เพจโจมตีเจ้าหน้าที่ผิดคิว อ้าง “ฮัมดี” ไม่ได้ขัดขืน-แหกรถ แต่ทหารเมา สุดท้ายมีคลิปเจ้าตัวยอมรับเอง แย่งพวงมาลัยรถควบคุมตัวจริง เสียใจและขอโทษที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ มีคนตาย แถมสารภาพสิ้น เอี่ยว 7 เหตุรุนแรง ล้วนเป็นคดีความมั่นคงสำคัญใน อ.ปะนาเระ ปัตตานี และพื้นที่รอยต่อ ทั้งฆ่าผู้หญิง ยิงทหารพราน ระเบิดปั๊มน้ำมัน
จากเหตุการณ์ นายฮัมดี โตะมะ ผู้ต้องสงสัยคดีความมั่นคง ก่อเหตุขัดขืน ดึงพวงมาลัยรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ ขณะถูกควบคุมตัวส่งยังศูนย์ซักถามฯ จนทำให้รถยนต์เสียหลักชนราวสะพาน ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 418 พื้นที่ ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ 3 นาย ส่วนนายฮัมดีได้หลบหนีไปจากจุดเกิดเหตุเกือบ 24 ชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ธ.ค.67 ต่อเนื่องกันนั้น
ล่าสุดมีเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Patani Ada Cerita” ได้เผยเพร่ข้อมูลอ้างว่าเป็นคำบอกเล่าจากนายฮัมดี ระบุว่า “นายฮัมดี โตะมะ ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพื่อให้สังคมได้รับรู้เรื่องการกระทำของเจ้าหน้าที่
จากเหตุการณ์รถเจ้าหน้าที่ขนย้ายผู้ต้องสงสัยเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต เวลาต่อมา นายฮัมดี ได้ออกมาพบชาวบ้าน และให้ชาวบ้านแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มารับตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
นายฮัมดีได้บอกกับชาวบ้านว่า ช่วงเกิดเหตุ เจ้าหน้าอยู่ในความมึนเมา และพยายามขู่ฆ่าตลอดเวลา ทั้งยังขับรถเร็วมาก พอรถเกิดอุบัติเหตุ เจ้าตัวก็ตกใจ เพราะเจ้าหน้าที่ยิงปืนใส่ เลยจำเป็นต้องหนีออกจากที่เกิดเหตุก่อนเพื่อความปลอดภัย และไม่ได้นำอาวุธของเจ้าหน้าที่ติดตัวไป หลังจากเรื่องเงียบลงจึงพยายามเข้าไปหาชาวบ้าน เพราะกลัวถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม
เพจเฟซบุ๊กดังกล่าวตั้งข้อสังเกตุเอาไว้หลายประการ ได้แก่
- เจ้าหน้าที่ได้กระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
- การใส่ร้ายว่านายฮัมดี ขัดขืน เพราะจะวิสามัญฯ ได้ง่ายหรือไม่
- การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าเป็นไปตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ หรือไม่ (พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายฯ)
- อาวุธที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าถูกเอาไป หายไปไหน หรือหายไปอยู่เเล้ว พอเกิดเหตุการณ์นี้เลยสวมรอย”
@@ ข้อมูลสวนทางท่าที จนท. ดูแลอย่างดีหลังมอบตัว
อย่างไรก็ดี ข้อสังเกตทั้งหมดนี้เป็นคำกล่าวอ้างฝ่ายเดียว ยังไม่มีบทสัมภาษณ์จากนายฮัมดีโดยตรง และยังไม่มีคำชี้แจงใดๆ จากทางเจ้าหน้าที่
แต่กระนั้นก็มีข้อสังเกตอีกด้านหนึ่งว่า หลังจากนายฮัมดี ออกมาแสดงตัว เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ใช้กำลังจับกุม หรือกระทำการด้วยความรุนแรง แต่ยังปฐมพยาบาลให้ และให้ข้าวให้น้ำรับประทาน ทั้งยังให้พักผ่อนเนื่องจากเห็นสภาพอิดโรย
นอกจากนั้น ปฏิบัติการปิดล้อมปูพรมค้นหานายฮัมดี ก็ไม่ได้มีการใช้ความรุนแรง หรือใช้อาวุธหนักใดๆ
@@ “ฮัมดี” รับแย่งพวงมาลัยรถจริง เสียใจทำ จนท.เจ็บ - ตาย
วันศุกร์ที่ 27 ธ.ค. หลังเจ้าหน้าที่ได้ไปรับตัวนายฮัมดี จากสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ประจำชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) คอลอตันหยง ได้มีการส่งตัวนายฮัมดีไปรักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถชน ที่โรงพยาบาลตำรวจยะลา อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ต่อมาได้มีการปล่อยคลิปวิดีโอของนายฮัมดี ขณะอยู่ระหว่างการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจยะลา โดยนายฮัมดีได้เล่าถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมกล่าวขอโทษและยอมรับผิดในเหตุการณ์ที่ตนเองกระทำลงไป
นายฮัมดี กล่าวว่า ”ทางเจ้าหน้าที่ชุดนั้น เขาบอกว่าจะพามายะลา ก็นั่งรถมา ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร แต่พอมาถึงจุดเกิดเหตุ เห็นสะพานก็ได้กระโดดไปหักพวงมาลัยรถ จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ“
“ยอมรับว่า เป็นคนหักพวงมาลัยรถจริงๆ รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยิ่งมารู้ว่าทำให้เจ้าหน้าที่ต้องตายและได้รับบาดเจ็บด้วยยิ่งเสียใจ ทั้งตัวเองก็มาเป็นแบบนี้อีก รู้สึกเสียใจจริงๆ”
นายฮัมดี บอกอีกว่า ตอนแรกก็คิดว่าไม่รอดเหมือนกัน พอรอดมาก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไร ก็เลยมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ อส. ไปขอข้าว จากเจ้าหน้าที่ อส. บอกเขาว่า ขอโทษและเสียใจ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับผิดหมดแล้ว
“ขอโทษจริงๆ ที่ทำให้เกิดเหตุ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ พอมาคิดอีกทีก็รู้ว่าไม่น่าทำแบบนั้นเลย”
@@ โต้สื่อโซเชียลฯ อ้างเลื่อนลอย ไร้หลักฐาน
ต่อมา พ.อ.เกียรติศักดิ์ ณีวงษ์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 สว่นหน้า(กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ออกมาแถลงโต้ข้อมูลของสื่อโซเซียลฯ ว่า เป็นคำกล่าวอ้างที่เลื่อนลอย ไม่มีหลักฐานและมูลความจริง อีกทั้งขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ ของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนอย่างโปร่งใสชัดเจน รวมทั้งในวันดังกล่าว ไม่มีอาวุธของเจ้าหน้าที่สูญหาย และไม่ได้ทำการยิงปืนออกไปแต่อย่างใด
“ต้องย้อนถามกลับว่า เมื่อได้ยินเรื่องแบบนี้เชื่อหรือเปล่า ซึ่งเท่าที่ทราบตัวนายฮัมดีได้รับบาดเจ็บค่อนข้างจะเยอะ รวมทั้งพื้นที่นั้นไม่ใช่พื้นที่ของเขา เขาไม่รู้จักใคร ชาวบ้านก็ไม่ให้ความร่วมมือ เจ็บด้วยหิวด้วย ไม่รู้จะไปไหน อยู่ไปก็อันตรายหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่เขาเข้าไปพึ่งเจ้าหน้าที่ อส. นั่นหมายความว่า ความสำเร็จในการที่จะให้ อส.เป็นที่พึ่งของประชาชนมันมี มันดีขึ้นแล้ว”
“ส่วนกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องดูเหตุผลรอบด้านก่อนว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนเขาจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ต้องรอสักนิดหนึ่ง รวมถึงข้อมูลที่ชาวบ้านเล่ามาก็ต้องมาสอบสวน เราจะไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งออก เพื่อให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายทั้งนายฮัมดีและเจ้าหน้าที่ด้วย”
@@ ในอดีตก็มีการหลบหนีระหว่างคุมตัว
ด้าน พล.อ.สำเร็จ ศรีหร่าย อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นปกติของสมาชิกบีอาร์เอ็นที่จะหาทางหนี สมัยอดีตเกิดตลอด เกิดบ่อย แต่ส่วนมากหนีแล้วหนีเลยไม่ย้อนกลับมามอบตัว
“การเกิดเหตุลักษณะนี้ครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ที่ผ่านๆ มาไม่ถึงขนาดทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสูญเสียเหมือนครั้งนี้ เมื่อก่อนเจ้าหน้าที่โดนตำหนิตลอด จะยิงก็ไม่ได้เดี๋ยวจะเป็นเรื่องอื่นอีก เจ้าหน้าที่ก็จะยอมถูกตำหนิตลอด” อดีตรองแม่ทัพภาค 4 กล่าว
@@ สารภาพเอี่ยว 7 เหตุรุนแรงในปัตตานี
ในช่วงที่นายฮัมดี ถูกเชิญตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึกฯ และเข้ากระบวนการซักถามเบื้องต้นที่ศูนย์ซักถาม หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก นั้น นายฮัมดี ให้การยอมรับว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จำนวน 7 เหตุการณ์ประกอบด้วย
1.เหตุประกบยิง น.ส.กันยารัตน์ ขุนนอก และ นางเอกปิยะ รัตนปรี ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 5 เม.ย.57
2.เหตุยิง น.ส.ลออ พรมจินดา เสียชีวิต ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 15 พ.ค. 57 โดยทำหน้าที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ให้กับมือปืน
3. เหตุยิง อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ภูมิศักดิ์ เย็นทั่ว เสียชีวิต ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 15 พ.ค. 57 โดยทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ให้มือปืนเช่นกัน
4. เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถเก็บขยะ ในพื้นที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 21 มิ.ย.65
5.เหตุปล้นเงินพนักงานเซเว่นอีเลฟเว่น สาขาปาลัส เมื่อ 18 พ.ย.67
6.เหตุลอบวางระเบิดในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ต.เกาะจัน อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อ 22 มี.ค.67
7.เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดแสวงเครื่องซุกซ่อนในรถยนต์บริเวณถนนระหว่าง สภ.ปะนาเระ กับที่ว่าการ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เมื่อ 24 ต.ค.2567