เหตุการณ์โกดังเก็บพลุ-ดอกไม้ไฟระเบิด ที่ตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 29 ก.ค.66 นับถึงวันนี้ผ่านมากว่า 6 เดือนแล้ว แต่คนพื้นที่ยังไม่ได้รับข่าวดี และไม่มีวี่แววว่าแผนฟื้นฟูชุมชนให้กลับมาคึกคัก ปลอดภัย จะเป็นจริงได้...แม้แต่น้อย
การลงพื้นที่ของ “ทีมข่าวอิศรา” พบว่า บ้านเรือน ร้านรวงของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ต้องดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมทั้งสิ้น 649 หลังนั้น จนถึงปัจจุบันดำเนินการแล้วเสร็จไปเพียง 331 หลัง หรือประมาณครึ่งหนึ่ง
ขณะที่บ้านเรือนในพื้นที่โซนไข่แดง ในรัศมีใกล้กับโกดังที่เกิดระเบิด ได้รับความเสียหายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 99 หลัง เจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน (อส.) อำเภอต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ทยอยก่อสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ ปรากฏว่าล็อตแรกจำนวน 17 หลัง ภาพรวมจะแล้วเสร็จภายในเวลาอย่างน้อย 1 เดือนนับจากนี้ ขึ้นกับความพร้อมของวัสดุที่มี
ส่วนอีก 72 หลังที่เหลือ ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการวางระบบท่อระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วม ซึ่งตอนนี้ดำเนินการไปเพียงแค่ 20 เปอร์เซนต์ คาดจะแล้วเสร็จในช่วงต้นเดือน เม.ย.67 จึงจะเริ่มก่อสร้างบ้านใหม่ที่เหลืออีก 72 หลังได้
@@ บ่นบ้านสร้างช้า – มีประกันรัฐตัดสิทธิ์
ผู้ได้รับผลกระทบหลายรายรู้สึกไม่พอใจกับการก่อสร้างบ้านที่ล่าช้า รวมไปถึงปัญหาเรื่องการจัดสรรวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างที่ได้รับบริจาคมา ก็มีปัญหาด้วย
วนิดา อาแว อายุ 36 ปี บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “อยากให้เขาสร้างบ้านให้เสร็จเร็วๆ เขาไม่ได้บอกว่าสร้างเสร็จเมื่อไหร่ แต่จะให้เสร็จเร็วที่สุด และจะเริ่มสร้างในเดือน ก.พ. แต่ไม่ทราบว่าวันไหน จึงอยากให้ผู้รับผิดชอบแจ้งมาให้ทราบชัดเจนว่าจะเริ่มสร้างวันไหน ตอนนี้ครอบครัวลำบากมาก อยู่กินด้วยเงินที่เขาบริจาค คือจะไม่ฟุ่มเฟือย กินแบบสมถะ”
ละลี บูโด วัย 58 ปี บอกว่า คนที่มีประกันภัยที่อยู่อาศัย ภาครัฐจะตัดทิ้ง ไม่ช่วยอะไรเลย ต้องซื้อปูน ทราย เหล็ก ค่าจ้างคนงานมาทำบ้านเอง
เมื่อถามว่า เหตุใดต้องซื้อปูนเอง เพราะมีคนมาบริจาคเยอะมาก ลุงละลี บอกอย่างเคร่งเครียดว่า “มันไม่ให้คนที่มีประกันบ้าน มันไม่ให้อะไรเลยสักอย่าง”
“ส่วนชาวบ้านที่มีสิทธิ์ได้เงินชดเชย หากไปเบิกวัสดุก่อสร้างบ้านที่เสียหาย ก็ถูกทางการหักเงินในส่วนที่เป็นยอดบริจาคที่ทางการจ่ายชดเชยให้ เรื่องนี้ผมทราบจากชาวบ้านที่ไปเบิกวัสดุ แทนที่เราจะได้วัสดุที่ได้รับบริจาคมาสร้างบ้านได้ แต่กลายมาถูกหักเงินยอดบริจาคเสียอีก”
@@ ลือแอบขายกระเบื้องบริจาคแผ่นละ20บาท
นอกจากปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างบ้านและการจัดสรรวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างแล้ว ยังมีการพูดคุยกันในวงกว้างถึงเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการจัดการวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง
โดยเฉพาะกระเบื้องมุงหลังคาที่ชาวบ้านได้รับบริจาคมา มีคนได้ยินข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่องค์กรอะไรก็ไม่รู้เอากระเบื้องไปขายให้ชาวบ้านในพื้นที่บ้านปูโป๊ะ ซึ่งเป็นรอยต่อกันชุมชนมูโนะ ในราคาแผ่นละ 20 บาท จนทำให้เกิดความสงสัยกันว่า กระเบื้องมุงหลังคาที่นำไปขายกันนั้น เป็นกระเบื้องที่เหลือจากการเบิกออกมาสร้างบ้านให้ชาวบ้านหรือเปล่า จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้
@@ อบต.มูโนะ หอบเอกสารแจง ไม่มีลอบขายกระเบื้อง
ด้าน น.ส.สุดสาย แดงดี ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มูโนะ, นายพีรนันท์ หัตถกิจนิกร เจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายอัฟนัน ยีดิง ผู้ช่วยนายช่าง อบต.มูโนะ ได้ร่วมกันนำเอกสารใบเบิกวัสดุที่ใช้สำหรับซ่อมแซมบ้านเรือนของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากกรณีเหตุโกดังเก็บดอกไม้ไฟมูโนะระเบิด จำนวน 4 แฟ้มใหญ่มาแสดง เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากที่มีชาวบ้านบางส่วนสงสัยว่า มีการแอบนำวัสดุไปซื้อขายกัน โดยเฉพาะกระเบื้องมุงหลังคา ในราคาแผ่นละ 20 บาท
น.ส.สุดสาย ชี้แจงว่า วัสดุการก่อสร้างต่างๆ มีอยู่ 2 ส่วน จากภาคเอกชนที่บริจาคมา และของหน่วยราชการที่ทางโยธาธิการจังหวัดจัดซื้อมา ก็จะนำมาเข้าระบบราชการ มีการรับ-การเบิกจ่ายทั้งหมด ซึ่งทาง อบต.ก็จะมีหลักฐานการเบิกจ่ายบ้านแต่ละหลัง ตามที่โยธาธิการจังหวัดประมาณการณ์ว่า มีอุปกรณ์อะไรในบ้านที่ได้รับความเสียหาย โดยการเบิกจ่ายมีเอกสารคุมการเบิกทุกครั้ง สามารถตรวจเทียบกับเอกสารของโยธาธิการจังหวัดได้
“ส่วนข่าวที่ชาวบ้านพูดกันนั้น ดูจากโซเชียลฯแล้ว อาจจะเป็นในส่วนของภาคเอกชนเขามาบริจาคให้ชาวบ้านต่างหากกันเอง ซึ่งมันอยู่เหนือการควบคุมของเรา เขาอาจจะได้เยอะมากกว่าการประมาณการณ์ในการสร้างบ้าน อาจจะมีเหลือแล้วนำไปขายกัน จนทำให้เขาใจผิดคิดว่า ทางการที่รับบริจาคนำไปขาย ยืนยันตรงนี้ไม่มีแน่นอน เพราะเราดำเนินการตามระเบียบอยู่แล้ว”
ในประเด็นการดำเนินการสร้างบ้านในโซนไข่แดง ที่ชาวบ้านกังวลว่าจะลงมือก่อสร้างเมื่อใดนั้น ปลัด อบต.มูโนะ บอกว่า ทาง ปภ.จังหวัด (ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด) ได้มาชี้แจงเรื่องรายละเอียดการสร้างบ้านในช่วงแรก จำนวน 24 หลังแล้ว เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ขอให้พ่อแม่พี่น้องที่ประสบเหตุมั่นใจได้เลยว่า เราในฐานะส่วนราชการไม่ทอดทิ้ง