คืบหน้าเหตุปิดล้อม-ยิงปะทะที่ธารโต ยะลา พบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ต้องหาคดีความมั่นคง มีหมายจับ 1 หมาย เป็นมือประกอบระเบิดแสวงเครื่อง เชื่อมโยงเหตุบึ้มโจมตีรถตำรวจ สภ.บันนังสตา ทำให้ “พันตำรวจตรี” ต้องพลีชีพ เมื่อ 17 ก.พ.
ความคืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ปิดล้อม ยิงปะทะ ที่ อ.ธารโต จ.ยะลา มีรายละเอียดแจ้งเข้ามาเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่เริ่มต้นเมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม จ.ยะลา สนธิกำลัง 3 ฝ่ายเข้าพิสูจน์ทราบเป้าหมายซึ่งประชาชนให้ข้อมูลว่ามีผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด เข้าไปอาศัยหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง ในท้องที่หมู่ที่ 1 ต.บ้านแหร อ.ธารโต จ.ยะลา
เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงบริเวณบ้านที่ได้รับแจ้งข่าว ก็ได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ด้วยการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้บุคคลที่หลบซ่อนอยู่ภายในบ้านออกมามอบตัวพร้อมทั้งขอความร่วมมือจากผู้นำท้องที่และผู้นำศาสนาเข้าร่วมเจรจาด้วย แต่ไม่เป็นผล
กระทั่งเวลา 05.45 น. คนที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านได้ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนี ทำเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้น เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายอิบรอเฮม สาและ อายุ 42 ปี
จากการตรวจสอบประวัติของ นายอิบรอเฮม สาและ ตามแฟ้มข้อมูลของหน่วยงานความมั่นคง พบว่ามีความเชี่ยวชาญในการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง จากการรวบรวมหลักฐานพบว่ามีส่วนร่วมในการลอบวางระเบิดปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาธารโต รวมทั้งลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคนร้ายวางเพลิงเผาเครื่องจักรและรถบดถนนที่ใช้ในการก่อสร้างถนนขอ งบริษัท ยะลาไฮเวย์ เมื่อวันที่ 16-17 ก.พ.66 จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ “พันตำรวจตรี” เสียชีวิต 1 นาย คือ พ.ต.ต.ประสาน คงประสิทธิ์ สารวัตรสืบสวน สภ.บันนังสตา ซึ่งเพิ่งเข้าปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพักได้เพียง 1 วัน และมีกำลงพลได้รับบาดเจ็บอีก 4 นาย เหตุระเบิดเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.พ.
นอกจากนั้น นายอิบรอเฮม ยังมีหมายจับในคดีความมั่นคงจำนวน 1 หมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยจากการตรวจที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ยังสามารถยึดอาวุธปืนพกขนาด 9 มม. คาดว่าเป็นของผู้ตาย เพื่อนำไปพิสูจน์ทราบหาที่มาและประวัติการก่อเหตุต่อไป
พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อญาติของผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งขอให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจในมาตรการควบคุมพื้นที่และการบังคับใช้กฎหมายซึ่งได้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังในทุกขั้นตอน ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้นเกิดจากผู้ก่อเหตุยิงใส่เจ้าหน้าที่ จึงจำเป็นต้องตอบโต้จนนำไปสู่ความสูญเสียดังกล่าว