เหตุระเบิดที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ย.66 ข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ระบุชัดว่า ทหารพรานที่พลีชีพ 1 นายขณะปฏิบัติภารกิจนั้น เป็นเพราะเหยียบกับระเบิด ซึ่งเป็น “ระเบิดแสวงเครื่องแบบเหยียบ”
คนร้ายวางดักไว้ในป่ายางพารา ท้องที่หมู่ 7 ต.สากอ อ.สุไหงปาดี ทหารพรานที่เสียชีวิต คือ อส.ทพ.ธนภัทร เหมมณี อายุ 24 ปี
การโจมตีด้วย “กับระเบิดแบบเหยียบ” เป็นความเลวร้ายของสถานการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่ผ่านมามีประชาชนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเป้าหมาย ต้องเสียขา เสียชีวิตไปจำนวนไม่น้อย
และครั้งนี้เป็นคราวของเจ้าหน้าที่ทหารพราน
มีข้อมูลความเชื่อมโยงที่น่าสนใจว่า “กับระเบิดแบบเหยียบ” อาจถูกส่งเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน และที่น่าตกใจก็คือ ปลายทางอยู่ที่ อ.สุไหงปาดี มีการแจ้งเตือนมาก่อนหน้านี้ และเคยเกิดเหตุทำร้ายประชาชน ซึ่งเป็นชาวสวนยางผู้บริสุทธิ์ ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาแล้วเมื่อปี 65
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ช่วงต้นเดือน ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน หรือ PGA ที่ 9 ประจำอำเภอกัวลาตรังกานู รัฐตรังกานู ประเทศมาเลเซีย ได้นำกำลังเข้าจับกุมชายสัญชาติไทย ทราบชื่อภายหลังคือ นายนัสรูดิน บิน ฮัจยีอับดุลเลาะห์ (Nasarudin bin Hj Abdullah) อายุ 50 ปี ขณะขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ Proton Saga สีดำ ป้ายทะเบียน WHG 5147 ในพื้นที่บ้านลูโบ๊ะฆง อำเภอปาเชร์มัส รัฐกลันตัน ใกล้กับชายแดนมาเลเชีย-ไทย ฝั่งตรงข้ามบ้านมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส
จากการตรวจสอบภายในรถยนต์ เจ้าหน้าที่มาเลเซียตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย แผนวงจรแบบผลิตเองโดยใช้แบตเตอรี่, สารโซเดียม, วัตถุสังหาร เป็นลูกตะกั่ว, ท่อเหล็ก, มัลติมิเตอร์วัดกระแสไฟ, ปลั๊กไฟ, เครื่องมืออเนกประสงค์, ปุ่มสวิตซ์รีโมท, กล่องเหล็กพันด้วยเทปสีดำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจปาเชร์มัส เพื่อดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิสูจน์หลักฐานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้รับข้อมูลของกลางและวัตถุพยานจากการจับกุมชายสัญชาติไทยของตำรวจมาเลเซีย พร้อมยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้จำนวนหนึ่งในพื้นที่ชายแดน รัฐกลันตัน จึงได้มีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดสอดคลัองกับอุปกรณ์ที่ถูกประดิษฐ์เป็น “ระเบิดแสวงเครื่องแบบเหยียบ” ตามระบบฐานข้อมูลกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ซึ่งเคยนำมาใช้ก่อเหตุในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 15 ส.ค.65
ในวันนั้น นางประทุม นักทอง อายุ 55 ปี เหยียบกับระเบิดขณะเดินเข้าไปทำงานในสวนยางพารา พื้นที่บ้านโคกโก หมู่ 2 ต.ต๊ะเต็ง อ.สุไหงปาดี เป็นเหตุให้นางประทุมได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในวันเดียวกันยังเกิดระเบิดห่างจากจุดเกิดเหตุนางประทุมเพียง 200 เมตร โดยคนร้ายวางระเบิดดักทำร้ายเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อเจ้าหน้าที่เดินผ่าน ได้จุดชนวนจนเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 2 นาย
ต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้ยิงทำลายวัตถุระเบิดแบบเหยียบเพิ่มเติมอีก 1 ลูก ในพื้นที่หมู่ 2 ต.โต๊ะเต็ง อ.สุไหงปาดี
จากเหตุการณ์จับกุม นายนัสรูดิน บิน ฮัจยือับดุลเลาะห์ พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิด ทำให้น่าเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงอาจเตรียมประกอบระเบิดแสวงเครื่องแบบเหยียบ แล้วส่งเข้าพื้นที่ชายแดนใต้เพื่อใช้โจมตีเป้าหมาย โดยเฉพาะเป้าหมายอ่อนแอ เหมือนกับชาวบ้านกรีดยางอย่าง นางประทุม เมื่อปี 65
เมื่อทราบข้อมูลดังกล่าว จึงมีการแจ้งเตือนไปยังฝ่ายกองกำลังทุกหน่วยให้เฝ้าระวัง โดยในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี อ.ระแงะ อ.ศรีสาคร อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส, อ.รามัน อ.ธารโต จ.ยะลา และ อ.ไม้แก่น อ.ปะนาเระ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี รวมถึง อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา จ.สงขลา
แต่สุดท้ายก็มาเกิดเหตุระเบิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 ก.ย.66 ทหารพรานพลาดไปเหยียบ “กับระเบิด” จนขาขาดและเสียชีวิต คราวนี้เกิดในพื้นที่หมู่ 7 ต.สากอ อ.สุไหงปาดี ตามที่มีการแจ้งเตือน และจะมีพิธีรดน้ำศพในวันศุกร์ที่ 8 ก.ย.
เหตุการณ์นี้คือภาพสะท้อนวงจรความรุนแรงของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความเชื่อมโยงกับกองกำลังที่เคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน มีการส่งอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์ประกอบระเบิด รวมถึงวัตถุระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้ว ส่งข้ามแดนมาเป็นระยะ เคยมีข่าวอยู่เนืองๆ มีบางส่วนเท่านั้นที่ถูกสกัดจับ แต่อีกจำนวนไม่น้อยถูกส่งเข้าพื้นที่ชั้นใน และหลายกรณีเชื่อมโยงถึงกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศ
ข้อมูลชุดนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องดำเนินการ หากต้องการให้ความรุนแรงชายแดนใต้ยุติลง นอกเหนือจากการใช้กลไกและเครื่องอื่นๆ ไปพร้อมกัน