
แม่ทัพภาค 4 ขอตรวจสอบ อินโฟฯเทียบ “เขมร - BRN” ความเหมือนที่ลงตัว หลังโดนวิจารณ์สนั่น เหตุแซะขบวนการแยกใต้ทำตัวเหมือนกัมพูชา ลุกลามกล่าวหาเอ็นจีโอตกเป็นเครื่องมือด้อยค่ารัฐบาลไทย นักวิชาการเตือนสงครามคนละแบบ เทียบกันไม่ได้ ระวังยิ่งเสียแนวร่วม
จากกรณีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) เผยแพร่ข้อมูลเชิงเปรียบเทียบ โดยทำเป็นอินโฟกราฟฟิกในหัวข้อ “ความเหมือนที่ลงตัว ระหว่างเขมร กับ BRN” ในทำนองว่าเป็นศัตรูกับรัฐไทย ริเริ่มใช้ความรุนแรงก่อน แต่ใช้วิธีการรบนอกกติกา ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ บิดเบือนประวัติศาสตร์ ปลุกระดมผู้คนด้วยข้อมูลผิดๆ และใช้เอ็นจีโอทั้งในและต่างปรเทศสร้างคอนเทนต์ด้อยค่ารัฐบาลไทย โดยทาง กอ.รมน.ทำกราฟฟิกนี้ไปเผยแพร่ในเพจของหน่วยงาน จนสร้างกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เบื้องต้นหลายคนไม่เชื่อว่า หน่วยงานความมั่นคงชั้นนำของประเทศอย่าง กอ.รมน. จะทำเรื่องแบบนี้ จึงสงสัยว่าเป็นเฟกนิวส์หรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบช่องทางการเผยแพร่ ก็เป็นเพจเฟซบุ๊ก และแพลตฟอร์มออนไลน์ทางการของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. โดยไม่มีการพยายามลบหรือปิดกั้นการเผยแพร่ข้อมูลนี้ ทำให้ต้องเชื่อไว้ก่อนว่าเป็นอินโฟกราฟฟิกที่จัดทำโดยหน่วยงานรัฐจริงๆ

“ทีมข่าวอิศรา” สอบถามไปยัง พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.รมน.ภาค 4 ได้รับคำตอบเพียงสั้นๆ เหมือนตอนที่ถูกถามเรื่องอื่นๆ ว่า “ขอตรวจสอบข้อมูลก่อน”
@@ เจ้าหน้าที่ด้วยกันยังรับไม่ได้
ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองด้านความมั่นคงในพื้นที่ ยอมรับว่า อินโฟกราฟฟิกนี้เป็นของจริงที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่ในเว็บไซต์ของหน่วยงาน
“เห็นแล้วสงสัยไม่หายว่าทำไปเพื่อหวังผลอะไร เพราะมันแสดงวิสัยทัศน์ที่แย่หลายด้าน เชื่อว่าเรื่องนี้จะถูกตำหนิมากกว่าถูกชม เพียงแค่ต้องการเกาะกระแส แต่ไปด้อยค่าคนอื่นแบบไม่สมเหตุสมผล และไม่สมควรกระทำ”
@@ หวังด้อยค่า BRN แต่มองไม่เห็นยุทธศาสตร์
จากการสอบถามไปยังประชาชนกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจความเคลื่อนไหวของฝ่ายความมั่นคง ได้รับคำตอบคล้ายๆ กันว่า ทุกวันนี้เพจเฟซบุ๊กของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. มักจะโพสต์ประเด็น “เกาะกระแส” บ่อยๆ อาจจะเพื่อหวังยอดวิว แต่ก็ทำให้เห็นความเสื่อมของงานทางยุทธวิธี และการทำงานที่ไม่มียุทธศาสตร์
“เชื่อว่าความต้องการของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. คือทำลายความชอบธรรมและภาพลักษณ์ของ BRN อย่างจงใจ แต่คนจำนวนมากรู้ดีว่ามันจริงหรือไม่จริง หรือว่าฝ่ายรัฐเองหรือเปล่าที่กำลังบิดเบือน ต้องการทำสงครามข่าวสาร โดยเฉพาะการอ้างว่า BRN บิดเบือนประวัติศาสตร์ ทั้งๆ ที่ประวัติศาสตร์มีหลายมิติ จะอ้างว่าของตนถูกต้องเพียงฝ่ายเดียวคงไม่ได้”
@@ “พรเพ็ญ” ถามหาความเหมาะสม

ขณะที่ นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ออกแถลงการณ์ในนามมูลนิธิ สรุปว่า ขอตั้งคำถามต่อชิ้นงานนี้ถึงความเหมาะสมว่าหน่วยงานรัฐที่ทำหน้าที่ในการจัดการปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีมากว่า 20 ปี กำลังมุ่งสร้างความเกลียดชังต่อฝ่ายตรงข้ามกับตน และด้อยค่าชีวิตและเสียงของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางอาวุธ รวมถึงเชื่อมโยงไปยังความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาอย่างผิดฝาผิดตัวหรือไม่
@@ ภาคประชาชนฉะ “เสียมากกว่าได้”
ความเห็นจากภาคประชาชนที่ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดในพื้นที่อย่าง บุษยมาส อิศดุลย์ ประธานกลุ่มบ้านบุญเต็ม กล่าวว่า “เสียมากกว่าได้ เท่ากับไปยกระดับ BRN ให้เท่าเขมร เขมรมันคนละเรื่อง นั่นมันต่างชาติ นี่มันปัญหาภายใน ไปยกแบบนี้ BRN ยิ้มเลย แสดงว่ามันใกล้เคียงรัฐชาติแล้ว”
@@ “ฐิติวุฒิ” ชี้สงครามคนละแบบ - ไทยเสี่ยงเสียแนวร่วม

รศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร นักวิชาการที่ศึกษาด้านการก่อความไม่สงบ และเชี่ยวชาญด้านกลุ่มชาติพันธุ์ กล่าวกับ “ทีมข่าวอิศรา” ว่า การเปรียบเทียบลักษณะนี้ต้องระมัดระวัง เพราะแรงขับเคลื่อนของสงครามและความขัดแย้งทั้งสองเรื่อง เป็นคนละแบบกัน
“สงครามกลางเมือง หรือสงครามภายในรัฐ มีความซับซ้อนมากกว่าสงครามระหว่างประเทศ ทั้งในแง่ของเงื่อนไขความขัดแย้ง เช่น ประวัติศาสตร์ มิติทางด้านเศรษฐกิจ หรือมิติทางด้านนโยบายและการปฎิบัติของรัฐ แต่เงื่อนไขปัจจุบันอาจจะมีในเรื่องของแนวความคิดสุดโต่งทางด้านชาติพันธุ์ศาสนามาผสมอยู่ด้วย ซึ่งอาจจะถือเป็นเรื่องใหม่ แต่การใช้นโยบายแบบเหมารวมเปรียบเทียบกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ (ไทย-กัมพูชา) กับปัญหาภายในประเทศ ทำให้เสียโอกาสในการมองมิติที่ซับซ้อน”
อาจารย์ฐิติวุฒิ ยังตั้งข้อสังเกตว่า คำว่า “เอ็นจีโอ” ที่ กอ.รมน.ภาค 4 สน. นำมาอ้างถึงพฤติกรรมด้อยค่ารัฐบาลไทย ถือว่าเป็นการแสดงท่าทีที่ไม่เข้าใจบริบทของเอ็นจีโอ
เพราะเอ็นจีโอในมิติของการเมือง กับเอ็นจีโอในแง่ของการขับเคลื่อนในสงครามกลางเมือง มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะในปัจจุบัน ถ้าเปรียบเทียบไทยกับกัมพูชา เอ็นจีโอจะออกมาเคลื่อนไหวในรูปแบบของกลุ่มต่อต้านการใช้ “ทุ่นระเบิด” ซึ่งกลุ่มนี้อาจจะเป็นประโยชน์กับประเด็นที่ไทยขับเคลื่อนเปิดโปงกัมพูชาอยู่ การไปเหมารวมของ กอ.รมน. อาจทำให้เสียแนวร่วมไป
ในทางตรงกันข้าม บทบาทของเอ็นจีโอในแง่ของสงครามกลางเมือง ก็ต้องจำแนกอีกว่าเป็นเอ็นจีโอสายสันติภาพ และขับเคลื่อนเพื่อลดความเกลียดชังทางด้านเชื้อชาติหรือไม่ ซึ่งเอ็นจีโอกลุ่มนี้เป็นประโยชน์สำหรับมนุษยชาติ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็ยังมีกลุ่มที่เป็นปีกการเมืองขับเคลื่อนในนามของเอ็นจีโอหรือภาคประชาสังคม ซึ่งโดยมากมีท่าทีเห็นอกเห็นใจกลุ่มที่ต่อต้านรัฐไทย ฉะนั้นจะต้องจำแนกให้ชัด
สิ่งสำคัญในการเปรียบเทียบสงครามระหว่างประเทศกับสงครามกลางเมืองในลักษณะนี้ จุดตัดคือการประเมินภัยคุกคามและการแยกมิตรแยกศัตรู เพราะจะทำให้การมองทิศทางการแก้ไขปัญหาต่างกัน
