เหตุการณ์คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบยิงลุงกับป้าเสียชีวิตคาถนนในอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.62 ที่ผ่านมา มีความคืบหน้าสำคัญที่นำไปสู่การจับกุมคนร้ายบางส่วนได้ แต่กลับมีการสร้างข่าวโจมตีในโลกออนไลน์ จนฝ่ายความมั่นคงต้องเปิดเวทีชี้แจงถึงที่มัสยิดในหมู่บ้าน
ลุงกับป้าสองสามีภรรยาที่ถูกยิงเสียชีวิต คือ นายไพศาล จุ่งสกุล อายุ 65 ปี และ นางสุมล จุ่งสกุล อายุ 58 ปี ทั้งคู่มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 336/1 หมู่ 1 ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส โดยขณะเกิดเหตุกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากจ่ายตลาดในช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. เพราะทั้งสองเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง โดยคนร้ายมากันอย่างน้อย 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ แล้วใช้อาวุธปืนพกขนาด 9 มม.ยิงใส่จนเสียชีวิตทั้งคู่ เหตุเกิดบนถนนสายฮูรูปาเระ–จุฬาภรณ์ ท้องที่บ้านฮูรูปาเระ หมู่ 1 ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้ชิงรถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย
รถจักรยานยนต์คันนี้ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีดำแดง หมายเลขทะเบียน 1กง 4260 นราธิวาส ซึ่งต่อมาฝ่ายความมั่นคงได้ขึ้นบัญชีเป็นรถเฝ้าระวัง อาจถูกนำไปประกอบระเบิดเป็นมอเตอร์ไซค์บอมบ์ (อ่านประกอบ : ประกบยิง 2 สามีภรรยาสูงวัย ชิงมอเตอร์ไซค์สงสัยใช้ทำระเบิด)
เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะได้เบาะแสของคนร้าย และจับกุมตัวผู้ต้องหาได้บางส่วน ล่าสุดได้ควบคุมตัว น.ส.การีมะห์ กาเนะ ผู้ต้องสงสัยที่ร่วมก่อเหตุ กระทั่งเจ้าตัวยอมรับสารภาพ แต่ในโลกออนไลน์กลับมีการปล่อยข่าวจากบางเพจ โดยเฉพาะเพจที่อ้างว่าเป็นเครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากกฎหมายพิเศษ กล่าวหาโจมตีเจ้าหน้าที่ว่าควบคุมตัว น.ส.การีมะห์ โดยมิชอบ และไม่ยอมให้ญาติ โดยเฉพาะลูกเล็กๆ 2 คนเข้าเยี่ยม ผิดหลักมนุษยธรรม ซึ่งข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริง
ทำให้ พ.อ.อิศรา จันทะกระยอม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 จัดเวทีเปิดเผยความจริง ที่มัสยิดบ้านบาโงแยะ ตำบลบาโงสะโต อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยมีชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่นเข้าร่วมรับฟังกว่า 200 คน
พ.อ.อิศรา ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ญาติของ น.ส.การีมะห์ นำลูกที่ยังเล็กทั้ง 2 คนเข้าเยี่ยมได้ตามปกติ และดูแลทุกอย่างแม้กระทั่งการประกอบศาสนกิจและละหมาด ก็ให้ปฏิบัติได้ครบตามหลักศาสนา แต่ไม่สามารถให้ลูกซึ่งยังเล็กทั้ง 2 คนอยู่ร่วมกับ น.ส.การีมะห์ ผู้เป็นมารดาได้ เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจมีการนำไปบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกว่ามีการควบคุมตัวเด็กเล็ก
ขณะที่ น.ส.การีมะห์ ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า ยอมรับสารภาพว่าตนมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ฆ่าลุงกับป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งจริง โดยทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตไปดัดแปลงสภาพ จากนั้นตนกับสามี คือ นายอารือพัน สาเมาะ หนึ่งในผู้ต้องหา และยังคงหลบหนี ได้นำรถจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงสภาพเสร็จแล้วไปส่งให้กลุ่มบุคคลที่ตนไม่รู้จัก ที่ปอเนาะบ้านทุ่งโต๊ะดัง หมู่ 8 ตำบลบางปอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส โดยสามีขี่รถจักรยานยนต์ของตนเองตามไปด้วย เมื่อตนส่งรถดัดแปลงเสร็จ ก็กลับออกมา นั่งซ้อนท้ายรถสามีกลับบ้าน
พ.อ.อิศรา ยังได้ทำแผนผังแสดงรายละเอียดกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุยิงลุงกับป้าชาวไทยพุทธ เพื่อให้ชาวบ้านได้รับทราบข้อเท็จจริงในคดีร่วมกัน สรุปก็คือคนร้ายมีด้วยกัน 15 คน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้แล้ว 10 คน ส่วนอีก 5 รายยังคงหลบหนี โดยมี นายสือดี ปูเต๊ะ หรือ อาบู เป็นผู้สั่งการ โดย นายสือดี เป็นแกนนำผู้ก่อความไม่สงบระดับพื้นที่ และมีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายหมาย
สำหรับผลตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนที่ใช้ยิงลุงกับป้า นายไพศาล และนางสุมล จุ่งสกุล ถูกยิงมาจากอาวุธปืนที่มีประวัติก่อเหตุรุนแรงมาแล้วอย่างน้อย 8 คดี ทั้งหมดเป็นคดียิงชาวบ้านไทยพุทธและเจ้าหน้าที่รัฐกับครอบครัว มีรายละเอียดดังนี้
คดีที่ 1 ยิง นายสิงหา ราชสุวรรณ และ น.ส.ดวงดาว เชาว์สุโข เสียชีวิตบนถนนสายมะนังตายอ–โคกสุมุ บ้านทุ่งโต๊ะดัง หมู่ 8 ตำบลบางปอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 15 ต.ค.55
คดีที่ 2 ยิง นายสุดิง พงค์ษา รปภ.โรงน้ำแข็ง เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้าน หลังสถานีอนามัยตำบลลำภู หมู่ 3 ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.55
คดีที่ 3 ยิง น.ส.ปรีดาภรณ์ เล็กกระสัน เสียชีวิต ก่อนชิงรถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปด้วย เหตุเกิดบนถนนสายใหม่ อำเภอเมืองนราธิวาส-บ้านตอหลัง ท้องที่หมู่ 6 บ้านทำเนียบ ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.55
คดีที่ 4 ยิง น.ส.สุธิดา ตังใจ นักศึกษามหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดขณะขี่รถจักรยานยนต์บนถนนสายโคกสุมุ-เขากง หมู่ 6 ตำบลลำภู อำภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 2 พ.ย.57
คดีที่ 5 ยิง อส.ทพ. (อาสาสมัครทหารพราน) มะลุย มะดิง เสียชีวิต เหตุเกิดขณะขับรถยนต์กับภรรยาเพื่อไปกรีดยางพารา บนถนนจารุเสถียร บ้านลูโบะดีแย หมู่ 6 ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 5 ก.พ.58
คดีที่ 6 ยิง อส. (อาสารักษาดินแดน) มะนาปี สุหลง อส.ประจำที่ว่าการอำเภอเจาะไอร้อง เสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนสายเจาะไอร้อง-บ้านป่าไผ่ หมู่ 7 ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.58
คดีที่ 7 ยิงใส่ฐานปฏิบัติการ กองร้อยทหารพรานที่ 4504 ตั้งอยู่บริเวณโรงเรียนบ้านไอปาเซ หมู่ 8 ตำบลตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 พ.ย.61
คดีที่ 8 ยิงนายไพศาล และ นางสุมล จุ่งสกุล สองสามีภรรยา เสียชีวิต บนนถนนบ้านฮูลูปาเระ–จุฬาภรณ์ ท้องที่หมู่ 1 ตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.62
เป็นที่น่าสังเกตว่าอาวุธปืนกระบอกนี้ถูกใช้วนเวียนอยู่ในอำเภอเมือง อำเภอระแงะ และอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพื้นที่เขตติดต่อกัน โดย 7 จาก 8 เหตุการณ์เป็นการยิงคน และเสียชีวิตทุกครั้ง รวมแล้ว 9 ราย
อีกด้านหนึ่ง พล.ต.สมดุลย์ เอี่ยมเอก ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ได้ไปตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ซึ่งเปิดเป็นศูนย์ซักถามด้วย จากนั้นได้ร่วมพูดคุยซักถาม น.ส.การีมะห์ พร้อมแสดงความห่วงใย รวมทั้งพูดถึง นายอารือพัน สาเมาะ สามีของ น.ส.การีมะห์ ซึ่งหลบหนีเข้าไปในประเทศมาเลเซีย โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม ขอให้กลับมาสู้คดีตามกฎหมาย
ขณะที่ น.ส.คอลีเยาะ หะหลี แกนนำสตรีอาสาคลายทุกข์จังหวัดชายแดนภาคใต้ อดีตครอบครัวผู้สูญเสียจากสถานการณ์ความไม่สงบ กล่าวว่า ตั้งใจมาเยี่ยมผู้ที่ถูกจับกุม และสังเกตการณ์ศูนย์ซักถาม หลังติดตามข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊คที่ลงบิดเบือน
"ถ้าเราอ่านแล้วสับสน เราต้องสัมผัสด้วยตัวเอง เราต้องเปิดโอกาสสัมผัสพื้นที่โดยตรง คุยกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติโดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง ปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนหนึ่งเกิดจากการอ่านและการฟังข้อมูลที่ขาดการกลั่นกรอง อ่านหัวข่าวก็ตัดสินไปแล้ว เราต้องตรวจสอบพูดคุยกับเจ้าตัวโดยตรง เพราะจะได้ข้อมูลที่เป็นจริงมากที่สุด ส่วนข้อมูลในโลกโซเซียลฯ เราต้องดูว่าเป็นความจริงหรือไม่ หรือปล่อยข่าวออกมาสร้างความแตกแยก" น.ส.คอลีเยาะ กล่าว
แกนนำสตรีอาสาคลายทุกข์ฯ ยังเรียกร้องทิ้งท้ายว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพบความเกี่ยวข้อง 2-3 อย่างที่น่าสนใจ คือ มีการใช้ผู้หญิงมาร่วมก่อเหตุ และใช้สถานศึกษา (ปอเนาะ) ในการซุกซ่อนของกลาง ซึ่งไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำอีก โดยเฉพาะปอเนาะเป็นสถานที่บริสุทธิ์ ไม่ควรใช้เอาปอเนาะสร้างความแตกแยก และปอเนาะควรเป็นสถานที่ปลอดภัย
--------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ผบ.ฉก.นราธิวาส พูดคุยกับ น.ส.การีมะห์
2 มุมต่างๆ ภายในศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45