มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ แม่ทัพภาค 4 พร้อมพ่อแม่ผู้ปกครอง ร่วมต้อนรับนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ 30 ชีวิต กลับจากอิสราเอลอย่างปลอดภัย หลังไปฝึกอาชีพตามหลักสูตร แต่เนื่องจากสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ จึงเดินทางกลับก่อนกำหนด ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย
วันพุธที่ 18 ต.ค.66 ที่มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส นายนราทิศ หมวกรอง อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ได้นำนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส จำนวน 22 คน และนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ ซึ่งไม่ได้เป็นนักศึกษาของวิทยาลัยฯ อีก 8 คน รวมทั้งสิ้น 30 คน ซึ่งเข้าโครงการฝึกสหกิจด้านเทคโนโลยีทางการเกษตร ที่เขตอาราวา ประเทศอิสราเอล รุ่นที่ 7 เดินทางกลับถึงมหาวิทยาลัยอย่างปลอดภัย
นักศึกษากลุ่มนี้ รัฐบาลไทยได้เหมาลำเที่ยวบินของสายการบิน แอลอัล อิสราเอลแอร์ไลน์ จากท่าอากาศยานเบนกูเรียน บินถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นทางมหาวิทยาลัยได้นำรถบัสขึ้นไปรับกลับภูมิลำเนาเรียบร้อย ท่ามกลางรอยยิ้มของทุกฝ่าย และอ้อมกอดของครอบครัว
บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก อบอุ่น โดย นายปรีชา สะแลแม อธิการบดีมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์, รศ.ดร.วสันต์ พลาศัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม, ผศ.ทวี บุญภิรมย์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส, พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 รวมไปถึงเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบิดามารดา ตลอดจนเครือญาติของนักศึกษาทั้ง 30 คน คอยให้การต้อนรับที่ห้องประชุมชั้น 3 ตึกสำนักงานอธิการบดีฯ
ตัวแทนของมหาวิทยาลัย กล่าวบนเวทีตอนหนึ่งว่า ขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือนักศึกษากลับประเทศด้วยความปลอดภัย จากเหตุสงครามในประเทศอิสราเอล ทุกฝ่ายไม่นิ่งนอนใจ ได้ทำกันอย่างเต็มที่เพื่อให้คนไทยกลับประเทศ และเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย จะมีการพิจารณาเพื่อส่งนักศึกษากลับไป และเมื่อนักศึกษากลับมาแล้ว ทางมหาวิทยาลัยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยให้คำปรึกษาแนะนำ ประสานต่อการให้ความช่วยเหลือในระหว่างที่กลับมาอยู่ที่ภูมิลำเนา
เนื่องจากประเทศอิสราเอลถือว่าเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยีการวิจัยด้านการเกษตรที่ล้ำหน้า สามารถปรับพื้นที่ทะเลทรายให้สามารถทำการเกษตรได้ หากเราส่งนักศึกษาไปเรียนรู้กลับมา สามารถนำองค์ความรู้มาปรับใช้ในบ้านเราได้ ก็จะยิ่งทำให้ภาคเกษตรกรรมบ้านเรามีการพัฒนาไปแบบไม่หยุดยั้ง
นายอับดุลตอเล็บ มามะ นักศึกษาปี 4 คณะเกษตรศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีนราธิวาส กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงมหาวิทยาลัยนราธิวาสนครินทร์ และที่ขาดไม่ได้คือทางสถานทูต ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญของนักศึกษา การส่งไปเรียนรู้และพัฒนาที่ประเทศอิสราเอลถือว่าเป็นประโยชน์มาก เพราะอิสราเอลมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทราย ไม่มีน้ำใช้ แต่ได้พยายามศึกษาวิจัยทุกวิธี เพื่อจะให้มีน้ำใช้ตลอดเวลา สามารถปลูกพืชอะไรก็ได้ที่อยากจะปลูก
“ถามว่าเกษตรกรบ้านเขาจนลงไหม...ไม่มีครับ เพราะเขามีรัฐบาลหนุนหลัง การจัดการระบบน้ำของเขามีการวิจัยทุกอย่าง ระบบน้ำจึงไม่มีน้ำสักหยดเดียวที่สูญเปล่า” นายอับดุลตอเล็บ เล่าถึงความประทับใจที่ได้ไปศึกษาและฝึกงานที่อิสราเอล
ส่วนภาวะสงครามที่เกิดขึ้นนั้น นักศึกษาปี 4 รายนี้บอกว่า นักศึกษาไทยอยู่โซนอาราวาทั้งหมด ส่วนโซนที่มีสงครามจะเป็นโซนภาคกลาง ซึ่งจะมีระยะทางห่างกัน 170 กิโลเมตร ขณะนี้โซนอาราวาเป็นเขตที่ปลอดภัยมากที่สุดในประเทศอิสราเอล คนไทยและคนในประเทศอิสราเอลเองจะอพยพมาอยู่ในโซนที่พวกตนอยู่ บางหมู่บ้านเริ่มขาดแคลนอาหาร และเสื้อผ้า มีคนต้องอาศัยตามหอพักหรือตามสถานบริการสาธารณสุขเยอะขึ้น