มีความคืบหน้าคดีลอบวางระเบิดหน้าสถานที่ราชการและย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เมื่อวันที่ 1-2 ส.ค.62 นับถึงขณะนี้ผ่านมาแล้ว 1 เดือนเต็ม ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาตามคำร้องของตำรวจแล้ว 14 คน 26 หมาย
หมายจับล่าสุดที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขออนุมัติจากศาลอาญา คือหมายจับที่ออกเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ก.ย.62 มีจำนวน 5 หมาย ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายมะยากี มะลาซิง อายุ 25 ปี จำนวน 2 หมาย นายอุสมาน เจ๊ะเต๊ะ อายุ 30 ปี นายศรัทธา อาแว อายุ 29 ปี และ นายสุกรี ดือรามัน อายุ 25 ปี คนละ 1 หมาย
โดยทั้งหมดโดนตั้งข้อหาเป็นอั้งยี่, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์, กระทำให้เกิดระเบิดจนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น, ทำ ใช้ มีไวในครอบครองซึ่งวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, พกพาอาวุธ (ระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์
สำหรับผู้ต้องหาที่โดนหมายจับมากกว่า 1 หมาย แสดงว่าตำรวจมีหลักฐานว่าก่อเหตุระเบิดมากกว่า 1 จุด
ตั้งแต่หลังเกิดเหตุเมื่อวันที่ 1 และ 2 ส.ค. ตำรวจได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง ล็อตแรกคือ นายลูไอ แซแง กับ นายวิลดัน มาหะ ซึ่งทั้งคู่ถูกจับกุมได้ที่สี่แยกปฐมพร อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ขณะนั่งรถบัสโดยสารลงใต้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดว่าทั้งคู่เป็นคนร้ายที่พยายามลอบวางระเบิดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่านถนนพระรามที่ 1 เมื่อวันที่ 1 ส.ค.
จากนั้นวันที่ 14 ส.ค. ศาลได้อนุมัติหมายจับอีก 12 หมาย ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย นายอัสมี อาบูวะ 3 หมาย นายอุสมาน เปาะลอ 3 หมาย นายอาแซ แบเลาะ 4 หมาย และ นายอัมรี มะมิง 2 หมาย
วันที่ 20 ส.ค. ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับอีก 6 หมาย ผู้ต้องหา 3 คน คือ นายอุสมัน ลาเตะ นายฮาซัน อาแว คนละ 1 หมาย และ นายนัสรู มะประสิทธิ์ 4 หมาย
วันที่ 30 ส.ค. ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ 1 หมาย ผู้ต้องหาจำนวน 1 คน คือ นายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ รายนี้ถูกควบคุมตัวตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค. ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์ข้ามพรมแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านศุลกากรสุไหงโกลก อำเภอสุไหงโกล จังหวัดนราธิวาส แต่เจ้าหน้าที่สกัดจับได้เสียก่อน
และล่าสุดวันที่ 2 ก.ย. ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับอีก 5 หมาย ผู้ต้องหา 4 คน รวมหมายจับทั้งหมด 26 หมาย ผู้ต้องหา 14 คน จับกุมได้ 3 คน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องผ่านมายัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ได้ทำงานกันอย่างเต็มกำลังความสามารถ เข้มข้นจริงจังในการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานและเร่งรัดออกติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งย้ำว่าแม้จะต้องทำงานแข่งกับเวลา แต่ก็ต้องยึดระเบียบกฎหมาย ตลอดจนหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ โดยจะต้องไม่มีการจับแพะอย่างเด็ดขาด
วันเดียวกัน ตำรวจได้ส่งตัว นายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ หรือ "แบลี" จากโรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา ขึ้นเครื่องบินมาส่งตัวให้พนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินคดีต่อ โดยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดและตรวจร่างกายอย่างละเอียดทุกขั้นตอน
แนวทางการสืบสวนของตำรวจพบว่า นายมูฮัมมัดอิลฮัม มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหน้าป้ายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ถนนศรีสมาน อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี และยังรับหน้าที่นำระเบิดไปส่งให้กับเพื่อนร่วมขบวนการนำไปก่อเหตุตามจุดต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่าเป็นคนชี้เป้าและอาจจะร่วมประกอบระเบิดด้วย
หลังเสร็จภารกิจ นายมูฮัมมัดอิลฮัม ซึ่งเป็นชาวอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ได้หลบหนีลงพื้นที่ชายแดนใต้ และเตรียมข้ามไปกบดานยังประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถูกจับกุมได้คาด่านศุลกากรสุไหงโกลก ขณะกำลังทิ้งรถจักรยานยนต์วิ่งหลบหนี
นายมูฮัมมัดอิลฮัม ถูกควบคุมโดยอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระทั่งผ่านกระบวนการซักถามและรวบรวมพยานหลักฐานมากพอ เจ้าหน้าที่จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 30 ส.ค. และส่งตัวให้กองปราบปรามดำเนินคดีต่อในวันที่ 2 ก.ย. แม้เจ้าตัวจะยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการก่อเหตุระเบิดเลยก็ตาม
-------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ผู้ต้องหา 4 คนล่าสุดที่ถูกออกหมายจับ
2 นายมูฮัมมัดอิลฮัม สะอิ