ชัดแล้ว “อส.ปะนาเระ” เหยียบกับระเบิดเสียชีวิต ขณะไปเลี้ยงวัวในทุ่งนาห่างวัดพรหมประสิทธิ์ 500 เมตร เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบ ทำลายระเบิดได้อีก 1 ลูก หวิดบึ้มซ้ำ คาดฝีมือกลุ่มป่วนใต้หวังสร้างความสูญเสีย พุ่งเป้าเจ้าหน้าที่รัฐ ชาวบ้านไทยพุทธ เปิดประวัติศาสตร์บาดแผล วัดดังกลางไฟใต้
ความคืบหน้ากรณีพบศพ อส.วิลาภ บุญรัตน์ อายุ 55 ปี อส.ประจำชุดคุ้มครองตำบลท่าข้าม (ชคต.ท่าข้าม) อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณทุ่งนา ท้องที่หมู่ 2 ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ เมื่อช่วงค่ำของวันศุกร์ที่ 2 ก.พ.67 ที่ผ่านมา แต่เนื่องด้วยเป็นช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่เกรงว่า จะมีการลอบวางระเบิดดักไว้ทำร้ายชุดตรวจที่เกิดเหตุ จึงปิดกั้นพื้นที่เอาไว้ รอเข้าตรวจอย่างละเอียดพร้อมกันทุกหน่วยในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น
ต่อมา วันเสาร์ที่ 3 ก.พ. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี และเจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางเข้าที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบและเข้าทำพื้นที่ให้ปลอดภัย โดยจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณทุ่งนาบ้านทุ่งใหญ่ ห่างจากวัดพรหมประสิทธิ์ประมาณ 500 เมตร พบศพของ อส.วิลาภ บุญรัตน์ อยู่ในทุ่งนา ห่างถนนประมาณ 200 เมตร สภาพนอนคว่ำหน้า ขาทั้งสองข้างขา และมีรอยไหม้ตามลำตัว สันนิษฐานว่าเกิดจากการเหยียบ “กับระเบิดแสวงเครื่อง” ในที่เกิดเหตุ และใกล้กันยังพบวัวที่ อส.วิลาภ เลี้ยงเอาไว้ เหยียบระเบิดแสวงเครื่อง นอนตายอยู่ด้วย
จากการตรวจพื้นที่อย่างละเอียด เจ้าหน้าที่พบระเบิดแสวงเครื่องเพิ่มอีก 1 ลูก ยังไม่ทำงาน เป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบเหยียบ จึงเก็บกู้ทำลายอย่างปลอดภัย จากนั้นจึงเปิดพื้นที่ให้เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บวัตถุพยาน นำไปขยายผลต่อ
@@ ลอบวาง “กับระเบิด” หวังทำร้ายคนพุทธ
สอบสวนทราบว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันศุกร์ที่ 2 ก.พ. อส.วิลาภ เดินทางออกจาก ชคต.ท่าข้าม โดยได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อไปยังทุ่งนาของภรรยา ซึ่งอยู่บริเวณถนนเลียบคลองชลประทานห่างจากวัดพรหมประสิทธิ์ประมาณ 500 เมตร เพื่อไปเลี้ยงวัว แต่คาดว่าขณะเข้าไปเลี้ยงวัวในทุ่งนา ได้เดินไปเหยียบระเบิดแสวงเครื่องที่คนร้ายลอบวางดีกเอาไว้ ทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุ ไม่มีบ้านเรือนประชาชนแต่อย่างใด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่ตั้งใจก่อเหตุสร้างสถานการณ์กับเจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชน โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในเขตหมู่บ้านไทยพุทธ และทุ่งนาดังกล่าวก็เป็นของผู้ตาย รวมทั้งชาวบ้านไทยพุทธหลายรายในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนใหญ่จะนำวัวไปเลี้ยงในทุ่งนากันเป็นประจำ โดยที่นาผืนนี้กว้างใหญ่ และอยู่ห่างจากชุมชน ทำให้คนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางหรือฝังไว้ได้อย่างสะดวก
@@ เปิดประวัติวัดพรหมประสิทธิ์ เคยเกิดเหตุฆ่าพระ
ชุมชนรอบๆ วัดพรหมประสิทธิ์ ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ เป็นชุมชนไทยพุทธขนาดใหญ่ โดยวัดพรหมประสิทธิ์ เคยเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายบุกเข้าไปฆ่า พระแก้ว โกสโร อายุ 78 ปี ด้วยการตีด้วยไม้ และฟันด้วยมีดพร้าจนมรณภาพ และยังฆ่าเด็กวัด 2 คน คือ นายณรงค์ คำอ่อง อายุ 17 ปี และ นายสถาพร สุวรรณรัตน์ อายุ 15 ปี ด้วยการยิงและฟันด้วยมีดพร้าจนเสียชีวิต และนำนำศพไปราดน้ำมันเผาในกุฏิ ทั้งยังได้ทำลายทรัพย์สินภายในวัด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 ต.ค.2548
คดีนี้ตำรวจติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุเอาไว้ โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต จำเลย 5 คน คือ นายอัดนัน วาเต๊ะ, นายอับดุลเลาะ สาเมาะ, นายมะโซเร เจะสะนิ หรือเจะสนิ, นายมูฮามัด หรือมูฮาหมัด ดือเระ และนายเพ็ญดี หรือดี แบวา
นับเป็นคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้คดีแรกที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาลงโทษจำเลย และเป็นคดีตัวอย่างของการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเป็นระบบของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย โดยเฉพาะการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันการกระทำผิดของจำเลย
@@ ผบช.ภ.9 แฉคนร้ายวางระเบิดดักชุดตรวจที่เกิดเหตุ
พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9) กล่าวถึงเหตุการณ์ อส.เหยียบกับระเบิดแสวงเครื่อง เสียชีวิต ว่า คนร้ายมีความพยายามก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และเป้าหมายอ่อนแอที่เป็นประชาชน เหตุการณ์ครั้งนี้คนร้ายน่าจะรู้ว่าผู้ตายเป็น อส. และมาเลี้ยงวัวในพื้นที่ของตัวเอง ซุกระเบิดแบบเหยียบหวังสังหารเหยื่อ แล้ววางกับระเบิดอีกหลายจุด เพื่อหวังทำร้ายเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจสอบ แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ใช้ความระมัดระวังทุกครั้งเมื่อต้องตรวจสอบ จีงไม่เกิดเหตุรุนแรงซ้ำซ้อนขึ้น
“ผมได้กำชับให้เก็บรวบรวมวัตถุพยานให้มากที่สุด เพื่อดำเนินการตรวจพิสูจน์ว่าการกระทำครั้งนี้เป็นฝีมือหรือกลุ่มใด” ผบช.ภ.9 ระบุ