รองแม่ทัพภาค 4 นำคณะข้ามชายแดนร่วมละศีลอดกับ ผบ.กองพลทหารราบที่ 2 กองทัพบกมาเลเซีย พร้อมถกแก้ปัญหาความมั่นคง เผยเพื่อนบ้านเตรียมสร้างกำแพงเซฟตี้โซน ยาว 99 กิโลเมตร ด้าน “วันนอร์– ทวี” ร่วมงานละศีลอด จัดแข่งขันฟุตบอลการกุศลระดมทุนช่วยเด็กกำพร้า-แม่เลี้ยงเดี่ยวปัตตานี
เมื่อเร็วๆ นี้ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 / รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส และผู้แทนหน่วยทหาร ตำรวจที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ชุดประสานงานไทยมาเลเซียกว่า 30 คน เดินทางไปร่วมงานละศีลอด (เปิดปอซอ) ที่มัสยิดมูกิมกวาโต๊ะเด๊ะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ ปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
ทั้งนี้เป็นไปตามคำเชิญของ พลตรี ดาโต๊ะ อัสฮาน บินฮัจจีมูฮัมหมัดออทมัน ผู้บัญชากองพลทหารราบที่ 2 กองทัพบกมาเลเซีย ที่ได้ร่วมกับ นายฮาจิเจฟนี บินมูฮัมหมัด ผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัฐกลันตัน, พลจัตวาไสพลอะนัวร์ บินจาฟาร์ ผู้บัญชาการกองพลน้อยทหารราบที่ 6 กองทัพบกมาเลเซีย และ พันเอกคามาล บินกาซิม หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนไทยมาเลเซีย จัดงานนี้ขึ้นเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศที่อยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว มีสันติสุขและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติและศาสนา
งานในครั้งนี้เป็นโอกาสให้ส่วนราชการตามแนวชายแดนทั้ง 2 ฝั่ง ได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวความคิดในการร่วมมือกัน สร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง การแลกเปลี่ยนข่าวสาร โดยเฉพาะในเรื่องของการสกัดยาเสพติด ปัญหาบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคง
การจัดงานลักษณะนี้ยังเป็นการสร้างผลทางจิตวิทยา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวถือว่าเป็น “พื้นที่สีแดง” ที่มีกลุ่มบุคคลที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศแฝงตัวกบดานอาศัยอำพรางตัว ใช้ในการหลบหลีกหรือหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารของประเทศมาเลเซีย ซึ่งปัจจุบันทางการของมาเลเซียพยายามเคลียร์หรือเอกซเรย์พื้นที่เพื่อให้เป็น “พื้นที่สีขาว”
สำหรับการเดินทางมาร่วมงานละศีลอด (เปิดปอซอ) ของคณะ พล.ต.ไพศาล บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น โดย พล.ต.ไพศาล ได้ถือโอกาสร่วมโต๊ะเจรจาปัญหาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนของทั้งสองประเทศ ทั้งเรื่องของการลักลอบค้าสินค้าหนีภาษี การแพร่ระบาดของยาเสพติด รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่งทางการมาเลเซียเข้าใจการทำงานของไทย แต่ติดปัญหาที่ชายแดนของทั้ง 2 ประเทศมีระยะทางยาวเกินกว่าเจ้าหน้าที่จะสอดส่องดูแลได้ 100%
ด้วยเหตุนี้ ทางรัฐบาลมาเลเซียจึงได้เล็งเห็นความสำคัญ เตรียมก่อสร้างกำแพงหรือรั้วทึบ เป็นระยะทาง 99 กิโลเมตร โดยเริ่มต้นจากริมชายแดนตรงข้ามกับ อ.ตากใบ จรด อ.สุไหงโก-ลก และ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นเขตบล็อกเซฟตี้โซน ที่ฝั่งไทยมีการสร้างรั้วความมั่นคงอิเล็กทรอนิกส์ คาดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นของทั้ง 2 ประเทศจะคลี่คลายไปได้ในที่สุด
@@ “วันนอร์–ทวี” ร่วมละศีลอด ระดมทุนช่วยเด็กกำพร้า-แม่เลี้ยงเดี่ยว
เมื่อช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 6 ม.ย.67 ที่สนามกีฬาจังหวัดปัตตานี (สนามเดอะเรนโบว์ สเตเดี้ยม) ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และหัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นประธานร่วมงานละศีลอด รอมฎอน ฮ.ศ.1445 ร่วมกับเด็กกำพร้าและแม่เลี้ยงเดี่ยวในพื้นที่ จ.ปัตตานี
งานนี้มี ออกญาดาโต๊ะ ดร.อุสมาน ฮัสซัน รัฐมนตรีดูแลกิจการพิเศษด้านอิสลามแห่งกัมพูชา, นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี, ดร.ทวีลาภ ฤทธาภิรมย์ กรรมการและผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และ นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี ร่วมเป็นเกียรติด้วย
ทั้งยังมีองค์กรผู้นำจังหวัดปัตตานี (SEPAKAT PATANI) 10 องค์กร ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี, องค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี, สมาคมนายกองค์การบริหารส่วนตำบลจังหวัดปัตตานี, สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้านจังหวัดปัตตานี, สมาคมโรงเรียนเอกชนจังหวัดปัตตานี, ชมรมตาดีกาจังหวัดปัตตานี, สมาคมผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้, ชมรมสถาบันการเงิน นักธุรกิจจังหวัดปัตตานี, กลุ่มแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมุสลิมปัตตานี และชมรมคณาจารย์มุสลิมมหาวิทยาสงขลานครินทร์ปัตตานีและมหาวิทยาลัยฟาตอนี เข้าร่วมละศีลอดโดยพร้อมเพรียงกัน
การจัดงานในครั้งนี้ ยังมีโครงการมหกรรมระดมทุนเพื่อเด็กกำพร้าในจังหวัดปัตตานี ครั้งที่ 1/2567 ประกอบด้วย การจัดแข่งขันฟุตบอลการกุศลเพื่อเด็กกำพร้าในจังหวัดปัตตานี, การระดมทุนจัดเลี้ยงอาหารละศีลอดแก่เด็กกำพร้าพร้อมมารดา จำนวน 4,500 คน, กิจกรรมมอบเงินทุนการศึกษาแก่เด็กกำพร้าพ่อในจังหวัดปัตตานี จำนวน 1,500 คน
@@ “ทวี” ยกย่องแม่เลี้ยงเดี่ยว - ปลุกมุสลิมช่วยกันดูแลเด็ก
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนมีคุณค่าและความสำคัญ ควรค่าแก่การได้รับโอกาสและการส่งเสริม โดยเฉพาะเด็กกำพร้าเหล่านี้คือผู้ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพื่อจะได้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เป็นบุคคลที่ช่วยพัฒนาสังคม ในวันนี้รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญในการให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กกำพร้า นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนตาดีกาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
“ขอยกย่องมารดาทุกท่านที่ดูแลเด็กๆ เหล่านี้อย่างดีภายใต้ข้อจำกัดต่างๆ มากมาย ตามหลักศาสนาอิสลามการช่วยเหลือเด็กกำพร้าเป็นความรับผิดชอบสำหรับมุสลิมทุกคนที่มีความสามารถ อิสลามได้ให้ความสำคัญต่อการอุปถัมภ์เด็กกำพร้า ให้รักษาสิทธิของเด็ก ให้ความเมตตาเอ็นดูต่อเด็กกำพร้า ให้เขาคิดว่าถึงแม้ว่าเขาขาดพ่อไป แต่เขาก็ยังมีพี่น้องมุสลิมอีกมากมายที่เปรียบเสมือนพ่อคอยดูแลเมตตาเขา โดยผู้ที่กระทำดังกล่าวจะได้รับผลบุญมากมาย” รมว.ยุติธรรม ระบุ
หลังเสร็จสิ้นงานละศีลอดที่สนามกีฬาจังหวัดปัตตานีแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ พ.ต.อ.ทวี ยังได้เดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยา ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยมี ดาโต๊ะนิเดร์ วาบา นายกสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจังหวัดชายแดนใต้ และผู้บริหารโรงเรียนสายบุรีอิสลามวิทยาให้การต้อนรับ ก่อนเดินทางกลับด้วย
@@ รมว.ยุติธรรม เยี่ยมให้กำลังใจผู้ต้องขัง - ร่วมละศีลอดชาวนรา
ต่อมาวันอาทิตย์ที่ 7 เม.ย.67 ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ต.ลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ทวี พร้อมคณะ เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมพร้อมมอบอินทผาลัมและผ้าโสร่งให้แก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสเดือนรอมฎอนเดือนอันประเสริฐ โดยมี นายสหกร เกื้อเส้ง นักฑัณตวิทยาชำนาญการพิเศษปฎิบัติการราชการแทนผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวให้โอวาทและสื่อสารส่งมอบความรักความห่วงใยในโอกาสแห่งเดือนรอมฎอนแก่ผู้ต้องขังว่า ในเดือนรอมฎอนเหลือไม่กี่วันจะเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งผู้ต้องราชทัณฑ์ในประเทศไทยทุกแห่ง ต่างปฏิบัติศาสนกิจทางศาสนา ซึ่งทางเรือนจำได้สนับสนุนให้ผู้ต้องขังได้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างเต็มที่และสมบูรณ์
“การที่เราได้เข้ามาอยู่ในราชทัณฑ์แห่งนี้ เรื่องอุดมการณ์ ความเชื่อ ควรส่งเสริม ขอให้คิดว่าเราได้มาอยู่ในมหาวิทยาลัยชีวิต ความผิดพลาดในครั้งนี้ ทุกคนมีโอกาสผิดพลาดได้ แต่อย่าให้ผิดพลาดครั้งที่สองอีก เรือนจำไม่ได้อยู่ได้ตลอดชีวิต เราก็มีวันออก ขอให้เอาช่วงเวลาที่เราได้อยู่ในเรือนจำเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เรามองว่าเป็นพี่เป็นน้องกันหมดทุกคน เรามีแต่ความหวังดี เพราะทุกคนก็ล้วนเป็นความหวังของครอบครัวเช่นกัน”
จากนั้น รมว.ยุติธรรม และคณะได้เดินทางต่อไปยังโรงเรียนนราสิกขาลัย ต.บางนาค อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อร่วมงานเลี้ยงละศีลอดรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1445
รมว.ยุติธรรม ได้กล่าวแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมว่า รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมากที่ได้มาร่วมกิจกรรมละศีลอดในวันนี้ ดีใจที่ได้เข้ามาสัมผัสพี่น้องประชาชนในการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องไทยมุสลิมในห้วงเดือนรอมฏอน ประจำปี ฮิจเราะห์ศักราช 1445 พร้อมกล่าวอำนวยพรให้ปฏิบัติศาสนกิจอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ขอให้บรรลุผลสำเร็จตามที่ตั้งมั่นไว้ทุกประการ