
“พ.ต.อ.ทวี” ควง “บิ๊กแป๊ะ” ว่าที่หัวหน้าคณะพูดคุยดับไฟใต้คนใหม่ ลงพื้นที่ปลายด้ามขวาน ร่วมงานบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ทั้งพิธีของศาสนาพุทธ ที่วัดตานีนรสโมสร ปัตตานี และพิธีตามหลักอิสลาม ที่สำนักงานอิสลามยะลา เจ้าตัวลั่นความรุนแรงไม่ใช่คำตอบ ถึงเวลาเปลี่ยนน้ำตาเป็นพลังแห่งการเยียวยา-สร้างสันติภาพ ขณะที่ครอบครัวเหยื่อไฟใต้สุดประทับใจ ขอบคุณรัฐไม่เคยทอดทิ้งกัน
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2568 พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม, นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เดินทางไปที่ จ.ปัตตานี เพื่อร่วมงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่วัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง อำเภอเมืองปัตตานี

พิธีครั้งประวัติศาสตร์นี้มี พระราชวัชรญาณโมลี เจ้าอาวาสวัดตานีนรสโมสร พระอารามหลวง รองเจ้าคณะภาค 18 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และมี พ.ต.อ.ทวี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4), นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี และผูัแทนจากส่วนราชการในพื้นที่ และมีครอบครัวชาวไทยพุทธผู้สูญเสียราว 1,200 คน เข้าร่วมอย่างเนืองแน่น
@@ ไฟใต้สร้างบาดแผลคนนับแสน

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า กิจกรรมสำคัญในวันนี้ คือการที่เราทุกคนมาร่วมทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่ผู้ล่วงลับ การทำบุญครั้งนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะไม่เพียงเป็นการน้อมรำลึกถึงผู้ที่จากไป แต่ยังเป็นการส่งกำลังใจให้กับครอบครัว และผู้ที่ยังอยู่กับเราทุกคน
“ตลอดกว่า 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ได้สร้างความสูญเสียมหาศาล ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมกันกว่า 20,000 คน หากนับรวมครอบครัวที่เกี่ยวข้อง ก็มีผู้ได้รับผลกระทบไม่ต่ำกว่า 200,000 คน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงตัวเลขทางสถิติ แต่คือบาดแผลที่ทุกครอบครัวในพื้นที่สัมผัสได้จริง กระสุนปืนและเสียงระเบิดอาจพรากชีวิตและความฝันของเราไป แต่สิ่งที่ไม่เคยพรากได้ คือความศรัทธา ความรัก และความหวังดีที่เรามีต่อกัน”

“วันนี้เราจึงมาร่วมกันยืนยันว่า ความรุนแรงไม่เคยสร้างคำตอบ มีเพียงฝากน้ำตาให้กับรุ่นแล้วรุ่นเล่า ถึงเวลาแล้วที่เราจะเปลี่ยนน้ำตาให้กลายเป็นพลัง…พลังแห่งการเยียวยา พลังแห่งการสร้างสรรค์ และพลังแห่งสันติภาพ”
“ในนามของรัฐบาล และหน่วยงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น กอ.รมน. ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด และ ศอ.บต. ขอยืนยันกับพี่น้องทุกครอบครัวว่า เราจะไม่ทอดทิ้งกัน ความสูญเสียของพวกท่านคือความสูญเสียของพวกเราทุกคน และสิ่งที่พวกเราทำได้ในวันนี้ คือการสานต่อความรัก ความหวัง และการสร้างสังคมที่สงบสุข เพื่อไม่ให้ความรุนแรงมาทำลายชีวิตและอนาคตของลูกหลานเราอีกต่อไป”
@@ เยาวชนจากครอบครัวผู้สูญเสีย ซาบซึ้งในน้ำใจ

ด้าน น้องนิสา ตัวแทนเยาวชนผู้สูญเสียบิดาจากเหตุระเบิดระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า ครอบครัวได้รับการดูแลและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องจากหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะการเยียวยาจาก ศอ.บต.ที่เข้ามาสนับสนุนทั้งทุนการศึกษา การดูแลด้านจิตใจ และการช่วยเหลือในด้านต่างๆ อย่างจริงจัง ทำให้ครอบครัวสามารถก้าวผ่านช่วงเวลาแห่งความสูญเสียไปได้ ตนรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณในน้ำใจที่ได้รับเป็นอย่างยิ่ง พร้อมทั้งสัญญาว่าจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ประพฤติตนเป็นคนดี และเติบโตเป็นกำลังสำคัญของสังคมในอนาคต
@@ ร่วมพิธีตามหลักอิสลาม ครอบครัวแห่ร่วมกว่า 2 พันคน

จากนั้นในช่วงบ่าย พ.ต.อ.ทวี และคณะ เดินทางต่อไปยังหอประชุมสิริสวัสดิธร สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา ต.ท่าสาป อำเภอเมืองยะลา เพื่อเป็นประธานเปิดงาน “ซอลาวาต มาฮับบะห์ นบี สร้างความรักและสร้างกำลังใจ” สำหรับครอบครัวผู้สูญเสียชาวไทยมุสลิม โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 2,000 คน
ภายในงานมีการกล่าวกอชีตะ (การสรรเสริญท่านนบีมูฮัมหมัด), ผู้นำศาสนาได้กล่าวให้กำลังใจครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ และตัวแทนเยาวชนที่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการศึกษาและการงานได้ขึ้นกล่าวแสดงความรู้สึก และขอบคุณภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือ ก่อนที่ผู้นำศาสนาจะร่วมกันดุอาอ์ขอพรให้เกิดความสันติสุขในพื้นที่
ทั้งสองกิจกรรมจัดขึ้นเพื่อเยียวยาจิตใจและตอกย้ำความสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข จากการเปิดตัวเลข 22 ปี ความสูญเสีย ตั้งแต่ปี 2547–2568 พบว่าเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านการรับรองสามฝ่าย รวมทั้งสิ้น 10,059 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 5,989 คน แบ่งเป็น ศาสนาอิสลาม 3,133 คน (สูงที่สุด), ศาสนาพุทธ 2,849 คน, ศาสนาคริสต์ 7 คน
นอกจากนั้นยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บรวม 13,445 คน แบ่งเป็น ศาสนาพุทธ 8,792 คน (มากที่สุด) ศาสนาอิสลาม 4,645 คน และศาสนาคริสต์ 8 คน
อ่านประกอบ : สถิติไฟใต้ก่อนทำบุญใหญ่ทุกศาสนา เหยื่อสังเวยชีวิต 5.9 พันศพ!
@@ พร้อมใจกล่าวขอบคุณ ขอให้จัดแบบนี้อีกทุกปี

บรรยากาศภายในงาน “ซอลาวาต มาฮับบะห์ นบี สร้างกำลังใจ สร้างสันติสุข” ที่จัดขึ้น ณ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา เต็มไปด้วยความรู้สึกปลาบปลื้มใจจากครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบ หลายคนได้ออกมาแสดงความรู้สึกว่า งานครั้งนี้ได้สร้างความสุขและกำลังใจให้กับพวกเขาอย่างแท้จริง
นางสาวอิลฮาม กูมอ ผู้ได้รับผลกระทบจาก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส กล่าวว่า “งานวันนี้ดีมาก จัดรวมกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ ขอให้มีการจัดแบบนี้ทุกปี”
นายสุทธิศักดิ์ หมีนเส็น จาก อ.จะนะ จ.สงขลา บอกว่า “รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมกิจกรรม” เช่นเดียวกับ นางแยนะ ลางิง จาก อ.ยะหา จ.ยะลา ที่กล่าวว่า “รู้สึกดีใจมาก มีความสุขมากที่มีการจัดงานแบบนี้ให้พวกเราได้มาเจอกัน ได้มาคุยกัน สะท้อนว่ารัฐไม่ทอดทิ้ง หรือหลงลืมพวกเรา”
ระหว่างการพบปะกับพี่น้องประชาชนทั้งสองศาสนา พ.ต.อ. ทวี ยังได้กล่าวถึงคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพ/สันติสุข ซึ่งมีข่าวรัฐบาลกำลังจะแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในเร็ววันนี้ว่า จะมีตัวแทนจากทุกฝ่ายเข้าร่วม โดยเฉพาะตัวแทนสตรีจาก จ.ปัตตานี (ผู้ใหญ่บ้านใน อ.ปะนาเระ) ถือเป็นสัญญาณที่ดีของการทำงานเพื่อสันติภาพในพื้นที่
พร้อมกันนี้มีการแนะนำ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่ามีชื่อเป็นหัวหน้าคณะพุดคุยฯคนใมห่ กำลังรอรัฐบาลลงนามด้วย
อ่านประกอบ : จ่อตั้ง “บิ๊กแป๊ะ” หัวหน้าพูดคุยดับไฟใต้ หลัง “อันวาร์” สะกิด
@@ ถอดบทเรียนสันติภาพอาเจะห์ - ไอร์แลนด์

รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า ตัวเลขความสูญเสียหลักหมื่น และผู้ได้รับผลกระทบมากกว่า 200,000 คน สะท้อนว่าความรุนแรงส่งผลกระทบต่อผู้คนทุกศาสนาอย่างลึกซึ้ง และถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนความรุนแรงให้เป็นพลังเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขให้กับประชาชน
“สาเหตุที่ได้เชิญ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ซึ่งมีประสบการณ์ในพื้นที่ มาร่วมงานครั้งนี้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่าการใช้ไฟดับไฟ คือการใช้ความรุนแรง ไม่ก่อผลดี” พร้อมทั้งบอกว่า แนวทางการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในอนาคต จะขยายโอกาสให้ครอบครัวที่มีศักยภาพได้ไปประกอบพิธีฮัจย์ และจะมีการนำแนวทางซอฟต์พาวเวอร์มาใช้ในการดูแลด้วย
อนึ่ง พล.อ.นิพัทธ์ สมัยที่ยังรับราชการทหาร เคยมีส่วนร่วมในกระบวนการสันติภาพอาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย โดยเป็นคณะผู้สังเกตการณ์การวางอาวุธและหยุดยิง ในกระบวนการสันติภาพ กระทั่งประสบความสำเร็จในท้ายที่สุด
ขณะที่กิจกรรมการทำบุญให้กับผู้สูญเสีย โดยจัดกิจกรรมให้กับทุกศาสนา และเปิดให้คนต่างศาสนา หรือต่างนิกาย ได้รับรู้ถึงความสูญเสียของอีกฝ่าย เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสันติภาพ ซึ่งเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในหลายพื้นที่ขัดแย้งของโลก เช่น ไออาร์เอ หรือความขัดแย้งในไอร์แลนด์เหนือ ที่มีการต่อสู้ของชาวไอริช เพื่อแยกตัวเป็นอิสรภาพจากจักรวรรดิอังกฤษ ซึ่งมีผู้สูญเสียนับพันศพเช่นกัน
