท และหลานยอดกตัญญู)
ยายแมะเอียดมีฐานะยากจน ไม่มีแม้บ้านจะซุกหัวนอน ต้องอาศัยอยู่ในเพิงไม้เล็กๆ ผุพังใน อ.โคกโพธิ์ วันไหนฝนตกก็ต้องนอนตากฝนกันทั้งยาย ลูก และหลาน ทำให้เพื่อนบ้านสงสารจนทนไม่ไหว อนุญาตให้เข้าไปอยู่บ้านร้างที่ไม่มีใครพักอาศัย บรรเทาทุกข์ไปได้เปลาะหนึ่ง
แต่ยายแมะเอียดก็ยังต้องทำงานหนักเพื่อดูแลอีก 2 ชีวิต เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเจอโรคระบาดโควิด-19 ทำให้งานที่หายากอยู่แล้ว กลายเป็นหาไม่ได้เลย บางวันยายแมะเอียดไม่มีเงินแม้แต่บาทเดียว ส่วนวันที่นักข่าวไปสัมภาษณ์ถึงบ้าน มีเงินติดตัวแค่ 3 บาท
ขณะที่หลานชายเป็นเด็กดี รักเรียน และช่วยงานยายทุกอย่าง แต่ด้วยความยากจน ทำให้ไม่มีแม้แต่เครื่องแบบนักเรียนใส่ไปโรงเรียน ต้องใช้ชุดเก่าซ้ำๆ มาหลายปี แม้ร่างกายโตขึ้น ก็ไม่สามารถหาเสื้อผ้าใหม่มาใส่ได้เหมือนคนอื่น ยายแมะเอียดต้องตัดขากางเกงตัวหนึ่ง มาเย็บต่อกับอีกตัวหนึ่ง จะได้ขายาวพอดีกับที่หลานชายเติบโต
นี่คือที่มาของสกู๊ปชีวิตที่ชื่อ "ยายแมะเอียด กับเงิน 3 บาท และหลานยอดกตัญญู" เรื่องราวนี้ถูกแชร์ไปอย่างกว้างขวางจนผู้ว่าราชการจังหวัด และทหารจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จัดทีมไปเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือ โดยขนานนามยายแมะเอียดว่า "คุณยาย 3 บาท"
จากนั้นธารน้ำใจจากคนไทยทั่วทั้งประเทศก็ไหลทะลักไปสู่ "คุณยาย 3 บาท" ยายได้เงินบริจาคกว่า 3 แสนบาท ทางจังหวัดและผู้นำในพื้นที่ ทั้งปลัดอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้ยื่นมือเข้ามาช่วยบริหารจัดการ เพื่อให้การใช้เงินเกิดประโยชน์สูงสุด โดยความต้องการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาทุกข์ในเบื้องต้น ก็คือสร้างบ้านใหม่ให้ครอบครัวของคุณยาย (อ่านประกอบ : ธารน้ำใจหลั่งไหลช่วย "คุณยาย 3 บาท", "คุณยาย 3 บาท" กับบ้านหลังใหม่จากน้ำใจคนไทยทั่วประเทศ)
ล่าสุดบ้านหลังใหม่สร้างเสร็จเรียบร้อย จึงมีพิธีมอบบ้านให้กับยาย โดยการสร้างบ้านหลังนี้ นอกจากเงินบริจาคที่คุณยายได้รับจากคนไทยทั่วทั้งประเทศแล้ว ยังมี "กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้" เป็นผู้ประสานงาน จนการปลูกสร้างบ้านเสร็จสมบูรณ์
โอกาสนี้ อิหม่ามมัสยิดบ้านดอน และมัสยิดบ้านใต้ อ.โคกโพธิ์ ได้นำชาวบ้านร่วมละหมาดฮายัดขอพรให้เกิดความสงบสุขในพื้นที่ จากนั้นทุกคนได้รับประทานขนมจีนร่วมกัน โดยเป็นขนมจีนอบแห้งที่กลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้ช่วยกันทำขาย และนำเงินมาทำกิจกรรมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ยากจน
พล.ต.คมกฤช กล่าวว่า การมอบบ้านครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันจากทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการ ประชาชน และสื่อมวลชน ขณะที่ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ก็มีความห่วงใยและได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดูแลชาวบ้านอย่างเต็มที่
"จริงๆ วันนี้ท่านแม่ทัพจะมาจะเดินทางมาให้กำลังใจยายแมะเอียดด้วยตัวเอง แต่ท่านติดภารกิจสำคัญ จึงส่งความห่วงใยมาแทน" ผบ.ฉก.ปัตตานี กล่าว
ด้าน ยายแมะเอียด กล่าวว่า วันนี้เป็นวันดีสำหรับยาย บ้านหลังนี้เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด ยายได้บ้านจากที่คนไทยทั้งประเทศรวบรวมเงินให้ เงินทั้งหมดเข้าบัญชียาย 365,000 บาท นำมาซื้อที่ดิน 200,000 บาท เป็นค่าก่อสร้างบ้าน 150,000 บาท และอีกหมื่นกว่าบาทใช้ทำระบบน้ำและไฟฟ้า
"ยายไม่ได้นำเงินบริจาคมาใช้เล่นเลย แต่นำมาสร้างบ้านเพราะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับลูกและหลาน ตอนนี้ยายได้บ้านแล้ว ขอบคุณน้ำใจคนไทยทุกคน ขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 4 ที่จะช่วยเหลือเรื่องการจ้างงาน และขอขอบคุณทุกคน ทุกฝ่ายที่ช่วยกันขับเคลื่อนงานจนทำให้ยายมีวันนี้" ยายแมะเอียด กล่าวเสียงเครือด้วยความดีใจ
พิธีมอบบ้านในวันนี้มีคำขวัญว่า "ความสุขเริ่มที่บ้าน จากหัวใจคนไทยนับล้านๆ ดวง" โดยนอกจากกิจกรรมมอบบ้านแล้ว ยังมีโครงการมอบ "รองเท้าคู่ใหม่" ให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน ภายใต้แนวคิด "รองเท้าคู่ใหม่ เติมพลังให้วัยเรียน เพื่ออนาคตของเด็กๆ ชายแดนใต้" โดยวันนี้เป็นการมอบรองเท้าให้นักเรียนในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ โดยได้รับการสนับสนุนจาก นพ.ชัยวัฒน์ และ พญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ กับกลุ่มร่วมด้วยช่วยกันชายแดนใต้
ฉก.ยะลาไม่ทิ้งท่าน แม่ทัพมอบบ้านให้ ชรบ.บือมัง
โครงการมอบบ้านให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือขาดแคลน ไม่ได้มีเฉพาะโครงการของผู้ใจบุญกับกลุ่มภาคประชาสังคมในพื้นที่เท่านั้น แต่ฝ่ายทหารเองก็มีโครงการลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 พ.ย.63 พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.อุทิศ อนันตนานนท์ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา และ พ.อ.อรรถพล คงสง ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการดำเนินการก่อสร้างบ้านพักอาศัยของ นายมะลาเซ็ง สะเดาะ ในโครงการ "หน่วยเฉพาะกิจยะลาไม่ทิ้งท่าน" ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน
แม่ทัพภาคที่ 4 ได้พบปะให้กำลังใจ นายมะลาเซ็งและครอบครัว พร้อมมอบสิ่งของอุปโภคบริโภค ตลอดจนเงินสนับสนุนช่วยเหลือ และได้กล่าวกับนายมะลาเซ็งว่า ขอให้อดทน มุ่งมั่น ตั้งใจทำความดี เป็นคนดีของสังคม คนดีควรได้รับโอกาส ใครลำบากประสบปัญหา ขอให้หน่วยคัดเลือกมา เพื่อให้ความช่วยเหลือทันที เจ้าหน้าที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างและให้ความช่วยเหลือประชาชนเสมอ
ด้านครอบครัวของนายมะลาเซ็ง รู้สึกดีใจและตื้นตันใจจนพูดอะไรไม่ออก
สำหรับบ้านของครอบครัวนายมะลาเซ็ง เลขที่ 88/1 บ้านบือมัง หมู่ 2 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา มีสภาพผุพังทรุดโทรมอย่างมาก โดยนายมะลาเซ็ง ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป และอาสาสมัครเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ครอบครัวมีสมาชิก 4 คน ประกอบด้วยตัวนายมะลาเซ็ง ภรรยา และบุตร 2 คน โดยภรรยาทำงานเป็นจิตอาสา "ญาลันนันบารู" ช่วยดูแลช่วยเหลืองานแก้ไขปัญยาเสพติดในชุมชน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายมะลาเซ็งและครอบครัวได้ทำความดี ช่วยเหลือชาวบ้าน ช่วยเหลืองานของส่วนรวม ทั้งยังเป็นผู้เชื่อมประสานความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับหน่วยงานภาครัฐเสมอมา จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการ "หน่วยเฉพาะกิจยะลาไม่ทิ้งท่าน" ขณะนี้ภารกิจซ่อมแซมบ้านดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 80 คาดจะสามารถส่งมอบบ้านพร้อมเข้าอยู่อาศัยได้ช่วงปลายเดือน พ.ย.
อนึ่ง สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่หนึ่งของประเทศที่ประชาชนประสบกับภาวะยากจนมากที่สุด ที่ผ่านมาสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ "สภาพัฒน์" ได้จัดทำรายงานสถานการณ์ความยากจนและเหลื่อมล้ำเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปี 53 เป็นต้นมา โดยข้อมูลล่าสุดปี 62 แม้สัดส่วนคนยากจนจะลดลงจาก 6.7 ล้านคน เหลือ 4.3 ล้านคน แต่ใน 10 อันดับที่คนจนหนาแน่นที่สุด ปรากฏว่า จ.ปัตตานี เป็นอันดับหนึ่ง 29.72% และนราธิวาสอันดับสอง คือ 25.53%
----------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ยายแมะเอียด หลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ
2-3 พิธีมอบรองเท้านักเรียนให้กับเด็กๆ ที่ขาดแคลน
4 แม่ทัพภาคที่ 4 ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าโครงการสร้างบ้านให้ประชาชนที่ อ.รามัน จ.ยะลา