แรงงานไทยในมาเลย์แห่ข้ามแดนกลับชายแดนใต้เตรียมฉลองรายอ “ผกก.ตม.นราธิวาส” สั่งเพิ่มช่องประทับตราหนังสือเดินทาง พร้อมแจกน้ำดื่มและอินทผาลัมไว้ละศีลอด ยะลาประกาศกำหนดหยุดราชการวันรายอ 1 วัน ด้านโรงจำนำ – ร้านทองเบตงคึกคัก มุสลิมแห่จับจ่ายไถ่ทองใส่วันรายอ
วันพุธที่ 19 เม.ย.66 ช่วงใกล้ถึงเทศกาลฮารีรายออีฎิลฟิตรีของพี่น้องชาวไทยมุสลิม บรรยากาศที่บริเวณด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีชาวไทยมุสลิมที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ซึ่งเดินทางข้ามแดนไปขายแรงงานยังเมืองต่างๆ ของรัฐกลันตัน ได้ทยอยเดินทางกลับบ้าน เพื่อเตรียมมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลรายออีฎิฟิตรี ทำให้บรรยากาศที่บริเวณด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก เนืองแน่นไปด้วยฝูงชนที่ยืนต่อคิวประทับตราหนังสือเดินทางเข้าประเทศเป็นแถวยาวเหยียด
พ.ต.อ.พูลศักดิ์ แก้วสีขาว ผกก.ตม.จว.นราธิวาส ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) อำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ด้วยการเสริมช่องทางพิเศษให้เจ้าหน้าที่สามารถประทับตราหนังสือเดินทางได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้แรงงานไทยเหล่านี้ต้องเสียเวลา เพราะต้องเดินทางต่อไปยังภูมิลำเนาด้วยรถโดยสารประจำทาง รถตู้ประจำทาง รวมไปถึงรถไฟ หากล่าช้าเสียเวลาในการรอคิว อาจจะไม่สามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาได้ทันเที่ยวรถหรือรถไฟ
นอกจากนี้ พ.ต.อ.พูลศักดิ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่จัดอินทผาลัมและน้ำดื่มจำนวนหนึ่ง นำมาแจกจ่ายให้กับแรงงานไทย โดยเฉพาะคนชราและเด็กๆ ที่อยู่ระหว่างยืนและนั่งรอคิวประทับตราหนังสือเดินทาง รวมทั้งแรงงานไทยที่โดยสารยานพาหนะที่เครือญาติเข้าไปรับในรัฐกลันตัน โดยการแจกจ่ายอินทผาลัมและน้ำดื่มในครั้งนี้ สร้างความดีอกดีใจให้กับผู้รับทุกเพศทุกวัย เพื่อเตรียมไว้ใช้รับประทานในการเปิดบวชหรือละศีลอดในช่วงเย็น
พ.ต.อ.พูลศักดิ์ ยังได้เข้าไปพบปะพูดคุยกับกลุ่มรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ให้บริการอยู่บริเวณด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก พร้อมกำชับว่า อย่าถือโอกาสขึ้นค่าโดยสารกับลูกค้า หรือเอารัดเอาเปรียบค่าบริการ เพราะจะเป็นการำสร้างความเดือดร้อนแก่คนไทยด้วยกันที่อุตส่าห์มีความจำเป็นต้องละทิ้งครอบครัวไปรับจ้างค้าแรงงานในประเทศมาเลเซีย เพื่อส่งเงินที่เป็นรายได้จากหยาดเหงื่อมาเลี้ยงครอบครัว
@@ ยะลาประกาศหยุดราชการวันรายอ
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่สำนักจุฬาราชมนตรีได้กำหนดให้ดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 ของเดือนเซาวาล (วันตรุษอีฎิลฟิตรี ) ฮิจเราะห์ศักราชที่ 1444 ในวันที่ 20 เม.ย.66 เวลาหลังดวงอาทิตย์ลับของฟ้า หากมีผู้เห็นดวงจันทร์ในวันและเวลาดังกล่าว จะเป็นผลให้วันศุกร์ที่ 21 เม.ย.66 เป็นวันตรุษอีฎิลฟิตรี (วันรายาปอซอ) แต่หากไม่มีผู้เห็นดวงจันทร์ในวันและเวลาดังกล่าว ก็ให้วันเสาร์ที่ 22 เม.ย.66 เป็นวันตรุษอีฎิลฟิตรี (วันรายาปอซอ) นั้น
ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ส.ค.65 ที่กำหนดให้วันตรุษอีฎิลฟิตรี (วันรายาปอซอ) ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนาอิสลาม เป็นวันหยุดราชการประจำปีในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทางจังหวัดยะลาจึงขอประกาศวันหยุดราชการเนื่องในวันตรุษอีฎิลฟิตรี (วันรายาปอซอ) ดังนี้
1.กรณีประกาศจุฬาราชมนตรีว่า มีผู้เห็นดวงจันทร์ โดยวันตรุษอีฎิลฟิตรี (วันรายาปอซอ) ตรงกับวันศุกร์ ที่ 21 เม.ย.66 ให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการ 1 วัน
2.กรณีประกาศจุฬาราชมนตรีว่า ไม่มีผู้เห็นดวงจันทร์ โดยวันตรุษอีฎิลฟิตรี (วันรายาปอซอ) ตรงกับวันเสาร์ ที่ 22 เม.ย.66 ให้วันจันทร์ที่ 24 เม.ย.66 เป็นวันหยุดราชการชดเชย 1 วัน
@@ โรงจำนำ – ร้านทองเบตงคึกคัก มุสลิมแห่ไถ่ทองใส่วันรายอ
ที่สถานธนานุบาลเทศบาลเมืองเบตง (โรงรับจำนำ) ได้มีชาวไทยมุสลิมเดินทางนำเงินไปไถ่ถอนถอนทองรูปพรรณ หลังจากได้จำนำไว้ เพื่อเตรียมนำไปสวมใส่ในช่วงเทศกาลฮารีรายออีฎิลฟิตรี แต่ก็มีบางส่วนที่นำทองไปจำนำ เพื่อนำเงินออกไปใช้จ่ายซื้อเสื้อผ้า ชุดรายอ ไว้สวมใส่ในวันฮารีรายอเช่นกัน ทำให้บรรยากาศก่อนวันฮารีรายอในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา คึกคักเป็นอย่างมาก
น.ส.นูรียะห์ สาแม ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองเบตง กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ละวันคึกคักมาก ประชาชนมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 200 ราย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพี่น้องชาวไทยมุสลิม ซึ่งจะนำเงินมาไถ่ถอนทองออกไป เพื่อสวมใส่ฉลองรายอ มากกว่าการนำทองมาจำนำ ทำให้เงินหมุนเวียนเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งทางสถานธนานุบาลยะลาก็ได้เตรียมเงินทุนสำรอง 57 ล้านบาท คาดว่าเพียงพอที่จะให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลฮารีรายอนี้
ขณะที่ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ผ้าละหมาด ฮีญาบ เครื่องแต่งกายต่างๆ ในพื้นที่ พี่น้องชาวไทยมุสลิมต่างออกมาจับจ่ายหาซื้อกันอย่างคึกคักเช่นกัน เพื่อเตรียมต้อนรับเฉลิมฉลองวันฮารีรายอ หรือวันสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน โดยแม่ค้าร้านขายเสื้อผ้าบุรุษ และสตรี (ชุดรายอ) บอกว่า ดีใจมากที่ปีนี้ได้ขายอย่างเต็มที่ เพราะว่าก่อนหน้านี้ต้องปิดร้านในช่วงโควิดระบาด
ส่วนที่ร้านทองจินดา ในเขตเทศบาลเมืองเบตง พี่น้องชาวไทยมุสลิมต่างออกมาเลือกซื้อทองรูปพรรณ ถึงแม้ว่าราคาทองจะปรับขึ้น โดย ราคาทองรูปพรรณ ราคาบาทละ 32,500 บาท แต่พี่น้องชาวไทยมุสลิมก็ออกมาซื้อทองกันอย่างคึกคัก เพื่อนำไปสวมใส่ในวันฮารีรายอ และจะแต่งกายด้วยชุดใหม่ ถือว่าเป็นซูนะห์ หรือทำแล้วได้บุญ ถ้าหากใครไม่ทำก็ไม่เป็นไร
@@ สลดผัวเมียขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านรายอ ชนกระบะดับทั้งคู่
วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุกู้ภัยสว่างเบตง รับเเจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.เบตง ว่ามีเหตุรถกระบะชนกับรถจักรยานยนต์ บริเวณโค้งถนนสายบ้านปากบาง เลยสามแยกเข้าหมู่บ้านจุฬาภรณ์ ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา ห่างจากทางแยกปากบางไปประมาณ 50 เมตร จึงจัดกำลังอาสากู้ภัยเข้าที่เกิดเหตุ เพื่อนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลเบตง
ต่อมา ร.ต.อ.สมพร สุขอนันต์ ร้อยเวร สภ.เบตง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน 1 กฒ 4201 นราธิวาส สภาพเสียหายทั้งคัน ใกล้กันพบรถยนต์กระบะโตโยต้า สีกรมท่า ทะเบียน บค 5880 เบตง อยู่ในสภาพถูกเฉี่ยวชนได้รับความเสียหาย
ส่วนผู้เสียชีวิต 2 ราย คือ นายนาวาวี ลาแซ อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.บาโงยซิแน อ.ยะหา จ.ยะลา และ น.ส.มาลีเตาะห์ ตอเลาะ อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.มะรือโบออก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเบตง ทราบชื่อคือ นายวิทวัส จันทร์มะโน อายุ 27 ปี เป็นชาว อ.เบตง เป็นคนขับรถกระบะ
จากการสอบถามชาวบ้านทราบว่า นายนาวาวี และ น.ส.มาลีเตาะห์ ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน มีอาชีพรับจ้างกรีดยางแถวปากบาง ก่อนเกิดเหตุทั้งสองกำลังขี่รถจักรยานยนต์เพื่อเดินทางกลับไปฉลองเทศกาลรายอที่บ้านเกิด แต่ระหว่างทาง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้ง ได้เกิดหลุดโค้งไปชนกับรถยนต์กระบะที่ขับสวนมาอย่างแรง จนทำให้เสียชีวิต ส่วนรถยนต์กระบะในระหว่างเกิดเหตุก็หักรถหลบไปตกคูน้ำข้างทาง ทำให้คนขับบาดเจ็บ