กางตัวเลขค่าประกอบเลี้ยงกำลังพล พบ 2 ขั้นตอนเปิดช่องเบียดบัง-ทุจริต ขณะที่ข้อมูลเพจดังแฉหน่วยทหารในนราธิวาสเบียดบังเงินค่าอาหาร เป็นระดับกองร้อยในสุไหงโก-ลก สอบสวนเป็นการภายในแล้วมีความผิดปกติจริง สั่งลงโทษพ่อครัว
วันพุธที่ 11 พ.ย.63 มีการแถลงของโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กรณีมีการโพสต์ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก "ร่วมด้วยช่วย 3 จังหวัดชายแดนใต้" อ้างว่ามีหน่วยทหารระดับกองร้อยในพื้นที่ จ.นราธิวาส เบียดบังเงินค่าประกอบเลี้ยงของกำลังพล ทำให้คุณภาพอาหารไม่มีความเหมาะสม ส่งผลให้คุณภาพชีวิตและขวัญกำลังใจกำลังพลตกต่ำ
พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงว่า พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้รับทราบเรื่องแล้ว และไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาสดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าข้อมูลที่มีการโพสต์นั้นเกิดขึ้นในหน่วยระดับกองร้อย ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ขณะนี้ได้เร่งให้มีการตรวจสอบเป็นการด่วน หากพบว่ามีการเบียดบังค่าประกอบเลี้ยงของกำลังพลจริง จะดำเนินการลงโทษทางวินัยสถานหนักกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำในเรื่องการดูแลสิทธิของกำลังพลมาโดยตลอด และได้กำหนดเป็นนโยบายสำคัญ พร้อมย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกระดับ กำกับดูแลเรื่องสิทธิและสวัสดิการของกำลังพลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ การประกอบเลี้ยง เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจผู้ใต้บังคับบัญชาให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
เปิดตัวเลขค่าประกอบเลี้ยงกำลังพล
สำหรับข้อมูลสำคัญที่เพจ "ร่วมด้วยช่วย 3 จังหวัดชายแดนใต้" นำมาแฉ ก็คือเงินค่าประกอบเลี้ยงกำลังพลของหน่วยทหารที่อ้างว่ามีปัญหานี้ โดยระบุตัวเลขว่า หน่วยนี้มีค่าประกอบเลี้ยงกำลังพลต่อหัว อยู่ที่วันละ 45 บาท เมื่อนำไปรวมกับค่าข้าวสาร ค่าแก๊ส (เชื้อเพลิง) และค่าวัตถุดิบต่างๆ (กับข้าว) จะหักเงินกำลังพลเอาไว้คนละ 65 บาทต่อหัว แต่หน่วยระดับกองร้อยนี้หักค่าประกอบเลี้ยงจากหัวละ 45 บาท เหลือเพียง 40 บาท ทั้งๆ ที่จำนวนเงิน 45 บาทก็น้อยอยู่แล้ว เมื่อหักเหลือ 40 บาท ทำให้ต้องลดคุณภาพของอาหารลงไปอีก บางวันทำแกงจืดวุ้นเส้น กำลังพลได้รับประทานลูกชิ้นคนละ 1 ลูกเท่านั้น...นี่คือข้อมูลที่เปิดมาจากเพจดัง
ขณะที่มีคำชี้แจงจากโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุว่า การประกอบเลี้ยงในหน่วยปกติที่ไม่ได้ปฏิบัติราชการสนาม (หน่วยที่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน หรือในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้) จะหักค่าประกอบเลี้ยงจํานวน 60 บาท/คน/วัน โดยจะคิดเป็นเงินค่าข้าว 24 บาท ค่ากับข้าว 33.50 บาท และค่าเชื้อเพลิง 2.50 บาท ส่วนหน่วยที่ปฏิบัติงานราชการสนามในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะหักเงินจากค่าเบี้ยเลี้ยงของกําลังพลในอัตราที่ไม่กําหนดไว้แน่นอน ขึ้นอยู่กับการตกลงร่วมกันภายในหน่วยนั้นๆ เพื่อใช้ประกอบเลี้ยงเป็นส่วนรวม ประกอบด้วยค่าข้าวสาร ค่าแก๊สหุงต้ม และค่าอาหาร โดยประกอบเลี้ยงวันละ 3 มื้อ คือ มื้อเช้า มื้อกลางวัน และมื้อเย็น
เป็นที่น่าสังเกตว่า จำนวนเงินค่าประกอบเลี้ยงซึ่งเป็นตัวเลขกลางของกองทัพ ไม่ใช่ยอดนี้ สะท้อนให้เห็นว่ามีความแตกต่างและยืดหยุ่นในการหักเบี้ยเลี้ยงกำลังพลเป็นค่าประกอบเลี้ยงแตกต่างกันไป
ค่าประกอบเลี้ยงหักจากไหน?
ข้อมูลที่ "ทีมข่าวอิศรา" ตรวจสอบได้ เป็นข้อมูลกลางของกองทัพเกี่ยวกับเงินเดือนของพลทหาร หรือทหารเกณฑ์ โดยหลังผ่านเกณฑ์ทหาร จับใบดำ-ใบแดงเข้าไปแล้ว ชายไทยที่จับได้ใบแดง ก็จะเปลี่ยนสถานะเป็น "พลทหาร" จะต้องผ่านการฝึกเบื้องต้น 10 สัปดาห์
พลทหารกลุ่มนี้เรียกว่า "ทหารใหม่" ได้เงินเดือนบวกกับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว หรือ "เงิน พชค." รวมแล้ว 7,120 บาท และจะมีเบี้ยเลี้ยงอีกวันละ 96 บาท หรือเดือนละ 2,880 บาท (กรณีเดือนนั้นมี 30 วัน) รวมรายได้ทหารใหม่ 10,000 บาทต่อเดือน
จากนั้นเมื่อผ่านการฝึกเบื้องต้น 10 สัปดาห์ หรือ 3 เดือนไปแล้ว จาก "ทหารใหม่" จะขยับเป็น "พลทหารปี 1 ชั้น 16" และพออยู่ครบปี ก็จะขยับขึ้นอีกเป็น "พลทหารปี 2 ชั้่น 18" แม้เงินเดือนจะเพิ่มขึ้น แต่ไปลดเงินเพิ่มค่าครองชีพ หรือ "เงิน พชค." ลง ฉะนั้นโดยสรุปก็จะได้เงินเดือนเท่ากัน คือราวๆ 10,000 บาท
แต่สำหรับรายได้ในส่วนของเบี้ยเลี้ยง คนละ 96 บาทนี้ จะถูกหักค่าข้าว 20 บาท ค่ากับข้าว 42 บาท และค่าเชื้อเพลิง 8 บาท (รวมหัก 70 บาท) เหลือวันละ 26 บาท รับเบี้ยเลี้ยงจริงต่อเดือน 780 บาท จากเบี้ยเลี้ยงรวม 2,880 บาท
ฉะนั้นยอดเงินจริงๆ ที่พลทหารจะได้รับ คือ เงินเดือน บวกเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว หรือ "เงิน พชค." 7,120 บาท และเบี้ยเลี้ยงหลังหักค่าข้าว กับข้าว และเชื้อเพลิง 780 บาท รวมเป็น 7,900 บาทต่อเดือน
สั่งลงโทษพ่อครัว - เปิดช่องทางเบียดบังค่าประกอบเลี้ยง
จากข้อมูลกลางชุดนี้ ทำให้เข้าใจได้ว่า ค่าประกอบเลี้ยงหักเอาจากเบี้ยเลี้ยงของกำลังพล ยอดที่หักไม่เท่ากันในแต่ละพื้นที่และภารกิจ เช่น หน่วยปกติ กับหน่วยที่ปฏิบัติราชการสนาม ก็หักไม่เท่ากัน เรื่องนี้หากมองในแง่ดีก็เป็นการยืดหยุ่นให้สามารถบริหารจัดการเงินเพื่อให้อาหารออกมามีคุณภาพและเพียงพอมากที่สุด แต่หากมองในแง่ลบ ก็อาจเป็นช่องทางในการทุจริตหรือเบียดบังเงินของกำลังพลได้เช่นกัน
สำหรับหน่วยทหารที่สุไหงโก-ลก มีประเด็นร้องเรียนมาก่อนหน้าที่เพจร่วมด้วยช่วย 3 จังหวัดชายแดนใต้นำมาเปิดเผย โดยก่อนหน้านี้ได้มีการสอบสวนเป็นการภายใน และลงโทษกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นพ่อครัวไปแล้ว เบื้องต้นให้โยกย้ายไปทำหน้าที่อื่น และกำลังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงินที่นำไปจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อนำมาประกอบอาหาร ซึ่งอาจมีการทุจริตหรือเบียดบังด้วยเช่นกัน
เพราะการเบียดบังสามารถทำได้หลายขั้นตอน ทั้งขั้นตอนการหักจากยอดรวมเบี้ยเลี้ยงของแต่ละคนทันที เช่น 45 บาทต่อคน ก็เก็บเอาไว้ 5 บาท คล้ายเป็นค่าหัวคิว ก็เป็นการเบียดบังทอดหนึ่ง จากนั้นเมื่อนำเงินที่เหลือไปประกอบเลี้ยง ก็ยังไปลดปริมาณและคุณภาพของวัตถุดิบลงอีก ก็จะเป็นการเบียดบังอีกทอดหนึ่ง
เงินที่หักเอาไว้ในระดับ 5 บาท 10 บาท บางคนอาจจะคิดว่าน้อย แต่แท้ที่จริงแล้วไม่น้อยเลย เนื่องจากกำลังพล 1 กองร้อย มีราวๆ 150-170 นาย สมมติหักค่าประกอบเลี้ยงไว้คนละ 5 บาท ก็จะได้เงินวันละ 750-850 บาท เดือนหนึ่งมี 30 วัน ก็จะได้เงินส่วนนี้ไปราวๆ 22,500-25,000 บาทเลยทีเดียว
ที่สำคัญการคำนวณเช่นนี้ยังไม่นับค่าประกอบเลี้ยงของกำลังพลที่ลาพัก หรืออยู่ในช่วงผลัดพักอีกราวๆ 20-25% ของกำลังพลทั้งหมด เมื่อกำลังพลไม่อยู่ฐาน แต่เดินทางกลับบ้าน กลับภูมิลำเนา ก็ไม่ต้องประกอบเลี้ยง บางหน่วยก็จะไม่หักเบี้ยเลี้ยงส่วนนี้เอาไว้ แต่บางหน่วยก็หัก เพื่อนำมาใช้จ่ายด้านอื่น เช่น สวัสดิการค่าเดินทางสำหรับกำลังพลที่มีธุระด่วน อาทิ แม่ป่วยกะทันหัน เป็นต้น แต่สำหรับบางหน่วยที่ผู้บังคับบัญชาไม่ได้มีจิตใจดี ไม่รักลูกน้อง ก็อาจหักเข้ากระเป๋าตัวเองก็มีบ้างเหมือนกัน
แม่ทัพใส่ใจทุกข์สุขกำลังพล - กินข้าวร่วมโต๊ะทหารใหม่
เรื่องการดูแลคุณภาพชีวิตกำลังพล เป็นนโยบายสำคัญของแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รวมถึงผู้นำสูงสุดของกองทัพอย่าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ด้วย โดยเมื่อครั้งที่ ผบ.ทบ.ลงใต้ครั้งแรก เมื่อวันพุธที่ 4 พ.ย.63 ก็ได้กำชับ พล.ท.เกรียงไกร ในเรื่องนี้ (อ่านประกอบ : ลดป่วน 20% ช่วยคนทุกข์เข็ญตกงาน ภารกิจดับไฟใต้ปี 64 ผบ.ทบ.การันตีเดินถูกทาง)
จากนั้นในวันพฤหัสบดีที่ 5 พ.ย. แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมมอบนโยบายหน่วยฝึกทหารใหม่ กรมทหารราบที่ 152 ประกอบด้วย หน่วยฝึกทหารใหม่กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 152 ค่ายพระยาเดชานุชิต อ.รามัน จ.ยะลา หน่วยฝึกทหารใหม่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 152 อ.บันนังสตา จ.ยะลา และหน่วยฝึกทหารใหม่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 152 ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้กำชับให้ผู้บังคับหน่วยดูแลเอาใจใส่ทหารใหม่ทุกราย ให้ปฏิบัติตามนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตทหารกองประจำการ เพื่อปูพื้นฐานให้พร้อมเป็นกำลังพลของกองทัพบกที่สามารถปฏิบัติภารกิจทางทหาร และภารกิจช่วยเหลือประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญให้หน่วยฝึกทหารใหม่ระมัดระวังเรื่องสภาพอากาศร้อนและสุขภาพของทหารใหม่ระหว่างทำการฝึก
"อยากให้ผู้ฝึก ใส่ใจดูแลเช็คสภาพความพร้อมของพลทหารอยู่ตลอดเวลา ด้วยการจดบันทึกและประเมินผล ใครเป็นอะไร พร้อมส่วนไหนไม่พร้อมส่วนไหน ผู้ฝึกต้องทราบ และประสานพูดคุยกับครอบครัวเพื่อความสบายใจ ฝึกฝนน้องๆ ด้วยการปลุกความกล้า ค้นหาความเป็นตัวตนของน้องๆ ทหารใหม่ขึ้นมา เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้แก่กองทัพต่อไป เปลี่ยนทัศนคติที่ดีให้เกิดขึ้นในจิตใจของน้องๆ เปลี่ยนความคิดจากการเป็นพลเรือน ให้มีจิตใจเป็นทหารอย่างเต็มภาคภูมิ รักในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
เป็นคำสั่งที่เน้นย้ำจากแม่ทัพภาคที่ 4 โดยเฉพาะการดูแลคุณภาพชีวิตของกำลังพ สวัสดิการ และสิทธิต่างๆ ให้เป็นไปตามสิทธิ์ เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับกำลังพลทุกนาย
นอกจากนั้น พล.ท.เกรียงไกร ยังได้ตรวจเยี่ยมสภาพอาคารที่กินอยู่หลับนอน เครื่องแต่งกาย ของใช้ประจำตัว สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารโรงนอนของทหารใหม่ด้วย ทั้งยังพบปะพูดคุยกับน้องๆ ทหารกองประจำการอย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นกำลังใจ รวมทั้งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับน้องๆ กำลังพลผลัดที่ 2 ที่หน่วยฝึกทหารใหม่ค่ายสิรินธร
โดยระหว่างรับประทานอาหาร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้พูดคุยสอบถามความเป็นอยู่ และรสชาติอาหารว่าถูกปากและเพียงพอหรือไม่ สร้างความประทับใจให้กับกำลังพลทุกนาย โดยก่อนเดินทางกลับ แม่ทัพภาคที่ 4 ยังได้เน้นย้ำให้หน่วยคำนึงถึงคุณภาพของอาหารและความเหมาะสม เพื่อให้กำลังพลมีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกด้วย
เมื่อแม่ทัพภาคที่ 4 ให้ความสนใจทุกข์สุขของกำลังพลมากขนาดนี้ ก็ต้องรอดูว่าผลสอบสวนจากข้อกล่าวหาเบียดบังเงินค่าประกอบเลี้ยง...จะมีบทสรุปเช่นไร!?!