"วันนี้มีแจกเกือบ 700 ชุด จากวันแรกร้อยกว่าชุด มีคนมารับอาหารเพิ่มขึ้นทุกวัน ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนกันในยามนี้ ข้าวสารที่ได้รับบริจาคมาน่าจะอยู่ได้ถึงหมดเดือนเมษาฯ"
เป็นคำกล่าวที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ พระครูสิริมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร วัดใหญ่กลางใจเมืองปัตตานี ที่ใช้พื้นที่วัดเปิด "โรงทาน" เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนในสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งมีทั้งตกงาน รายได้ลด ไปจนถึงไม่มีรายได้เลย
พระครูสิริมังคลาจารย์ บอกว่าแนวคิดนี้มาจากพระดำริของสมเด็จพระสังฆราชที่ว่า วัดใดที่มีกำลังพอและพร้อม ก็ให้ตั้งโรงทาน และต้องจัดระเบียบให้ดี
"อาตมาก็ปรึกษากับญาติโยม ทุกคนเห็นด้วย จึงประกาศให้มาช่วยกัน โดยใช้ศาลาวัดเป็นศูนย์โรงทาน เตรียมและปรุงอาหาร ส่วนลานกว้างตรงข้ามใช้เป็นจุดยืนรอรับอาหาร"
เจ้าอาวาสวัดตานีนรฯ เล่าว่า แต่ละวันที่เปิดโรงทาน มีคนมารับอาหารมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องเพิ่มชุดอาหารมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งในแต่ละชุดได้จัดอาหารไว้สำหรับพี่น้องมุสลิมด้วย
"ในแต่ละชุดจะมีข้าวสวย กับข้าว และน้ำเปล่า รวมทั้งมีหน้ากากอนามัยไว้แจกคนที่ไม่มี หรือเห็นว่าควรเปลี่ยน เราทำกับข้าวที่ไม่มีเมนูหมู เพื่อพี่น้องมุสลิมที่เดือดร้อนมารับได้ด้วย ตั้งใจให้มารับกันทุกคนที่เดือดร้อน ไม่เลือกศาสนา ถ้าไม่มั่นใจก็รับเฉพาะข้าวสวยกับน้ำก็ได้ ให้เข้ามารับ หรือมุสลิมที่จะบริจาคก็ยินดีอย่างมาก"
การตั้งโรงทานที่ปัตตานีไม่ได้มีแค่พระกับวัดเท่านั้นที่เกี่ยวข้อง แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายจิตอาสา ดึงดูดคนมีน้ำใจให้มาช่วยกันลงแรง
"เรามีข้าวสารพอทั้งเดือน วัตถุดิบมีมาเติมทุกวัน จิตอาสาที่มาช่วยก็มากันตั้งแต่เช้า อยู่จนถึงบ่ายสาม ทุกคนที่มาช่วยมีความสุขและไม่เหนื่อย เพราะได้ช่วยคนที่ลำบากจริงๆ มีหนุ่มๆ สาวๆ มารับกันเยอะ เพราะเขาเป็นลูกจ้างแล้วถูกเลิกจ้าง ไม่มีรายได้ มีลูกมีครอบครัวต้องดูแล น่าสงสาร วัดเราเป็นศูนย์กลาง ในเมืองมีคนมีปัญหาเยอะ วัดจะช่วยไปเรื่อยๆ" เป็นความตั้งใจของพระครูสิริมังคลาจารย์
ขณะที่ ปุณณดา นปภากันตวุฒิ ประธานชมรมเสบียงบุญ ตัวแทนจิตอาสา บอกว่า ทุกคนเต็มใจมาช่วย ไม่ได้ค่าจ้าง มาช่วยตั้งแต่เตรียมวัตถุดิบ ปรุง แพ็ค แจก เก็บล้าง ทำกันตั้งแต่วันแรกเพื่อช่วยเหลือคนที่ลำบาก
"วันแรกทำน้อย คนมาน้อย วันถัดมาเพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน คนมารับอาหารก็เพิ่มทุกวัน เตรียมเมนูวันละ 2-3 เมนู อยากให้ได้ทานกันทุกคน ไม่เลือกว่าใครมาก่อนมาหลัง ช่วง 11 โมงครึ่งถึงบ่ายโมงคือช่วงแจกของทุกวัน คนที่มาต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลที่เตรียมไว้ เดินไปรอตามจุดที่กำหนดไว้เพื่อให้เว้นระยะห่าง แล้วไปรับอาหารทีละคน"
"ถ้ามากันทั้งครอบครัวก็ได้รับทุกคน หรือบอกว่าในครอบครัวมีกันกี่คน ก็ให้ไปตามจำนวน เพื่อได้ทานกันทั้งบ้าน แต่ละถุงทานได้อิ่ม"
ปุณณดา บอกว่า วัตถุประสงค์สำคัญของการทำโรงทาน ก็เพื่อช่วยคนที่เดือดร้อนลำบาก โดยไม่แบ่งแยก ไม่เลือกศาสนา
"ช่วยกันพยุงพี่น้องที่ลำบากในช่วงนี้ ไม่ได้ตั้งเวลาว่าจะทำไปกี่วัน มีกำลังก็ช่วยกันทำ มีพี่น้องที่มีกำลังช่วยทั้งเงิน ข้าวสาร แก๊ส วัตถุดิบ ตามกำลังที่ช่วยได้ และลงแรง เราช่วยพี่น้องทุกศาสนา ใครให้อะไรมารับหมด หรือจะมาช่วยแรงก็ยินดีมาก"
การปันน้ำใจเพื่อพี่น้องที่ลำบากในยามวิกฤตคือเรื่องราวดีๆ ที่เห็นและสัมผัสได้จริง พี่น้องที่มารับอาหารมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทุกวัย ต่างพากันหิ้วถุงอาหารกลับบ้านด้วยความอิ่มใจ เช่นเดียวกับพี่น้องจิตอาสาที่อิ่มใจกับสิ่งที่ได้ทำ