รายอฮัจยีชายแดนใต้คึกคัก พี่น้องมุสลิมร่วมละหมาด-ฟังธรรมที่มัสยิด ขณะที่วัวราคาถูกกว่าทุกปี คาดพลีทานสามจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นตัว ส่วนที่ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลกคึกคัก แรงงานแห่กลับบ้านฉลองรายอ รถไฟเต็มทุกขบวน
วันรายอฮัจยี หรือ วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา ฮ.ศ.1445 ตรงกับวันที่ 17 มิ.ย.67 มุสลิมทั้งหญิง ชาย และเด็กๆ ชายแดนใต้สวมใส่เสื้อผ้าใหม่ สะอาด หลากสีสัน ไปร่วมละหมาดอีดกันตั้งแต่เช้า ที่มัสยิดใกล้บ้านหรือสถานที่ที่จัดเตรียมไว้สำหรับละหมาด
ในพื้นที่ อ.เมืองปัตตานี มีการละหมาดอีดทุกมัสยิด เช่น มัสยิดกลางฯ ชาวไทยมุสลิมเดินทางไปพร้อมบุตรหลานเพื่อร่วมพิธีละหมาด โดยมี นายรอย๊ะ หวันโซ๊ะ โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางประจำจังหวัดปัตตานี พร้อมคณะกรรมการมัสยิด และชาวชุมชนมัสยิดกลางฯ ร่วมให้การต้อนรับ
ที่ฮือฮาเป็นพิเศษคือ นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีคนดัง พร้อมบุตรสาว ได้เดินทางไปร่วมละหมาด พร้อมทั้งได้นำน้ำดื่ม และขนม ไปแจกจ่ายผู้เข้าละหมาดด้วย
ภายหลังเสร็จการประกอบศาสนกิจ อิหม่ามรอย๊ะ ได้กล่าวอำนวยพรแก่ทุกคนว่า วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮาเป็นวันที่มีคุณค่าและมีความหมาย มุสลิมทั้งหลายได้ปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีดิ้ลอัฎฮา และฟังคำตักเตือนจากคุตบะห์ร่วมกัน ได้พบปะญาติพี่น้องและผองเพื่อน อันเป็นบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรภาพและความอิ่มเอมใจ โดยเฉพาะการเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เพื่อให้บุตรหลานได้แสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณตามครรลองแห่งคำสอนอิสลาม
“ในวาระโอกาสอันเป็นมงคลบารอกัต วันอีดิ้ลอัฎฮา ฮิจเราะห์ศักราช 1445 ขอพรจากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดดลบันดาลให้พี่น้องมุสลิม และพี่น้องร่วมชาติทุกคนที่ดำเนินชีวิตอยู่ใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งองค์อัครศาสนูปถัมภก มีความสุข ความจำเริญ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีความสมบูรณ์พูนผลในสิ่งอันพึงปรารถนา ดำเนินกิจการงานใดขอให้เจริญรุ่งเรือง สุขสวัสดิ์พิพัฒน์ผลและสัมฤทธิ์ผลแห่งความสำเร็จนั้นทุกประการ” อิหม่ามมัสยิดกลางปัตตานี กล่าว
อนึ่ง การละหมาดวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา ถือเป็นศาสนกิจที่สำคัญที่สุด ซึ่งมุสลิมทุกเพศทุกวัยจะต้องไปร่วมกันละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้าน ร่วมรับฟังคุตบะห์ (ฟังธรรม) จากโต๊ะอิหม่าม แสดงความยินดีและขออภัยต่อกันในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิด ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
นอกจากนั้นยังร่วมบริจาคทานให้กับเด็ก คนชรา หรือผู้ยากไร้ พร้อมทั้งออกไปเยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน จัดงานเลี้ยงในเครือญาติ รับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อต้อนรับวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา
@@ วัวราคาถูกกว่าทุกปี คาดพลีทานไม่ต่ำกว่าหมื่นตัว
นอกจากการละหมาดที่มัสยิดแล้ว สิ่งสำคัญในวันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา คือ การเชือดสัตว์พลีทาน (กุรบ่าน) ซึ่งชาวไทยมุสลิมถือว่าการทำกุรบ่าน จะได้เข้าใกล้ต่ออัลลอฮ์ ด้วยการเชือดสัตว์พลีต่อพระองค์
สำหรับสัตว์ที่นำมาใช้เพื่อทำพลีทาน มีทั้ง วัว ควาย แพะ หรือแกะ ซึ่งจะต้องมีร่างกายแข็งแรง ลักษณะสวยสง่า ไม่ป่วยเป็นโรค เป็นตัวผู้หรือตัวเมียก็ได้ แต่ห้ามนำสัตว์ตัวเมียที่ตั้งท้องหรือเพิ่งคลอดลูกมาทำกุรบ่าน
อายุของสัตว์ที่มาทำกุรบ่านนั้น ถ้าเป็นแกะต้องอายุเกิน 6 เดือน แพะต้องมีอายุ 1 ปี วัวต้องมีอายุ 2 ปีขึ้นไป และอูฐต้องมีอายุ 5 ปีขึ้นไป
โดยชาวบ้านส่วนใหญ่ในพื้นที่จะนิยมเชือดวัว เพราะวัวที่ทำกุรบ่าน 1 ตัว แบ่งได้ 7 ส่วน จะนำไปบริจาคแจกจ่ายให้กับคนชรา เด็กกำพร้า คนยากจน เพื่อแสดงถึงการเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้กับคนที่ไม่ได้ทำกุรบ่านได้รับประทาน และบางส่วนจะเก็บไว้รับประทานเลี้ยงกันภายในครอบครัว ญาติพี่น้อง โดยเนื้อสัตว์ที่ได้จากการกุรบ่านนี้จะนำไปขายไม่ได้
นายอาลี สาและ ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า ปีนี้ที่หมู่บ้านเชือดวัว 21 ตัว เยอะกว่าหลายปีที่ผ่านมา ราคาเริ่มต้น ส่วนละ 3,700 บาท วัว 1 ตัวแยกได้ 7 ส่วน ซึ่งวัว 1 ตัวชาวบ้านที่นี่จะแบ่งกันคนละส่วนรวมแล้ววัว 1 ตัวราคาตกประมาณ 25,900 บาท
“ที่หมู่บ้านของเรา เชือดมากถึง 21 ตัว รวมแล้วเฉพาะที่นี่มีเงินสะพัด 543,900 บาท”
นายอาลี กล่าวต่อว่า หากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ คิดคร่าวๆ หมู่บ้านละ 5 ตัวประมาณ 2,000 หมู่บ้าน ก็ 10,000 ตัวแล้ว ที่มีการแจกจ่ายให้เด็กกำพร้า คนยากจน และกินฉลองกันภายใน 3 วันช่วงเทศกาลรายอนี้
นายอาลี กล่าวด้วยว่า ราคาวัวปีนี้ถูกกว่าทุกปี เท่าที่คุยกับหลายคนบอกว่า เป็นวัวนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งถ้ามีการพัฒนาดีๆ ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงอย่างเป็นระบบ มั่นใจว่าคุณภาพชีวิตของชาวบ้านจะดีขึ้น ธุรกิจวัวไม่มีขาดทุน แถมตลาดภายในก็เยอะ จะยิ่งกำไรหากรัฐบาลสามารถทำข้อตกลงส่งตลาดประเทศเพื่อนบ้านได้
@@ ด่านพรมคึกคัก แรงงานแห่กลับบ้าน รถไฟแน่น
วันเดียวกัน ที่ด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก มีแรงงานไทยในประเทศมาเลเซียทยอยกันเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในเทศกาลฮารีรายออีดิ้ลอัฎฮากับครอบครัวอย่างเนืองแน่น
พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ปีนี้มีแรงงานไทยในประเทศมาเลเซียเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นจำนวนมาก จากข้อมูลพบว่ามีผู้เดินทางเข้ามาสูงสุดในวันที่ 13 มิ.ย.67 กว่า 10,000 คน และในวันที่ 14 มิ.ย.67 กว่า 12,000 คน ภาพรวมมีผู้เดินทางเข้ามาตลอดห้วงนี้กว่า 30,000 คน
ด้านนายวสันต์ จันทร์ลอย ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก กล่าวว่า ในห้วงเทศกาลฮารีรายอ อีดิ้ลอัฎฮา มีผู้เดินทางมากกว่าช่วงฮารีรายออีดิ้ลฟิตริ เมือเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 14-16 มิ.ย.67 มีผู้โดยสารหนาเเน่นโดยเฉลี่ยมากกว่า 2,000 คนต่อวัน
“ขณะนี้ชั้นนอนปรับอากาศเต็มหมดเเล้ว และจะว่างอีกครั้งช่วงวันที่ 30 มิ.ย. ส่วนชั้นโดยสารปกติ (ชั้น 3) ในวันที่ 18 มิ.ย. มีการสำรองเต็มหมดทุกที่นั่ง และในวันที่ 19 มิ.ย. ตอนนี้ได้มีผู้สนใจเริ่มทยอยจองตั๋วกันเป็นจำนวนมากเเล้วเช่นกัน และเพื่อเป็นการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นช่วงเทศกาล ขณะนี้ได้เพิ่มรถเร็ว ชั้น 3 ความยาว 16 โบกี้เข้ามา และเพิ่มรถโดยสารสุราษฎร์ธานี -สุไหงโก-ลก เข้ามาอีก 2 คัน อีกด้วย” ผู้ช่วยนายสถานีรถไฟ ระบุ