ม.อ.ปัตตานี เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนชายแดนใต้ พบส่วนใหญ่รับทราบมาตรการสกัดโรคระบาดของรัฐ พร้อมหนุนคุมเข้มช่วงรอมฎอน เชียร์ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อีก 1 เดือนสู้โควิด แต่ยอมรับเจอผลกระทบมากสุดจากการห้ามเดินทางข้ามจังหวัด ข่าวร้ายทะลักทำเสียสุขภาพจิต
ดร.นพ.มูฮัมมัดฟาห์มี ตาเละ จากคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานวิจัย พร้อมคณะ ได้จัดแถลงข่าวด้วยการไลฟ์สดทางเฟสบุ๊ก เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการลดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มประชากร จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และสตูล โดยมีผู้ตอบแบบสอบถาม 4,280 คน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม 3,620 คน ศาสนาพุทธ 657 คน และศาสนาคริสต์ 3 คน
ผลสำรวจพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่าร้อยละ 90 รับทราบมาตรการของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เดินทางออกจากเคหะสถานต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย, ห้ามเดินทางเข้า–ออกจังหวัด, ห้ามรวมตัวกันในพื้นที่สาธารณะ, ยกเลิกวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์, งดการละหมาดในมัสยิด, ห้ามเดินทางเข้า-ออกประเทศ, ปิดสถานศึกษาจนถึงวันที่ 1 ก.ค.63, ปิดสถานบริการ เช่น ร้านตัดผม ร้านนวด สถานบันเทิง, การปิดหมู่บ้านที่มีผู้ติดเชื้อ, ปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้น แผนกซุปเปอร์มาเก็ต, ห้ามซื้อ-ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ห้ามขายอาหารให้รับประทานในร้าน, ห้ามออกจากบริเวณบ้านในช่วงเวลา 20.00–05.00 น., ห้ามผู้สูงอายุและเด็กออกจากบ้าน และปิดการบริการขนส่งมวลชนทุกประเภท โดยร้อยละ 80-99 เห็นด้วยกับมาตรการต่างๆ ข้างต้น
สำหรับผลกระทบจากมาตรการต่างๆ ผู้ตอบแบบสอบถามได้รับผลกระทบมากที่สุด คือห้ามเดินทางเข้า-ออกจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 49 ,ห้ามขายอาหารและนั่งรับประทานในร้าน ได้รับผลกระทบ ร้อยละ 48, งดการละหมาดในมัสยิด ร้อยละ 40 ส่วนมาตรการอื่นๆ ได้รับผลกระทบตั้งแต่ ร้อยละ 39 ลดหลั่นลงมาถึงร้อยละ 22 ตามลำดับ
ความคิดเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อมาตรการต่างๆ เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนรอมฎอน ได้แก่ จำเป็นต้องมีมาตรการการควบคุมโรคติดต่อ มีผู้เห็นด้วยร้อยละ 94 การงดเว้นกิจกรรมการละศีลอดที่มัสยิด เห็นด้วย ร้อยละ76, การงดเว้นการละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด เห็นด้วยร้อยละ 72, มาตรการการงดเว้นการเอี๊ยะติกาฟในช่วงสิบคืนสุดท้ายของเดือนรอมฎอน เห็นด้วยร้อยละ 71, การงดเว้นการละหมาดตะรอเวียะฮ์ในเดือนรอมฎอน เห็นด้วยร้อยละ 68, การงดเว้นการร่วมละหมาดห้าเวลาที่มัสยิด เห็นด้วยร้อยละ 66, และการปิดตลาดรอมฎอน เห็นด้วยร้อยละ 65 ตามลำดับ
และเมื่อสอบถามถึงผลของโรคระบาดต่อสุขภาพจิต ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 83-91 ตอบว่ามีความกังวลใจ ทั้งนี้เนื่องจากการรับรู้ข่าวสารมากเกินไป ซึ่งมีข้อน่าสังเกตว่าผู้มีรายได้น้อยมีความรู้สึกกังวลใจหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตน้อยกว่าผู้มีรายได้มาก
สำหรับมาตรการที่จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าคือมาตรการช่วยเหลือ และประชาชนส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ80 ตอบว่าเห็นสมควรใช้มาตรการในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกไปอีก 1 เดือน และควรมีมาตรการการในการเปิดตลาดในช่วงเดือนรอมฎอนที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม