ผู้บัญชาการตำรวจกลันตัน ส่งเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบตรึงกำลังเข้ม 6 ท่าข้ามธรรมชาติ ติดชายแดน 2 ประเทศ พบชาวไทย-มาเลย์ฝ่าฝืนถูกจับกุมแล้ว 4 ราย ด้านชาวบ้าน-วินมอเตอร์ไซค์ในพื้นที่โอดกระทบวิถีชีวิต สูญรายได้
จากกรณีที่ พล.ต.ท.ดาโต๊ะ มูฮัมหมัดยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์ประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับการเดินทางเข้า-ออก ระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย โดยออกประกาศเมื่อวันที่ 18 พ.ย.67 ที่ผ่านมา หลังจากมีนักร้องชื่อดังชาวมาเลเซียถูกจับยาเสพติดที่โรงแรมใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ทำให้มาเลเซียเสียภาพลักษณ์อย่างมาก
จากนั้นได้เริ่มมีการกวดขันจับกุมตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.67 เป็นต้นมา โดยผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุมและปรับเป็นเงินคนละ 10,000 ริงกิต หรือเทียบเป็นเงินไทย ประมาณ 77,607 บาท หรือมีโทษทั้งจำทั้งปรับนั้น
วันที่ 10 ธ.ค.67 จากการตระเวนตรวจสอบช่องทางข้ามธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน 6 ท่า คือ ชุมชนท่ากอไผ่, ชุมชนท่าโรงเลื่อย, ชุมชนท่าชมพู, ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง, ชุมชนท่าประปา และชุมชนท่าบือเร็ง พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย หรือ “Senoi Praaq” (หน่วยหนึ่งของกองตำรวจมาเลเซีย) ได้ถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่เฝ้าตามช่องทางข้ามธรรมชาติทั้ง 6 ช่องทางของเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
รวมทั้งได้มีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบทำการลาดตระเวนตรวจสอบบุคคล ตามเส้นทางที่มุ่งหน้ามาจากช่องทางข้ามธรรมชาติ
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซียได้มีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนได้ จำนวน 4 คน เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และคนไทย 2 คน อายุระหว่าง 35-40 ปี ซึ่งถือว่าเป็นคนกลุ่มแรกฝ่าฝืนและถูกจับกุม หลังจากประเทศมาเลเซียออกกฎเหล็กนี้ โดยทั้ง 4 คนยังอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมถึงแรงจูงใจในการข้ามฟาก ข้ามแม่น้ำอย่างผิดกฎหมาย (แม่น้ำโก-ลก) ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
สำหรับช่องทางข้ามธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน 6 ช่องทาง ด้าน อ.สุไหงโก-ลก และฝั่งตรงข้ามของเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซียนั้น ทั้ง 2 ฟากฝั่งยังมีการเปิดบริการเรือโดยสารรับจ้างตามปกติ ในช่วง 3 เวลา คือ 06.00 น.- 09.00 น., 11.00 น.- 14.00 น. และ 17.00 น. -02.00 น.
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีผู้คนใช้บริการ เนื่องจากทางคนขับเรือโดยสารรับจ้างทั้ง 2 ฟากฝั่ง ไม่รับประกันถึงความปลอดภัยผู้มาใช้บริการ เพราะสุ่มเสี่ยงและอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ฝั่งมาเลเซียจับกุมได้
จากการสอบถามคนขับเรือข้ามฟากชาวไทย ถึงกรณีนักเรียนที่ต้องเดินทางไปเรียนหนังสือในประเทศมาเลเซีย ได้ข้อมูลว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซียได้มีการอนุโลมให้เดินทางข้ามแดนไปเรียนหนังสือได้เป็นกรณีพิเศษ แต่ผู้ปกครองบางส่วนได้ส่งบุตรหลานข้ามแดนไปเรียนหนังสือโดยผ่านด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งมีการประทับตราเดินทางเข้า-ออกถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากผู้ปกครองกลุ่มนี้ไม่มีความมั่นใจต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมาเลเซีย เนื่องจากนโยบายผู้บังคับบัญชาเข้มงวด อาจจะถูกจับกุมได้ในวันใดวันหนึ่ง
นายสูไฮมิง โต๊ะรายอ คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณทางข้ามชุมชนท่าโรงเลื่อย กล่าวว่า วิถีชีวิตตอนนี้คือ รายได้ที่เคยมี หายหมดเลย ปกติคนที่นี่ส่วนมากจะเดินทางไปซื้อของ ก็จะใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ ทั้งไปส่งและรับกลับบริเวณท่าเรือข้ามฟาก แต่พอตำรวจมาเลเซียเข้มงวดปิดท่าข้ามฟากแบบนี้คือลำบากเลย ประชาชนบ้านริมแม่น้ำไม่สามารถทำงานได้ ส่วนมากคนมาเลเซียที่มาเที่ยวบ้านเราเพื่อซื้ออาหารของกิน บางครั้งก็เช่าโรงแรม เมื่อเสร็จก็กลับ คนกลุ่มนี้ก็หายไปหมดเลย
“เศรษฐกิจบ้านเราส่วนมากจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้า วินมอเตอร์ไซด์ ได้รับผลกระทบหมดเลย ต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาแก้ไขเรื่องการเปิดท่าให้กลับมาเหมือนเดิม อยากให้เศรษฐกิจเมืองสุไหงโก-ลก ดีขึ้นเหมือนก่อน ถ้าปิดแบบนี้เศรษฐกิจสุไหงโก-ลก แย่แน่ๆ” นายสุไฮมิง บอกเสียงเครียด