คาราวาน “แลนด์โรเวอร์” จากมาเลเซีย ขับข้ามแดนเที่ยวชมถ้ำกระแซง เยือนหอดูดวงจันทร์ยะหา หวังช่วยประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวชายแดนใต้ พร้อมมอบเงินงานการกุศลอุดหนุนตาดีกา 10,000 ริงกิต
การเดินทางครั้งสำคัญเพื่อสร้างประวัติศาสตร์การท่องเที่ยวระยะไกลของผู้ที่ชอบรถแลนด์โรเวอร์ ซึ่งเป็นรถที่ใช้กันสมัยโบราณ ยุคตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 ของคณะ “แลนด์โรเวอร์ คลับ” รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย สร้างสีสันให้กับพื้นที่ชายแดนใต้ของไทยไม่น้อย หลังจากพวกเขาตัดสินใจขับข้ามแดนมาเยือนถิ่นยะลา
“แลนด์โรเวอร์ คลับ” ตั้งกลุ่มขึ้นมาสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถยี่ห้อนี้ โดยนำรถจี๊ปแลนด์โรเวอร์มาตกแต่งให้สมบูรณ์แบบ พร้อมในการเดินทางท่องเที่ยว ทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ เพื่อเป็นจิตอาสาประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และร่วมงานการกุศล พร้อมเผยแพร่กิจกรรมให้ทั่วโลกได้รับรู้ผ่านแอปพลิเคชั่น “KELAB LAND ROVER KELANTAN”
Mr.Mtt Razzie Daud ประธานแลนด์โรเวอร์ คลับ รัฐกลันตัน มาเลเซีย ได้นำขบวนรถจี๊ปแลนด์โรเวอร์ 20 คัน มีผู้ร่วมทริปกว่า 50 ชีวิต เดินทางข้านแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 14 ก.ค.66 เพื่อท่องเที่ยวที่ในพื้นที่ จ.ยะลา ที่ถ้ำกระแซง อ.บันนังสตา รวมถึงสถานที่ดูดวงจันทร์ อ.ยะหา และร่วมงานการกุศลสร้างโรงเรียนตาดีกา บ้านบาโงฮารอ ต.ลำใหม่ อ.เมือยะลา โดยมี นายอนิรุทร บัวอ่อน นายอำเภอสุไหงโก-ลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ด่านสุไหงโก-ลก ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชน อำเภอสุไหงโก-ลก ให้การต้อนรับ พร้อมปล่อยขบวนรถแลนด์โรเวอร์ สู่ จ.ยะลา โดยระยะการเดินทางยาว 130 กิโลเมตร
Mr.Mtt Razzie Daud บอกว่า จะบันทึกและเผยแพร่เรื่องราวของทุกพื้นที่ที่คณะเดินทางไป เพื่อให้ประชาชนในมาเลเซียได้รับรู้แลนด์มาร์คใหม่ๆ จะได้มาท่องเที่ยว พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ของไทยที่เป็นชายขอบระหว่าง 2 ประเทศ (รัฐกลันตันมีดินแดนติดต่อกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้)
“เชื่อว่าหลังได้ชมแหล่งท่องเที่ยวทั้ง 2 จุดนี้ พร้อมเผยแพร่สู่โลกโซเชียลฯในคลับของพวกเรา จะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซียมาเที่ยวชมที่นี่อีกเป็นจำนวนมาก” ประธานแลนด์โรเวอร์ คลับ ระบุ
@@ เปิดเส้นทาง “คนรักแลนด์โรเวอร์”
การเดินทางของคณะ “แลนด์โรเวอร์ คลับ” ใช้เส้นทางจากด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก ผ่านทางเลี่ยงเมืองนราธิวาส ขึ้นถนนสายเอเซียเส้นทางไป จ.ปัตตานี ถึงสี่แยกบ้านยาโงะ อ.ยี่งอ แล้วเลี้ยวซ้ายขึ้นเส้นทางสายขึ้นเขายือลาแป ถึงวงเวียนตะโละหะลอ รวมระยะทาง 38 กิโลเมตร ยิงตรง 12 นาฬิกาที่วงเวียนตะโละหะลอสู่ อ.รามัน จ.ยะลา
ขับรถเดินหน้าต่ออีก 37 กิโลเมตร ถึงกิโลศูนนย์ สามแยกไฟแดงบ้านปารามีแต อ.เมืองยะลา แล้วเลี้ยวซ้ายสู่ อ.บันนังสตา ระยะทาง 42.2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 44 นาที ถึง อ.บันนังสตา จ.ยะลา จาก อ.บันนังสตา ขับรถอีก 2 กิโลเมตร ถึงบ้านกาโสดแล้วเลี้ยวซ้าย จะมีป้ายบอกทาง “ถ้ำกระแซง” เข้าไปผ่านหมู่บ้าน ถึงปากถ้ำกระแซงใช้ระยะทาง 2.6 กิโลเมตร
@@ เยือนอันซีน “ถ้ำกระแซง” บันนังสตา
ซาการียา กูเตะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบันนังสตา (อบต.บันนังสตา) พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำศาสนา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสถานที่ท่องเที่ยวถ้ำกระแซง ให้การต้อนรับอย่างอุบอุ่น คณะแลนด์โรเวอร์ คลับ เข้าชมถ้ำกระแซง ซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาสูง มีเส้นทางเข้าปากถ้ำให้รถได้ผ่านเข้าไปชมด้านใน
ซาการียา เล่าว่า ถ้ำกระแซง อยู่ที่บ้านกาโสด อ.บันนังสตา เป็นถ้ำที่สวยงามตามธรรมชาติ เพดานของถ้ำมีหินย้อยมากมาย มีถ้ำที่อยู่ใกล้เคียงข้างถ้ำกระแซงอีก 5 ถ้ำ คือ ถ้ำลูกอม ถ้ำน้ำลอด ถ้ำนางฟ้า ถ้ำนางแก้ว และถ้ำพระ ในถ้ำกระแซงมีลำธารไหลผ่านลอดปากถ้ำเป็นโพรงขนาดใหญ่ มองออกไปภายนอกเห็นป่าไม่ร่มรื่น มีทิวทัศน์ที่งดงาม
“ช่วงที่น้ำน้อย นักท่องเที่ยวสามารถเดินเลาะเลียบตามลำธารลอดถ้ำทะลุไปอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นที่โล่ง โอบล้อมด้วยภูเขาและแมกไม้เขียวขจี เห็นทัศนียภาพสวยงดงามมาก”
นายกฯ อบต.บันนังสตา เล่าอีกว่า จำได้เมื่อสมัย 50 ปีก่อน มีพระสงฆ์จากประเทศมาเลเซียหลายรูปมากทอดกฐินในถ้ำกระแซงแห่งนี้ มีประชาชนมาร่วมทอดกฐินเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวมาเลยเซีย และคนไทย หลังจากเสร็จพิธีพระสงฆ์ ชาวมาเลเซียได้เผยแพร่เรื่องราว กระทั่งรู้กันทั่วมาเลย์
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้โพสต์ภาพทางโซเชียลมีเดีย ทำให้คนมาเลเซียและประเทศอื่นๆ ได้รับรู้และมาเที่ยวมากขึ้น
@@ ฟังประวัติศาสตร์ร้อยปีหอดูดวงจันทร์ “บูเก๊ะปาเระ”
จากนั้นคณะ “แลนด์โรเวอร์ คลับ” ได้เยี่ยมชมหอดูดวงจันทร์ ที่เขาปาเระ (บูเก๊ะปาะเระ) ต.ยะหา อ.ยะหา จ.ยะลา โดยมี นายอมร ชุมช่วย นายอำเภอยะหา พร้อมด้วย นายอุมา สะมะแอ นายก อบต.ยะหา ให้การต้อนรับ และอธิบายถึงประวัติความเป็นมา
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า หอดูดวงจันทร์บน “บูเก๊ะปาะเระ” มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบร้อยปี โดยมีชาวบ้านขึ้นไปจับนกป่าเพื่อนำเลี้ยง ซึ่งช่วงนั้นเป็นเดือนถือศีลอดของพี่น้องมุสลิมพอดี (เดือนรอมฎอน) ชายผู้ไปจับนกได้มองขึ้นฟ้า ระดับ 45 องศา ปรากฏว่ามองเห็นจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าในเวลาหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เมื่อได้ลงจากเขาจึงได้กระจายบอกข่าวให้ชาวบ้านทราบ ชาวบ้านได้บอกต่อๆ กันไป ทำให้ทุกคนรู้ว่าบนภูเขาแห่งนี้สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้ชัดเจน ใช้กำหนดวันเริ่มหรือสิ้นสุดเดือนรอมฎอนได้
ต่อมาได้มีการปรับพื้นที่ และสร้างเป็นหอดูดวงจันทร์ และในอนาคตอันใกล้นี้จะมีการก่อสร้างอาคารและสถานที่ดูดวงจันทร์ขึ้นมาใหม่ให้เป็นมาตรฐาน มีอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมในการดูดวงจันทร์ ซึ่งดูกันหลายเทศกาลตลอดปี
จากนั้น คณะแลนด์โรเวอร์ คลับ ได้ร่วมงานการกุศลโรงเรียนตาดีกา บ้านบาโงฮารอ ต.ลำใหม่ อ.เมืองยะลา โดยได้รวบรวมเงินจำนวน 10,000 ริงกิต มอบให้กับโรงเรียนตาดีกา คิดเป็นเงินประเทศไทย ประมาณ 80,000 บาท