ผู้คนจากทั่วสารทิศร่วมบริจาคช่วยเหลือ "คุณยายแมะเอียด" วัย 63 ปีจาก อ.โคกโพธิ์ ปัตตานี หลังสื่อหลายแขนงตีแผ่ชีวิตสุดรันทด ต้องแบกรับภาระเลี้ยงลูกที่ป่วยเป็นโรคแขนขาอ่อนแรง และหลานชายวัยกำลังเรียน ทั้งๆ ที่ครอบครัวมีฐานะยากจน กระท่อมที่อยู่ก็ผุพัง ทั้งบ้านมีเงินแค่ 3 บาท หลานไปโรงเรียนก็ไม่มีเงินให้ไป
เรื่องราวของ "คุณยายแมะเอียด" ได้รับการนำเสนอเป็นสารคดีชีวิตผ่านสื่อหลายแขนง ทั้งโทรทัศน์ และเว็บไซต์อย่างศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา ทำให้ผู้คนที่ได้รับรู้ชะตากรรมของครอบครัวคุณยายร่วมบริจาคเงินให้กว่า 3 แสนบาท และหน่วยราชการทุกหน่วยก็พร้อมใจกันเดินทางไปเยี่ยม รวมทั้งมอบข้าวสาร อาหารแห้ง ตลอดจนเสื้อผ้าให้กับครอบครัวคุณยาย
ข้าราชการที่เข้าไปหายายแมะเอียด มีทั้งนายอำเภอโคกโพธิ์ เจ้าหน้าที่จากพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปัตตานี หรือ พม. และทหารหน่วยเฉพาะกิจปัตตานีซึ่งเป็นตัวแทนของ พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ท่ามกลางเพื่อนบ้านที่มาร่วมให้กำลังใจ และพากันร้องไห้ดีใจที่คุณยายแมะเอียดได้รับความช่วยเหลือ
นายอำเภอโคกโพธิ์ เรียกคุณยายแมะเอียดว่า "คุณยาย 3 บาท" ตามชื่อสกู๊ปพิเศษที่นำเสนอผ่านสื่อด้วย (อ่านประกอบ : "ยายแมะเอียด"กับเงิน 3 บาท และหลานยอดกตัญญู)
คุณยายกล่าวทั้งน้ำตาว่า ได้รับเงินบริจาค 3 แสนกว่าบาท ขอบคุณนักข่าวที่ช่วยเหลือครอบคัวของตน เงินที่ได้จะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้หลาน และหาที่ดินผืนเล็กๆ เพื่อปลูกสร้างบ้าน จะได้ไม่ต้องอาศัยบ้านคนอื่น หรือกลับไปอยู่กระท่อมที่ผุพัง กันฝนกันแดดไม่ได้ ยืนยันว่าจะนำเงินที่ได้ทั้งหมดทำในสิ่งที่ดีๆ และขอบคุณผู้ใจบุญที่ร่วมบริจาคทุกคน
ด้านเจ้าหน้าที่ พม.จังหวัดปัตตานี ได้พูดคุยกับคุณยายแมะเอียด ให้เร่งหาที่ดินที่เป็นของคุณยายเอง เมื่อได้ที่ดินแล้วก็จะประสานทหารช่างให้เข้ามาปลูกสร้างบ้านให้ใหม่ โดยทาง พม.สนับสนุนประมาณสำหรับสร้างที่อยู๋อาศัยให้ผู้ที่เดือดร้อน ขณะที่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาที่หลานชายของยายแมะเอียดเรียนอยู่ ก็ได้เสนอความช่วยเหลือด้วยการให้รถรับส่งนักเรียนแวะมารับถึงหน้าปากซอยทุกวัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ขณะที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า รายงานความคืบหน้าหลังจากหน่วยเฉพาะกิจลงพื้นที่ช่วยเหลือยายแมะเอียดว่า สายธารน้ำใจจากผู้คนทุกสารทิศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย ทำให้เกิดการส่งเสริมความรัก ความสามัคคี การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชุมชน ทำให้ชาวบ้านได้มีความเป็นอยู่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยฝ่ายผู้รับและคนในครอบครัวต่างก็มีขวัญและกำลังใจที่ดี ส่วนเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็รู้สึกพึงพอใจและก่อให้เกิดความตื้นตันใจ พร้อมที่จะช่วยเหลือกันกันและกัน
สมดังคำกล่าวที่ว่า "คนไทยไม่ทิ้งกัน"