
“พ.ต.อ.ทวี” ตัวแทนรัฐบาลลงพื้นที่ชายแดนใต้ ซับน้ำตาพี่น้องไทยพุทธ ประชุมทุกหน่วยงานความมั่นคงนราธิวาส สั่งยกระดับมาตรการเข้มทั้งจังหวัด เน้นฟื้นฟูขวัญกำลังใจประชาชน พร้อมคลี่คลายสถานการณ์ให้ได้อย่างเป็นระบบ ลั่น “พูดคุยเจรจา” คือนโยบาย แต่เฉพาะหน้าต้องสถาปนาความปลอดภัยให้เกิดขึ้น
วันจันทร์ที่ 5 พ.ค.68 แม้เป็นวันหยุดราชการ แต่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามการแก้ไขสถานการณ์ความรุนแรงที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง และเยี่ยมให้กำลังใจชุมชนชาวพุทธที่ตกเป็นเป้าหมายถูกทำร้ายมาตลอดกว่าครึ่งเดือนที่ผ่านมา
โดย พ.ต.อ.ทวี นับเป็นรัฐมนตรีคนแรกในรัฐบาลที่ลงพื้นที่ ตั้งแต่เกิดเหตุรุนแรงต่อเนื่องหลังช่วงหยุดยาวสงกรานต์
จุดแรก พ.ต.อ.ทวี เดินทางไปที่หน่วยเฉพาะกิจจังหวัดนราธิวาส ต.กะลุวอ อำเภอเมือง จ.นราธิวาส โดยได้ประชุมติดตามสถานการณ์กับหน่วยงานความมัน่คงทุกหน่วย พร้อมวางแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยมี พล.ต.ณรงค์ ตันติศิริพร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส พร้อมด้วย นายวิชาญ ชัยเศรษฐสัมพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.ไมตรี สันตยากุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ในที่ประชุม พ.ต.อ.ทวี ได้ติดตามสถานการณ์และหารือการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ โดยหน่วยที่รับผิดชอบได้ชี้แจงมาตรการรักษาความปลอดภัย สถานการณ์ด้านการข่าวในห้วงเดือน เม.ย.ถึงปัจจุบัน พร้อมเปรียบเทียบสถิติเหตุการณ์ในพื้นที่ ตั้งแต่ ปี 2565 จำนวน 44 เหตุการณ์, ปี 2566 จำนวน 38 เหตุการณ์, ปี 2567 จำนวน 39 เหตุการณ์ และปี 2568 จำนวน 38 เหตุการณ์ ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์มีการก่อเหตุรุนแรงต่อกลุ่มไทยพุทธ, เจ้าหน้าที่รัฐและฐานปฏิบัติการ
โดยทางจังหวัดนราธิวาสได้ประกาศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั่วทั้งจังหวัด หลังเกิดเหตุรุนแรงต่อประชาชนไทยพุทธในพื้นที่ อ.ตากใบ และ อ.จะแนะ โดยมีคำสั่งให้ทุกอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนและป้องกันเหตุซ้ำ พร้อมกำชับให้ทุกพื้นที่ดำเนินมาตรการเชิงรุก รวมถึงการจัดชุดลาดตระเวน การเพิ่มจุดตรวจจุดสกัด และการดูแลพื้นที่เสี่ยงตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะบริเวณที่มีการจัดกิจกรรมสาธารณะ หรือมีประชาชนรวมตัวเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ จังหวัดขอความร่วมมือจากผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนทุกภาคส่วนในการสอดส่องดูแลความปลอดภัย และแจ้งเบาะแสหากพบสิ่งผิดปกติ เพื่อร่วมกันรักษาความสงบเรียบร้อยของพื้นที่
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ และมุ่งมั่นในการคลี่คลายปัญหาความไม่สงบอย่างเป็นระบบ พร้อมเน้นย้ำการฟื้นฟูขวัญและกำลังใจของประชาชน ขอให้เชื่อมั่นในการดูแลรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยรัฐบาลพร้อมให้กำลังใจและรับฟังความเห็นของทุกคนเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่ให้ตรงจุดและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ภายหลังจากประชุม พ.ต.อ.ทวี ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ ต่อด้วยช่วงบ่ายได้ลงพื้นที่วัดสิทธิสารประดิษฐ์ หรือ วัดโคกยาง ต.โฆษิต และวัดโคกมะม่วง ต.พร่อน อ.ตากใบ เพื่อเป็นประธานในพิธีฌาปณกิจศพ นายแดง ตุนาสุข นายดำ จันทร์คง และด.ญ.สสิตา จันทร์คง ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่ อ.ตากใบ เมื่อวันที่ 2 พ.ค.68 พร้อมพบปะให้กำลังใจพี่น้องไทยพุทธและประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนเกิดความอุ่นใจ และนำความห่วงใยของรัฐบาลแจ้งต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ทุกคน
@@ เจรจาคือนโยบาย “พื้นที่ปลอดภัย” คือความเร่งด่วน!

พ.ต.อ.ทวี ได้เดินทางไปเยี่ยมปลอบขวัญเจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบ จำนวน 6 ราย ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเมือง จ.นราธิวาส คือ
1.นายทัศไนย์ ตั้งคง ที่ได้รับบาดเจ็บจากพื้นที่ อ.จะแนะ
2.ด.ต.สาธิต คำแหง
3. ด.ต.ธีรวัฒน์ จอดนอก
4.จ.ส.ต.สาคร รัตนศิริ
5.ส.ต.ท.ธีปกรณ์ ชูสิงห์ ถูกสะเก็ดระเบิดพื้นที่ อ.จะแนะ
6. ด.ญ.นัชมีย์ ศรีมารักษ์ อายุ 15 ปี ซึ่งถูกสะเก็ดระเบิดที่ สภ.โคกเคียน
โดย พ.ต.อ.ทวี ได้พูดคุยให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด เป็นกันเองทุกคน และมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อบำรุงขวัญ พร้อมบรรเทาความเดือดร้อน
พ.ต.อ.ทวี ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกระแสเรียกร้องให้เปิดโต๊ะพูดคุยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ โดยบอกว่า การพูดคุยเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะการจะนำสันติภาพและสันติสุขให้เกิดขึ้น ก็ต้องหันหน้ามาคุยกัน และที่สำคัญก็คือความปลอดภัยในในชีวิตและทรัพย์สินของทุกคนซึ่งมีความสำคัญที่สุด ต้องเร่งแก้ไขโดยเร็ว ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่และในประเทศ
“เรื่องการพูดคุยมีหลายทฤษฎีในการคิด ก็ขอให้อยู่ในวงนโยบายของรัฐบาล” พ.ต.อ.ทวี ระบุ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยังกล่าวถึงความรุนแรงที่มีแนวโน้มไปยังพี่น้องชาวไทยพุทธ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ว่า “แน่นอนที่สุด ทางฝั่งรัฐเองมีนโยบายต้องเข้าไปคุ้มครองชุมชนไทยพุทธ และการคุ้มครองก็ไม่เฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐ แม้แต่ผู้นำศาสนาก็ต้องไปสร้างความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้เป็นเรื่องศาสนา และที่สำคัญเราก็ต้องดูว่า ไม่ใช่ไทยพุทธอย่างเดียว กลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เราต้องดูเรื่องเศรษฐกิจก็ให้อยู่ได้ด้วย ต้องมีการยกระดับ ส่วนโปรแกรมนั้นอาจจะมีเยอะ แต่ในระยะแรกคือดูในมิติของความยุติธรรม แต่ในมิติเชิงนโยบายที่ต้องมาแก้เฉพาะหน้า”
“วันนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความทุกข์ของประชาชน เราต้องเร่งแก้ โดยเฉพาะพี่น้องไทยพุทธ เราต้องเปิดพื้นที่ให้เขาได้รับรู้ว่า รัฐบาลแก้ปัญหาอะไร และต้องเน้นย้ำให้เขาได้ระวังตัวด้วย บางทีถ้าเขาไม่ป้องกัน ไม่ระวังตัว เพราะความที่ต้องอยู่รอดทางเศรษฐกิจ เราก็ต้องเข้าใจ และต้องทำควบคู่กันไป คือดูแลความปลอดภัย และทำให้ประชาชนมีชีวิต ทำมาหากินได้”
@@ ประธานรดน้ำศพ “ตำรวจกล้า” ปูนบำเหน็จ 7 ชั้นยศ

ที่วัดบางนรา ต.บางนาค อำเภอเมือง จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ทวี เดินทางไปเป็นประธานในพิธีรดน้ำศพ ส.ต.ท.ภคพงศ์ สุวรรณชะนะ อายุ 27 ปี ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส (ผบ.หมู่ กก.ปพ.ภ.จว.นราธิวาส) ที่เสียชีวิตจากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในกล่องควบคุมกล้องวงจรปิด บริเวณบ้านไอร์ซือเระ ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา
โดย พ.ต.อ.ทวี เป็นผู้แทนวางหรีดเคารพศพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในพิธีรดน้ำศพ มี นายนายกฤษณนันท์ กำไร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ตลอดจนผู้บังคับบัญชาระดับสูง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองเข้าร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของ ส.ต.ท.ภคพงศ์ เป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้นได้มีการมอบเหรียญบางระจันและใบประกาศเชิดชูเกียรติในการประกอบคุณงามความดี และความเสียสละแก่วงศ์ตระกูล พร้อมมอบเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานและส่วนราชการต่างๆ ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต เพื่อเป็นการปลอบขวัญ จากนั้นประธานในพิธีตลอดจนผู้เข้าร่วมพิธีได้ร่วมรดน้ำศพ ส.ต.ท.ภคพงศ์ ก่อนจะเคลื่อนศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ที่ ต.ระโนด อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งเป็นภูมิลำเนา อย่างสมเกียรติ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการดูแลเยียวยากรณี ส.ต.ท.ภคพงศ์ โดยเสนอปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนเป็นกรณีพิเศษ โดยขอเลื่อนเงินเดือนให้ 7 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น พ.ต.ต. รวมทั้งให้การช่วยเหลือดูแลในส่วนของสิทธิประโยชน์อื่นเป็นกรณีพิเศษ โดยในส่วนของเงินช่วยเหลือต่างๆ นั้น ในเบื้องต้นรวมแล้วเป็นเงินประมาณ 3,076,270 บาท
